ตอนที่.7 ลูกรักของพ่อ

1886 Words
เรื่อง:(ปฐมบท) พี่สาวคนสวยกับแฟนTypeหมาเด็ก ตอนที่.7 ลูกรักของพ่อ โดย:Srikarin2489 ตรงระเบียงนั่งเล่นหน้าบ้านหลังเล็ก จัดวางโต๊ะทรงเหลี่ยมเก้าอี้สี่ตัวที่เด่นคือเสาหน้าบ้านสองต้นเป็นเสาโอบ ใช้ไม้เทียมย้อมสีให้เหมือนสีไม้จริงแต่งโอบเสาไว้บรรยากาศเริ่มโพล้เพล้จวนค่ำแล้ว ไฟตรงเสาต้นใหญ่ทั้งสองต้นถูกเปิดรวมทั้งไฟ เพดาน ทำให้บริเวณระเบียงนั่งเล่นสว่างขึ้น กฤตนั่งคุยอยู่กับรจนาส่วนลูกชายกำลังอร่อยอยู่กับขนมในจาน รสนันท์ยกถาดใส่แก้วเครื่องดื่มน้ำสีแดงสดใสถูกแช่จนเย็น มาจัดวางเบื้องหน้ากฤต ที่มองดูแก้วเครื่องดื่มนั้นอย่างสนใจ แล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้ารสนันท์ราวจะถาม “น้ำกระเจี๊ยบค่ะคุณกฤต แม่เขาทำเมื่อเช้านี่เอง แช่เย็น ๆ ดื่มชื่นใจดี” รสนันท์บอกแล้วถอยไปนั่งข้างแม่ “อากาศร้อน ๆ แบบนี้ต้องเครื่องดื่มเย็น ๆ ค่ะ” “เคยได้ยินแต่ซื่อแต่ไม่เคยดื่ม สีสันน่าดื่มอยู่นะ” “ลองดื่มดูค่ะว่าจะชอบมั้ย มันออกรสเปรี้ยวแต่มีหวานตัด เพื่อนนันเขาให้กระเจี๊ยบแห้งมา น้าเลยเอามาทำน้ำกระเจี๊ยบ” กฤตยกแก้วน้ำกระเจี๊ยบขึ้นมาดม ดูก่อนแล้วค่อยจิบ มีสายตาสองแม่ลูกเฝ้ามองเหมือนจะลุ้นว่ากฤตจะชอบหรือเปล่า แม้แต่กฤษณะก็ยังรอดูว่าพ่อจะดื่มได้มั้ย หลังจากจิบลองดูแล้วกฤตดื่มไปอึกใหญ่ “อืม...เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ อร่อยชื่นใจดีครับ” กฤตเงยหน้าขึ้นยิ้มกับสองแม่ลูก ทั้งสองยิ้มตอบราวจะพอใจที่เห็นกฤตดื่มได้ บุคลิกของกฤตคล้ายกับบิดาคือเป็นคนง่าย ๆไม่ถือตัวและมีอัธยาศัยดี แม้วัยจะห่างจากรจนาแค่สิบปีแต่ให้ความนับถือในฐานะเป็นแม่ของภรรยาใหม่บิดา “ได้ยินแต่คุณพ่อบอก ว่าคุณน้าน้อยทำขนมอร่อย ได้มาชิมด้วยตัวเองวัน นี้อร่อยจริง ๆ ครับ” “เรียกน้าน้อยดีกว่าค่ะ อย่าเรียกคุณน้าเลย” “ผมพึ่งรู้จากลูก ว่าเขามาเล่นที่นี่บ่อย มากินขนมบ้านพี่นันกับคุณยาย เขามารบกวนเกเรอะไรหรือเปล่าครับ” “ผมไม่เกเร” ลูกชายที่กำลังอร่อยกับขนมเงยหน้ามาแย้ง ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสามต่างยิ้มเอ็นดู “คุณนะเป็นเด็กดีไม่เกเรเลยค่ะ” เจ้าตัวถึงกับยิ้มแฉ่งพอใจกับคำบอกของ รจนา “ที่ผมมาวันนี้ จะมาขอบคุณน้าน้อยกับนัน ที่เมตตาลูกชายผม อยู่ที่นี่เขา ไม่มีเพื่อนเล่นเลยคงเหงา กับพี่ชายก็ไม่ค่อยถูกกัน ผมเองไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูกนัก ถ้ายังไง ผมฝากนะด้วยนะครับ เขาบอกว่าเขาชอบบ้านคุณยายกับพี่นัน ในวันหยุด เขาอาจจะมารบกวนมากหน่อย” “คุณนะมาที่นี่ได้เสมอเท่าที่คุณนะต้องการ น้ากับนันจะช่วยดูแลให้ค่ะ ครอบครัวเราไม่เคยมีเด็กเลย มีเด็กมาเล่นด้วยจะได้ไม่เหงา” “นะ ขอบคุณคุณยายกับพี่นันสิลูก” กฤตก้มบอกลูกชายเสียงนุ่มนวล กฤษณะวางขนมในมือใส่จานไว้ก่อน แล้วยกมือไหว้พี่คนสวยกับคุณยายใจดี “มาเล่นที่นี่อย่าดื้ออย่าเกเรมาก เข้าใจมั้ยลูก คุณยายกับพี่นันจะได้รัก” “ครับ” “ฉันฝากลูกด้วยนะนัน ท่าทางเขาจะถูกชะตากับเธอมาก” กฤตหันไปพูดกับรสนันท์ ที่นั่งมองร่างเด็กแว่นผอมบางนิ่งอยู่ แม้หน้าจะนิ่งแต่เห็นว่าดวงตาคู่นั้นมีแววเมตตาจนดูออก ปกติเธอไม่ค่อยชอบเด็ก แต่กับเจ้าเด็กแว่นท่าทางขี้โรคเธอกลับรู้สึกถูกชะตา ยิ่งรู้ความเป็นมาว่าทำไมถึงดูเป็นเด็กไม่ค่อยแข็งแรง ทำให้เธอทั้งสงสารและเวทนา “ตอนเราเดินมาที่นี่ เขาพูดถึงแต่เธอว่าเธอใจดี” “คุณนะเจอแต่มุมนางฟ้าค่ะ ยังไม่เคยเจอมุมนางมารร้าย” รสนันท์ว่ายิ้ม ๆ “นันเป็นคนหลายร่างแล้วแต่อารมณ์ วันไหนถ้าเจอมุมนางร้าย อาจจะไม่อยากมาที่นี่อีก อยากเจอมุมนางร้ายมั้ยคุณนะ” รสนันท์ยื่นหน้าไปถามใกล้ ดวงตากลมใสแป๋วหลังแว่นมองสบตายิ้ม ๆ ของพี่สาวคนสวย ยังเด็กเลยไม่ สู้จะเข้าใจคำพูดของรสนันท์ “พี่นันสวย” รสนันท์หัวเราะเบากับคำบอกใสซื่อของเด็กแว่น “ปากหวานแต่เด็กเลยนะ” การพูดคุยกันเต็มไปด้วยไมตรีจิตร กฤตรู้สึกดีกับแม่และน้องสาวของรสริน ได้ทานขนมพูดคุยกันในบรรยากาศเป็นกันเองสบาย ๆ ทำให้ความเหนื่อยล้าจากการ ทำงานมาทั้งวันและความเคร่งเครียดจากปัญหาในครอบครัว ผ่อนคลายลงมาก กฤษณะดูสดใสพูดคุยแจ้ว ๆ กับผู้ใหญ่เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะด้วยความเอ็นดู ได้เป็นระยะ กฤตพาลูกชายกลับตึกหลังใหญ่ ทานขนมกันจนอิ่มท้องคิดว่าคงทานอาหารเย็นไม่ได้ แสงไฟจากตึกหลังใหญ่และตามทางเดิน สว่างมากพอเดินกลับตึกหลังใหญ่ได้สบาย จากตึกหลังเล็กไปตึกหลังใหญ่ ปูด้วยแผ่นทางเดินลายหินกาบ สองข้างมีไม้ดอกปลูกประดับไปกับทางเดิน ต้นดอกแก้วแคระส่งกลิ่นหอมชวนผ่อนคลาย กฤตเอาลูกชายขึ้นขี่คอมือจับต้นขาทั้งสองข้างลูกไว้ สองพ่อลูกร้องเพลง ด้วยกันอย่างมีความสุข เสียงห้าวใหญ่ของคนเป็นพ่อประสานเสียงเล็กสดใสของลูก กฤษณะโยกร่างไปมาอยู่บนคอพ่อ “ผมรักคุณพ่อเท่าฟ้าเลย” พอร้องเพลงจบ กฤษณะกางแขนออกจนสุดแล้วร้องบอก “พ่อรักนะไม่เท่าฟ้าหรอก แต่เต็มหัวใจของพ่อเลย” คนเป็นพ่อร้องบอกทำ ให้กฤษณะโน้มตัวลงกอดรอบคอพ่อไว้ แล้วหอมแก้มแรงๆจนคนเป็นพ่อหัวเราะ “วันเกิดนะปีนี้พ่อจะให้นะเลือกของขวัญเอง อยากได้อะไรบอกพ่อมาเลย” “ผมขอเลี้ยงหมาได้ไหมครับ” น้ำเสียงที่ถามเจือแววลังเลกลัวถูกพ่อปฏิเสธ “โอเค พ่ออนุญาตให้นะเลี้ยงหมาได้” ลูกชายถึงกับขย่มร่างด้วยความดีใจอยู่ บนคอพ่อ ปากยิ้มกว้างจนตาหยี ทำให้กฤตหัวเราะด้วยความเอ็นดู ทั้งสองกลับมาถึงตึกใหญ่ เห็นคุณกิตตินั่งรับประทานอาหารเย็นอยู่กับรสรินตามลำพัง ไม่มีนภัสสรกับนภดลร่วมอยู่ด้วย “กฤตโทรมาบอกว่าจะไม่มาทานข้าวเย็น พ่อกับรินเลยไม่รอ” “ภัสกับดลล่ะครับ” กฤตยกร่างลูกชายคนเล็กลงจากคอ มองหาภรรยากับ ลูกชายคนโต “ทานกันนิดเดียว แล้วขึ้นข้างบนไปแล้ว” คุณกิตติบอกเสียงเรียบ ๆ “คุณน้อยเลี้ยงข้าวเหรอ” “ทานแค่ขนมก็อิ่มแปล้แล้วครับ น้าน้อยทำขนมอร่อย” รสรินยิ้มนิดเมื่อได้ยิน กฤตเรียกแม่เธอด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย เธอพาแม่กับน้องสาวมาอยู่ที่นี้ด้วย มั่นใจว่าด้วย นิสัยของแม่ที่เป็นคนใจดีมีอัธยาศัย จะสามารถอยู่ได้อย่างไม่มีปัญหา และการที่บ้าน คุณกิตติไม่มีลูกหลานญาติมากมาย ตัดปัญหาเรื่องคนมาวุ่นวายได้เลย “ได้ชิมขนมแล้ว ต้องหาโอกาสไปชิมอาหารสักวัน เชิญคุณพ่อกับคุณรินทาน อาหารต่อเลยครับ ผมจะพาลูกไปอาบน้ำ ไปขึ้นข้างบนกันลูก” กฤตบอกแล้วจูงแขน ลูกชายคนเล็กออกไปจากห้องรับประทานอาหาร “เจ้ากฤตถูกแม่เธอตกไปอีกคนแล้ว” “แม่เป็นคนใจดี ใครได้รู้จักชอบเขาทั้งนั้น” กฤตดูแลลูกชายให้เปลี่ยนชุดอาบน้ำพาเข้านอน เรียบร้อยถึงได้กลับมาที่ห้องของตัวเอง เห็นนภัสสรกำลังทำกิจวัตรประจำก่อนนอนของตัวเอง คือการทาครีมสารพัดสูตรบำรุงผิว เป็นสิ่งที่นภัสสรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด นั่งอยู่บนสตูลหนังทรงกลมสีขาวหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ป้ายเนื้อครีมจากกระปุกแล้วทาผิวส่วนลำคอของตัวเอง นวดด้วยความนุ่มนวล กฤตเคยแปลกใจ ทำไมผู้หญิงถึงได้มุ่งมั่นมากกับเรื่องความสวยความงาม กว่าจะนอนได้แต่ละคืนเสียเวลาไปไม่น้อย เป็นกิจวัตรที่นภัสสรสามารถทำได้โดยไม่บ่นไม่เบื่อ กลับดูผ่อนคลายมีความสุข กับการได้ดูแลผิวพรรณตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ พยายามยืดเวลาของความสาวความสวยออกไปให้ได้นานที่สุด “กลับมาแล้วเหรอ นึกว่าคุณจะค้างที่ตึกเล็กข้างหลัง” ว่าเสียงประชด “ผมกลับมานานแล้ว ดูแลลูกอาบน้ำพาเข้านอน” กฤตบอกเสียงราบเรียบแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เพื่อจะหยิบชุดนอนมาไว้เปลี่ยนหลังอาบน้ำ “ดูแลเอาใจใส่ดีเหลือเกินนะ” นภัสสรปรายตามองสามี พร้อมทั้งเสียงพูดที่ เต็มไปด้วยความหมั่นไส้กระแนะกระแหน “ในเมื่อคุณเป็นแม่ไม่ดูแลเอาใจใส่เขา ผมต้องดูแลเขาเป็นพิเศษ” นภัสสร สะบัดหน้ากลับมาทาครีมบำรุงผิวต่อ แต่ปากยังมิวายจะหาเรื่องสามี “คุณเอาอกเอาใจมันมากแบบนี้ อีกหน่อยคงเอาแต่ใจนิสัยเสีย” “ลูกยังไม่ห้าขวบเลยนะภัส ถ้าไม่รักไม่ดูแลเอาใจใส่เขาตอนนี้ คุณจะให้ ผมไปดูแลเขาตอนไหน คุณไม่รักไม่สนใจลูกก็แล้วแต่คุณ ผมจะดูแลเขาเอง” “ลูกรักแตะไม่ได้เลยนะ” นภัสสรหันมากระแทกเสียงใส่สามี หน้าที่ทาครีม บำรุงผิวเรียบร้อยแล้วบูดบึ้งจนไม่น่ามอง “คุณทำให้ลูกดลเสียใจน้อยใจ ที่พ่อไม่สนใจเขาเลย” “คุณจะชวนทะเลาะให้ได้ใช่มั้ยภัส” น้ำเสียงของกฤตเริ่มกระด้างแต่เจ้าตัว พยายามระงับอารมณ์เต็มที่ เบื่อและเหนื่อยกับการมีปากเสียงกับนภัสสรเรื่องลูก “ผมเหนื่อยกับงานมาทั้งวัน กลับมาบ้านยังมารู้ว่าลูกทะเลาะชกต่อยกัน คุณจะไม่ให้ผมสบายใจเลยใช่มั้ย” เค้นเสียงถามลอดไรฟัน หน้าเครียดแสดงให้เห็นถึงความหงุดหงิดเบื่อหน่ายในใจ ชีวิตคู่นับวันยิ่งมีแต่ปัญหา พูดกันได้ไม่กี่คำต้องลงเอยด้วยการทะเลาะแทบทุกครั้ง หรือชีวิตคู่ของเขากับนภัสสรหมดช่วงโปรโมชั่นแล้ว “เดี๋ยวนี้ภัสพูดอะไร มันน่าเบื่อน่ารำคาญใช่มั้ย” กฤตกระแทกลมหายใจแรง ด้วยความหงุดหงิดปนรำคาญ เมื่อนภัสสรทำเสียงคร่ำครวญถามราวจะน้อยใจ “ถ้าคุณจะชวนทะเลาะให้ได้ ผมจะไปนอนห้องลูก” “ไปเลย” นภัสสรร้องว่าเสียงดังเกรี้ยวกราด คว้ากล่องใส่กระดาษทิชชู่ ขว้างตามหลังสามี ที่ถือชุดนอนเปิดประตูออกจากห้องไป กล่องกระดาษจึง ปะทะกับประตูแทน นภัสสรสะบัดหน้ากลับมาแต่พอเห็นหน้าบึ้งตึงของตัวเอง ผ่านกระจกตรงหน้าไม่น่าดูเลย จึงได้แต่พยายามระงับอารมณ์ตัวเองให้ใจเย็นลงพยายามทำสีหน้าให้ปกติ แล้วกลับมาทาครีมบำรุงผิวต่อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD