เรื่อง: (ปฐมบท)พี่สาวคนสวยกับแฟน Typeหมาเด็ก
ตอนที่.4 พี่สาวคนสวย
โดย:Srikarin2489
รสนันท์ปล่อยนิ้วมือจากปุ่มกดหัวฉีดน้ำ แล้วโยนทิ้งไว้บนพื้นหญ้าก่อน รีบเข้าไปดูกฤษณะที่กำลังลูบน้ำออกจากหน้าตัวเอง พร้อมทั้งยิ้มแหย ๆ
“คุณนะ...ทำไมจู่ ๆ โผล่มาแบบนี้ล่ะคะ ไม่ส่งเสียงบอกพี่ก่อน พี่ไม่เห็นเปียก
หมดเลย” กฤษณะได้แต่ยิ้มแหย ถูกรสนันท์ทำเสียงดุแต่ไม่จริงจัง
“ผมไล่จับนกครับ”
ตอบพลางใช้ฝ่ามือเช็ดน้ำออกจากหน้าตัวเอง น้ำเปียกไปถึงเสื้อแต่กางเกงขาสั้นสีกรมท่าไม่เปียก แขนขาเล็กผิวขาวไปทางซีด
“ไม่มีคนเล่นด้วยหรือคะ ถึงเล่นแต่กับสัตว์ ครั้งก่อนโยนก้อนหินใส่ปลาในบ่อ
วันนี้ไล่จับนก” รสนันท์อยากจะโมโหแต่โมโหไม่ลง เมื่อก้มมองดวงหน้าเล็กสบดวง
ตาใสแป๋วหลังแว่นคู่นั้น ที่แหงนมามองพร้อมรอยยิ้มประจบ
“เราเจอกันครั้งที่สองแล้ว จำพี่ได้มั้ย” แม้จะเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวแต่รสนันท์จำอีกฝ่ายได้แม่น เพราะในชีวิตรู้จักเด็กแค่ไม่กี่คน
“พี่นัน” ริมฝีปากอิ่มสีชมพูอ่อน คลี่ยิ้มพอใจเมื่อเห็นเด็กแว่นตอบเสียงฉาดฉานด้วยความมั่นใจ
“ตัวเปียกแบบนี้เข้าไปในบ้านก่อน เดี๋ยวพี่จะเอาผ้าเช็ดตัวให้” รสนันท์คว้าข้อมือผอมขาวบางจับจูงพาเดินเข้าไปในบ้าน ซึ่งอีกฝ่ายเดินไปด้วยอย่างเต็มใจ
“นัน...อ้าว...พาเด็กที่ไหนมาด้วย”
รจนาเดินออกมาจากห้องครัวพอดีเห็นลูกสาวคนเล็กจูงเด็กแปลกหน้ามาด้วย มองดูด้วยแววตาแปลกใจ
“คุณนะเป็นหลานชายคุณกิตติค่ะแม่ ลูกชายคนเล็กของคุณกฤต โผล่มาไม่ให้เสียงนันกำลังรดน้ำต้นไม้ เลยเป็นแบบนี้” รสนันท์บอกแม่แล้วก้มไปหากฤษณะ
“คุณนะสวัสดีคุณยายก่อน คุณยายเป็นแม่ของพี่นัน” รจนายิ้มเอ็นดูเมื่อเห็น
กฤษณะยกมือไหว้อย่างว่าง่าย บ่งบอกให้รู้ว่าคงได้รับการสอนมาดี
“คุณนะรอตรงนี้นะ พี่จะไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้” รสนันท์หายเข้าไปในห้อง นอนครู่เดียวกลับออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่ง
“ถอดแว่นก่อน พี่จะเช็ดหน้าให้” รสนันท์นั่งคุกเข่าลงใกล้ ใช้ผ้าเช็ดตัวซับน้ำตรงใบหน้าเล็กผอมนั้นก่อน เจ้าเด็กแว่นยืนนิ่ง ๆ ให้เช็ดหน้าให้
“ให้พี่นันเขาเช็ดตัวให้ก่อน ยายจะไปเอาขนมมาให้ทาน” รจนาบอกแล้วเดินกลับไปทางห้องครัว กฤษณะมองใบหน้าของพี่สาวคนสวยไม่วางตา ด้วยรอยยิ้มแจ่ม ใสขณะถูกรสนันท์เช็ดหน้าเช็ดตัวให้
“ทีหลังอย่าแอบซุ่มมาเงียบๆแบบนี้อีก เข้าใจมั้ยคะ”
“เวลาผมมา ผมต้องทำยังไงครับ พี่นันถึงจะไม่ตกใจ” ดวงตาใสแป๋วของคนถามทำให้รสนันท์ยิ้มขำปนเอ็นดู ถามแบบนี้แสดงว่าคิดจะกลับมาที่นี่อีก
“คุณนะจะมาที่นี่อีกทำไม ที่นี่ไม่มีเด็กให้คุณนะเล่นด้วยหรอกนะ” รสนันท์หยิบแว่น จากในมือของกฤษณะสวมใส่คืนให้
“มาเล่นกับพี่นันครับ” บอกแล้วยิ้มประจบ
“เฮ้ย...พี่โตแล้ว ไม่เล่นกับเด็กหรอก พี่เป็นนักศึกษาแล้วนะ ส่วนคุณนะจบอนุบาลหรือยัง”
ไหล่บางงุ้มลงคอตก ดวงหน้าเรียวเล็กฉายแววผิดหวังกับคำพูดของคนโตกว่า ท่าทางแบบนั้นทำให้รสนันท์วางมือโอบไหล่แล้วบอกเสียงนุ่ม
“แต่คุณนะมาที่นี่ได้เสมอ คุณยายทำขนมอร่อย มาทานขนมของคุณยายก็ได้”
“จริงหรือครับ” รสนันท์ยิ้มเอ็นดู เมื่อดวงหน้าเรียวผอมนั้นแหงนมายิ้มแฉ่ง ร้องถามด้วยความดีใจที่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี่อีก
“ที่นี่เป็นบ้านคุณปู่ของคุณนะ คุณนะอยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้ เข้าไปในครัวกัน ในครัวเป็นคลังขนมของคุณยาย มีของกินอร่อยเยอะแยะ คุณนะชอบกินขนมมั้ย”
“ชอบครับ” รีบพยักหน้าร้องบอก ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
“ถ้างั้นไปลุยคลังขนมของคุณยายกันเลย”
รสนันท์ร้องบอกเสียงสดใส เอาผ้าเช็ดตัววางไว้บนโซฟารับแขกก่อน แล้วจะเดินนำกฤษณะไปห้องครัวพลันหยุดเดินเมื่อรับรู้ว่ามีมือมาสอดจับมือเธอไว้ จึงก้มลงดูเห็นเจ้าของมือผอมบางซีดขาว แหงนหน้ามายิ้มแป้นดีใจ ทำให้เธอรู้สึกเอ็นดูจนต้องยิ้มตอบ กำมือเล็กผอมบางจับจูงพาเดินไปห้องครัวด้วยกัน
เสียงคนพูดคุยกันและมีเสียงหัวเราะแทรกเป็นระยะ แต่ที่ทำให้รสรินที่เดินเข้ามาในตึกหลังเล็กต้องหยุดยืนนิ่ง เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงเด็ก แปลกใจว่ามีเสียงเด็กอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“ทำไมมีเสียงเด็ก”
รสรินพึมพำแล้วเดินตามเสียงไปทางห้องครัว พอเธอเดินเข้าไปในห้องครัวเห็นแม่กับน้องสาวนั่งอยู่ที่เก้าโต๊ะตัวใหญ่กลางห้อง มีกฤษณะนั่งอยู่ตรงกลางกำลังอร่อยกับขนม จานขนมสามจานวางอยู่เบื้องหน้า
“ทำอะไรกันคะ” รสรินร้องถามพร้อมเดินเข้าไปหา
“อ้าวริน...” รจนาเงยหน้ามาทักลูกสาว รอยยิ้มยังค้างอยู่บนใบหน้า
“ทำไมคุณนะมาอยู่ที่นี่” รสรินมองดูเจ้าเด็กแว่น เห็นกำลังอร่อยอยู่กับขนม
ถูกแม่กับน้องสาวของเธอเอาใจจัดขนมใส่จานมาวางไว้ให้ กฤษณะดูสดใสมีความ
สุขต่างกับเวลาอยู่ต่อหน้าแม่ จะดูเซื่องซึมหงอยเหงาจนน่าสงสาร
“นันพาคุณนะมาทานขนม”
“รินมีอะไรหรือลูก”
“เปล่าค่ะ รินพึ่งกลับจากข้างนอกกับคุณกิตติ ไม่ได้มาที่นี่สองวันเลยแวะมา
ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่จำได้ว่ายังไม่ได้แนะนำหลานคุณกิตติกับนันเลยนะ”
“เจอกันตั้งแต่วันแต่งงานของพี่ริน ตัวผอมบางแต่กินเก่งนะคุณนะ กินขนมไข่
หมดไปหลายชิ้นแล้ว ระวังกินข้าวเย็นไม่ได้จะถูกคุณแม่ดุเอานะ” มือขาวผอมบาง
ที่กำลังส่งขนมใส่ปากมีอาการชะงัก เมื่อได้ยินคำว่าแม่ดวงตาล่อกแล่กแปลกไปทันที
“อย่าทานจนอิ่มนะคุณนะ ทานข้าวเย็นไม่ได้จะถูกคุณแม่ดุเอา” รสรินตั้งใจแค่พูดหยอกเล่น แต่มือผอมบางวางขนมลงในจาน ด้วยท่าทางเงื่องหงอยคำว่าแม่ทำให้ขนมหมดอร่อยทันที
“ทำไมไม่ทานต่อล่ะคุณนะ เมื่อกี้ยังทานอร่อยอยู่เลย” รสนันท์มองดวงหน้า
ผอมบางแววตาหลังแว่นดูเป็นกังวลต่างจากเมื่อครู่
“คุณรินว่าคุณนะกลับตึกใหญ่ก่อนดีกว่า คุณแม่กลับมาแล้ว”
“ครับ ขอบคุณครับคุณยายพี่นัน”
“คุณนะ...” รสนันท์ร้องเรียกตามหลังแต่ร่างผอมบางวิ่งออกไปรวดเร็ว
“อะไรของเขา ทำท่าเหมือนกลัวอะไร” รสนันท์ส่ายหน้าพึมพำไม่เข้าใจ
“เขาคงกลัวคุณแม่จะดุเลยรีบกลับ คุณนะเขากลัวแม่ คุณภัสทำให้ลูกกลัว
แทบประสาทเสีย รักแต่ลูกชายคนโตไม่รักลูกคนเล็กเลย”
“จริงหรือพี่ริน เป็นไปได้ยังไงที่ไม่รักลูก” รสนันท์หันมาถามพี่สาวด้วยน้ำเสียงแปลกใจ เป็นไปได้หรือที่คนเป็นแม่จะไม่รักลูกของตัวเอง
“จริง” รสรินตอบแล้วหยิบขนมไข่ในจานมาทาน
“รินเคยซื้อขนมไข่กิน ไม่อร่อยเหมือนแม่ทำเลย ฝีมืออย่างแม่นี่นะเปิดร้านทำ
ขนมขายได้เลย แต่อาจได้กำไรน้อยไม่คุ้มทุน เพราะแม่มือหนักเครื่อง ทำกินเองน่ะดี
แต่ทำขายเจ๊งแน่ แม่มีลูกค้าประจำแค่รินกับนันก็พอ” รจนาได้แต่ยิ้มยอมรับในเรื่องนี้
“เราสองคน เป็นลูกค้าประจำของแม่มาตั้งแต่เด็ก”
“นันยังไม่เข้าใจนะพี่ริน ว่าทำไมคุณแม่ของคุณนะไม่รักลูก” รสนันท์มองหน้าพี่สาวที่กำลังเพลิดเพลินกับขนมไข่ฝีมือแม่
“คุณภัสเขาตั้งใจจะมีลูกแค่คนเดียว เขาเป็นสาวสังคมไฮโซชอบปาร์ตี้ อุ้มท้องลูกแต่ละคนกว่าจะคลอดทำให้เขารู้สึกแย่ แต่คุณกฤตอยากมีลูกเพิ่มอีกคน คนเดียวมันน้อยไปฐานะก็ออกจะมั่งคั่ง คุณกิตติเล่าว่าทั้งสองคนระหองระแหงมีปากเสียงกันบ่อย คุณกฤตถึงขั้นยื่นคำขาดถ้าไม่มีลูกให้อีก จะหาผู้หญิงอื่นมาท้องแทน ทำให้คุณภัสไม่พอใจรู้สึกเหมือนตัวเองถูกกดดัน จึงยอมมีลูกอีกคนแบบไม่เต็มใจ”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ” รสนันท์นั่งเท้าคางทานขนมไปด้วย ขณะฟังพี่สาวเล่าถึงกับส่ายหน้า
“เพราะท้องแบบไม่เต็มใจ คุณภัสยังชอบไปปาร์ตี้ทั้งที่ยังท้อง ไม่สนใจดูแลลูกในท้อง ใช้ชีวิตตามใจตัวเอง ผลก็คือคุณนะเกิดก่อนกำหนด เกิดมาในสภาพไม่แข็งแรงต้องอยู่ในตู้อบครึ่งเดือน ผอมบางตัวเล็กจนคุณแม่ของคุณกฤตเห็นแล้ว ถึงกับร้องไห้ ด้วยความสงสารหลาน ไม่แค่นั้นนะคุณภัสไม่ยอมให้นมลูก คุณนะเลยมีสภาพอย่างที่เห็น สายตามีปัญหาต้องใส่แว่นตั้งแต่เด็ก”
รสนันท์นึกถึงกฤษณะด้วยความรู้สึกเวทนาสงสารอย่างบอกไม่ถูก แม้จะเกิดอยู่ในครอบครัวมีฐานะดี แต่ใช่ว่าจะโชคดีทุกเรื่องจะเรียกว่าโชคร้ายตั้งแต่ยังไม่เกิดก็ว่าได้ ที่มีแม่ใจดำแบบนี้
“ลูกเกิดมาในสภาพอ่อนแอ คุณภัสกลับไม่ใส่ใจ แค่ท้องให้ถือว่าหมดหน้าที่แล้ว คุณนะเลยเป็นลูกที่แม่ไม่รักไม่สนใจ”
“เขาตัวเล็กผอมมากอายุเท่าไหร่เหรอพี่ริน” รสนันท์ถามอย่างสนใจ กฤษณะตัวเล็กผอมซีดจนเธอคาดเดาอายุไม่ถูก
“สี่จะห้าขวบแล้ว”
“พี่รินกับคุณกิตติคิดจะมีลูกด้วยกันมั้ย ”
“คุณกิตติทำหมันแล้ว ทำตั้งแต่คุณกฤตยังเด็ก มีลูกอีกไม่ได้หรอก” แม่กับน้องสาวมีสีหน้าแปลกใจกับเรื่องที่รสรินบอกเสียงเรียบ ๆ
“คุณแม่ของคุณกฤตสุขภาพอ่อนแอ หลังจากคลอดคุณกฤต หมอบอกว่าไม่ควรจะท้องอีก คุณกิตติรักภรรยามากจึงตัดสินใจทำหมันเอง แต่ก็ดีเพราะพี่ไม่อยากมีลูกนักหรอก แม่รอมีหลานจากนันก็แล้วกัน”
“อ้าว...ทำไมโยนหน้าที่มาให้นันล่ะพี่ริน” รสนันท์ทำเสียงโวยวายใส่พี่สาวที่
ถูกยกหน้าที่นี้มาให้ รสรินได้แต่ยิ้มขำเห็นน้องสาวทำหน้างอไม่อยากรับหน้าที่นี้
“เพื่อนพี่เขาดูดวงเป็นและทายแม่นด้วย เคยบอกว่าดวงพี่ไม่มีลูกหรอก แต่จะมีหลานหลายคนด้วย พี่จะรอหลานจากนัน”
“ไม่เอา...นันไม่ชอบเด็ก” แม่กับพี่สาวยิ้มขำที่เห็นรสนันท์ทำเสียงโวยวาย
“พี่ให้เพื่อนเช็คดวงนันแล้ว มีคู่แน่นอนและจะมีหลานให้พี่กับแม่ด้วย”
“มีแฟนมาหลายคนแล้วคบไม่รอดสักราย อยู่เป็นโสดน่าจะสบายกว่า”
“พี่เชื่อคำทำนายของเพื่อนพี่ ว่านันจะมีหลานให้พี่กับแม่หลายคน” รสรินย้ำบอกแล้วหัวเราะที่เห็นน้องสาวทำหน้าหงิกไม่สบอารมณ์ ที่ต้องรับหน้าที่มีหลานให้กับแม่กับพี่สาว