ตอนที่ 5.ลูกรักลูกชัง

1794 Words
เรื่อง:(ปฐมบท) พี่สาวคนสวยกับแฟนTypeหมาเด็ก ตอนที่.5 ลูกรักลูกชัง โดย:Srikarin2489 “เห็นคุณนะมั้ย” กฤตเพิ่งกลับจากข้างนอกพร้อมนภัสสร ไม่เห็นลูกชายเล่นอยู่แถวหน้าบ้านรอรับเหมือนทุกวัน จึงถามกับคนทำงานบ้านที่ยกถาดใส่แก้วน้ำมาจัดวางให้ “คงอยู่แถวบ่อบัวค่ะ คุณนะชอบไปดูปลาในบ่อบัวค่ะ” “เขาคงเหงาอยู่ที่นี่ไม่มีเพื่อนเล่นเลย ดลเอาแต่เล่นเกมไม่ยอมเล่นกับน้อง” คุณกิตตินั่งพักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยเอ่ยเสียงเรียบ ๆ “ผมว่าดลติดเกมมากไปนะภัส ถ้าไม่ได้ไปโรงเรียนขลุกอยู่แต่หน้าจอ ไม่ยอมไปทำกิจกรรมอย่างอื่นเลย คุณตามใจลูกมากไปหรือเปล่า” “ถึงลูกจะเล่นเกมแต่เป็นเกมที่มีประโยชน์ ช่วยพัฒนาสมอง ลูกได้ฝึกฝนทักษะเรื่องภาษาด้วย ลูกดลต้องเตรียมตัวให้พร้อม อีกไม่นานต้องไปเรียนต่อต่าง ประเทศแล้ว คุณจ้องแต่จะจับผิดลูก” น้ำเสียงขุ่นเคืองเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ที่ลูกชายคนโตถูกตำหนิ ทำ ให้กฤตลอบถอนใจเบาแววตาเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย แตะลูกชายคนโตไม่ได้เลย นภัสสรจะออกอาการเดือดไม่พอใจทุกครั้ง “ดูแลเจ้านะลูกรักของคุณไปก็แล้วกัน ไม่ต้องมายุ่งกับลูกดล ถึงเขาจะชอบ เล่นเกมแต่การเรียนไม่เคยตก คุณเห็นแล้วลูกมีผลการเรียนดีตลอด เขาแบ่งเวลาเป็น” กฤตหันไปสบตาบิดาที่นั่งไขว่ห้างเอนหลังพิงพนักโซฟาตัวหนานุ่ม ทอด สายตามองสบตอบ แววตาเรียบนิ่งคาดเดาความรู้สึกไม่ได้ คุณกิตติรับรู้ถึงปัญหาในครอบครัวของลูกชาย แต่ไม่อยากยุ่งนักแม้จะเห็นใจลูกชายก็ตาม ดูออกว่ากฤตเบื่อหน่ายภรรยา ที่คอยพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจลูกชายคนโตสารพัด ว่ากล่าวแตะต้องไม่ได้เลย นภัสสรเป็นออกอาการไม่พอใจเป็นฟืนเป็นไฟ ได้ทะเลาะกันประจำ กฤตถอนใจเบาเมื่อมองสบตาบิดา ได้แต่นึกถึงเรื่องราวในอดีตตอนที่มาบอก บิดามารดาว่าต้องการแต่งงานกับนภัสสร จำได้ว่าทั้งบิดา มารดามีท่าทางตกใจและหนักใจกับเรื่องนี้ ปรายตามองหน้าขุ่นเคืองหงุดหงิดของภรรยา ทำให้นึกถึงคำเตือนของมารดา “กฤตมั่นใจแล้วหรือ ว่าต้องการได้นภัสสรมาเป็นภรรยา” เขาจำได้ว่ามารดาตั้งคำถามกับเขาด้วยสีหน้าจริงจัง แต่แววตาเคร่งขรึมหนักใจ เขาคิดว่าตัวเองนำข่าวดีมาบอก แต่ทั้งสองกลับไม่มีท่าทางยินดีด้วย “ทำไมครับคุณแม่ คุณพ่อคุณแม่รู้จักคุ้นเคยกับคุณพ่อคุณแม่ของภัส น่าจะ เป็นเรื่องดีที่ผมกับภัสจะแต่งงานกัน” “เรื่องพ่อแม่เขาแม่ไม่ติดใจ คุณภพกับคุณนภาเราคุ้นเคยกันมานาน พวกเขาเป็นคนดีทั้งฐานะชาติตระกูลดีทุกอย่าง แต่ลูกสาวกลับไม่เอาไหน เรียนไม่จบอะไรสักอย่าง งานการไม่เคยสนใจทำ พ่อแม่เขายังออกปากว่าลูกสาวทำตัวไร้สาระ วัน ๆเอาแต่แต่งตัว ช็อปปิงปาร์ตี้เป็นหลัก หาเงินไม่เป็นแต่ใช้เงินมือเติบเอาแต่ใจ มีดีแค่ สวย ผู้หญิงแบบนี้หรือที่กฤตจะเอามาเป็นเมีย” “ผมรักภัสครับคุณแม่” กฤตจำได้ว่าตัวเองยืนยันเสียงจริงจังหนักแน่น ทำให้ พ่อกับแม่ได้แต่มองหน้ากันอย่างหนักใจ เพราะรักนภัสสรมากทำให้มองไม่เห็นข้อไม่ ดี มีแต่ความปรารถนาอยากจะแต่งงานด้วย สาวสังคมแสนสวยดูน่าหลงใหล “นภัสสรเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมาะจะเอามาเป็นภรรยา แม่ขอพูดตามตรงนะกฤต เขาไม่มีคุณสมบัติของการเป็นเมียเป็นแม่” “เรารักกัน มีครอบครัวแล้วภัสคงปรับตัวดีขึ้น” จำได้ว่าตัวเองบอกอย่างมั่นใจ “ถ้าเขาปรับตัวได้จริงแม่ก็ยินดี ถ้ากฤตยังยืนยันจะแต่งกับเขา พ่อกับแม่ก็ตามใจ ต่อไปถ้าเกิดอะไรขึ้นกฤตต้องยอมรับให้ได้ เพราะกฤตเลือกเอง” กฤตอยากรู้เหมือนกันว่าทำไมเขาตอนนั้น ถึงเหมือนคนหูหนวกตาบอด ไม่ว่านภัสสรทำอะไรดูดีน่าหลงใหลไปหมด มาถึงทุกวันนี้ได้แต่ผิดหวังที่ตัวเองตัดสินใจผิดพลาด หากย้อนเวลากลับไปได้เขาคงตัดสินใจใหม่ สิ่งที่มารดาเคยเตือนไว้ได้ประจักษ์แจ้งตอนมาใช้ชีวิตคู่ด้วยกันนี่เอง เป็นอย่างที่มารดาเคยบอก นภัสสรไม่มีคุณสมบัติของการเป็นภรรยาและแม่ที่ดี ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนเพราะเขาเลือกเอง “คุณพ่อ” เสียงเล็กเจื้อยแจ้วใสร้องเรียกดีใจ ก่อนร่างผอมบางจะวิ่งเข้ามาหา คนเป็นพ่อ แล้วทุ่มตัวเข้ามากอดทำให้กฤตยิ้มออกมาได้ กอดรัดร่างลูกชายไว้ ไม่เห็น ว่านภัสสรปรายตารำคาญไม่พอใจ เห็นสามีกับลูกชายคนเล็กกอดรัดหยอกล้อกันจน ลูกชายหัวเราะเอิ้กอ้ากสดใส “ผมคิดถึงคุณพ่อครับ” “พ่อไม่อยู่แค่สองวัน แกทำเหมือนพ่อหายไปเป็นปี” สีหน้ามึนตึงน้ำเสียงไร้ ความนุ่มนวลของแม่ ทำให้กฤษณะหลบตาซุกหน้ากับอกพ่อ “ผมไปญี่ปุ่นสองวัน ลูกเขาคิดถึงผม” “ทีกับลูกดล ไม่เห็นคุณสนใจอยากกอดลูกเลย คุณลำเอียงรักลูกไม่เท่ากัน” “ก่อนจะว่าผมดูตัวเองเสียก่อน” น้ำเสียงของกฤตแข็งขึ้น ทำให้ลูกชายคนเล็ก ที่กอดซุกอยู่กับอกทำตัวลีบ เห็นพ่อกับแม่ทำท่าจะทะเลาะกัน “เจ้าลูกชายสุดรักของคุณ มันยอมให้ผมกอดมั้ยล่ะ อย่าว่าแต่พ่อกอดเลย คุณสังเกตดูลูกรักของคุณมั้ย เวลาคุณกอดมันท่าทางมันเริ่มรำคาญแล้วนะ” “อย่ามาหาเรื่องลูกดลนะ เขาเริ่มเป็นวัยรุ่นแล้ว อารมณ์ปรวนแปรหงุดหงิด ง่ายเป็นธรรมดา คุณเองก็เคยเป็นวัยรุ่น ทำไมเรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจลูก” “หึ...ธรรมดามากเลยนะ ถึงกับตะคอกแม่หน้าหงาย” กฤตทำเสียงเยาะ ทำ ให้นภัสสรหน้าเข้มบึ้งตึงริมฝีปากขบเม้ม มองสามีตาขวางขุ่นเคือง ตาดุบึ้งพาลไปถึง ลูกชายคนเล็ก ทำให้กฤษณะหลบตาวูบซุกหน้ากับอกพ่อกอดแน่นขึ้นอีก “เอาล่ะ...พอได้แล้ว” คุณกิตติขยับขาที่ไขว่ห้างอยู่ลงแล้วขยับนั่งตัวตรงเอ่ย ขัดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เป็นการปรามเมื่อเห็นทั้งสองทำท่าจะทะเลาะกันต่อหน้าลูก “นะ...ไปดูของฝากกับพ่อดีกว่า พ่อมีตัวต่อเลโก้รถแข่งมาฝากนะ” กฤษณะ ถึงกับฉีกยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายดีใจ เมื่อรู้ว่าพ่อมีของมาฝาก ทำให้นภัสสรได้แต่ มองตาขุ่นขวางหมั่นไส้ แต่ไม่กล้าพูดอะไรอีกเมื่อเห็นบิดาสามีนั่งมองนิ่งอยู่ “ภัสขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะคะคุณพ่อ จะไปดูลูกดล” นภัสสรผละขึ้นข้าง บนส่วนสามีจูงมือลูกชายคนเล็กไปดูของฝาก มีเสียงพูดคุยกันสดใสมีความสุขจน ทำให้นภัสสรหงุดหงิด คุณกิตติได้แต่ถอนใจยาวแววตาเคร่งขรึมไม่สบายใจ เมื่อทุก คนออกไปกันหมดแล้ว ระเบียงนั่งเล่นขนาดกว้างขวางพอสมควร ทอดยาวออกจากตัวบ้านพื้นปู ด้วยกระเบื้องสีน้ำตาลมองดูอบอุ่น มีเก้าอี้หวายจัดวางพร้อมโต๊ะกลม วางเรียงอย่าง ลงตัว บนเก้าอี้มีเบาะหนานุ่มคลุมด้วยผ้าสีครีมน่านั่งเล่น ใกล้ระเบียงเป็นสวนหย่อม ปลูกไม้พุ่มทรงเตี้ย พื้นหญ้าเขียวขจีตัดสั้นเป็นระเบียบไม่รกตา แซมด้วยหินประดับ เป็นทางเดินข้างสวนมีบ่อบัว ซึ่งเป็นบ่อซีเมนต์น้ำในบ่อใสแจ๋วจนมองเห็นปลาสีสันสวยงามแหวกว่ายไปมา ก้านดอกบัวชูดอกสีน้ำเงินอยู่เหนือน้ำบานสะพรั่งสวยงาม สายผมพัดโชยเอื่อย ทำให้เป็นมุมพักผ่อนที่สงบแสนสบาย บนพื้นระเบียงนั่งเล่น ร่างผอมบางของกฤษณะกำลังตั้งอกตั้งใจอยู่กับการต่อเลโก้รถแข่ง เป็นของเล่นที่กฤษณะชื่นชอบมาก เริ่มจากได้เห็นตัวต่อเลโก้ที่พ่อทำไว้เป็นของสะสม ทำให้กฤษณะสนใจอยากทำบ้าง กฤตสนับสนุนให้ลูกเล่นคอยซื้อมาให้ เพื่อให้ลูกชายได้เล่นและฝึกสมาธิไปด้วย ตัวต่อเลโก้รถแข่งที่พ่อซื้อมาให้เป็นชุดคอลเลคชั่น คันไหนต่อเสร็จแล้วจัด วางอยู่ใกล้ ๆ อยู่บ้านคุณปู่ไม่มีเพื่อนเล่นเหมือนตอนอยู่บ้านคุณตา ในวันหยุดกฤษณะมักขลุกอยู่กับการต่อเลโก้ ดวงตากลมโตหลังแว่นเต็มไปด้วยความตั้งใจ ส่วนมือผอมบางจับชิ้นเลโก้มาต่อด้วยท่าทางคล่องแคล่ว กฤษณะมัวแต่สนอกสนใจ อยู่กับการต่อเลโก้รถแข่งคันสีแดงตรงหน้า ต่อคันที่สองจวนเสร็จแล้ว ไม่เห็นพี่ชายเดินผ่านมาตรงระเบียงนั่งเล่นข้างบ้าน ตอนแรกนภดลเดินเลยไปแล้ว แต่พอเห็นน้องชายกำลังต่อเลโก้อยู่จึงเดินเข้ามา สายตาที่มองน้องชายเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปนสนุก มองดูรถแข่งคันสีน้ำเงินต่อเสร็จแล้ววางอยู่ข้างหลังน้องชาย “โอ๊ะ....แคร๊ก” เสียงอุทานแล้วตามมาด้วยเสียงเหมือนมีของแตกหัก ทำให้กฤษณะยืดตัวขึ้นหันขวับไปดู ภาพที่เห็นทำให้กฤษณะถึงกับเบิกตาตื่นตะลึง รถแข่งคันสีน้ำเงิน ที่ตัวเองเพียรพยายามต่อจนเสร็จ ถูกพี่ชายเหยียบกลางคันจนยุบหัก “ไอ้นะ...ทำไมวางของไม่ระวัง เห็นมั้ยพี่เหยียบเลย” แทนที่จะรู้สึกผิด นภดลกลับทำเสียงโวยวายโทษว่าเป็นความผิดของน้องชาย “พี่ดล...พี่ดลเหยียบรถผมทำไม” กฤษณะร้องถามเสียงดัง พุ่งเข้าไปปัดเท้า พี่ชายออกแล้วยกรถคันที่ถูกเหยียบจนหักกลางคันขึ้นมาดู “ช่วยไม่ได้...แกวางของไม่ระวังเอง” นภดลยักไหล่ว่าไม่ยี่หระกับท่าทางทั้ง ตกใจและเสียใจของน้องชาย มองดูรถที่ต่อด้วยความอุตสาหะ แต่ตอนนี้ถูกพี่ชาย เหยียบจนหักกลางคัน กฤษณะโกรธจนน้ำตาร่วงเงยหน้ามองหน้าพี่ชายที่ยืนกอดอก แสยะยิ้มสะใจเย้ยเยาะ “พี่แกล้งผม” กฤษณะตะโกนว่าเสียงดัง “ฉันจะแกล้งแกทำไม แกวางของไม่ดีเอง กีดขวางทางเดิน ช่วยไม่ได้ฉัน เหยียบไปแล้ว” นภดลยักไหล่ว่าแล้วจะเดินออกไปจากระเบียงนั่งเล่น กฤษณะมอง ตามด้วยความแค้นใจน้ำตาไหลอาบแก้ม ลุกขึ้นรวดเร็วพุ่งร่างเข้าไปหาพี่ชายพร้อมแผดเสียงดัง เหวี่ยงรถแข่งคันที่ถูกเหยียบจนหัก ฟาดเข้ากลางหลังพี่ชาย “ไอ้ดล...แกแกล้งฉัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD