แผนที่เกือบไร้ช่องโหว่

1812 Words
เสียงฝนโปรยปรายดังสะท้อนกระจกหน้าต่างรถม้าที่เร่งสปีดผ่านถนนกรวดกลับไปยังคฤหาสน์วาเรนไฮม์ หญิงสาวในชุดดำเรียบหรูเอนตัวมาข้างหน้า มือกำชายผ้าคลุมแน่น เธอไม่อาจซ่อนความกระวนกระวายใจได้ ประตูรถยังไม่ทันเปิดสนิท ร่างนั้นก็ก้าวลงอย่างรวดเร็ว รองเท้าบูตกระแทกลานหินเสียงดัง เธอไม่เหลียวมองข้ารับใช้ที่วิ่งเข้ามาต้อนรับด้วยซ้ำ เอ่ยถามทันทีโดยไม่หยุดเดิน “เขาหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่?” หัวหน้าแม่บ้านที่รออยู่ใกล้บันไดขยับเข้ามาอย่างร้อนรน “เมื่อช่วงสายเมื่อวานค่ะคุณหนู ข้ารับใช้เห็นว่าเขาไม่ได้ออกมาทำงาน เลยไปดูที่ห้องแต่ก็ไม่เจอ ไม่ทราบแน่ชัดว่าออกไปเมื่อใด” “แล้วได้สั่งให้คนที่เหลือไปตรวจสอบรอบๆ เมืองรึยัง?” “ค่ะ ดิฉันได้สั่งการไปแล้ว แต่ขณะนี้ก็ยังไม่เจอคุณชายเลยค่ะ…” เธอไม่รอฟังต่อ ก้าวฉับๆ ไปทางฝั่งตะวันตกของคฤหาสน์ เส้นทางเปียกชื้นจากฝนทำให้เสียงฝีเท้าดังขึ้นกว่าปกติ อาคารของข้ารับใช้เงียบผิดสังเกต แม้จะไม่ใช่เวลาพัก แคทลีนมุ่งตรงไปยังห้องของเขา เธอแค่ต้องการดู—ว่าเขาทิ้งอะไรไว้หรือเปล่า บางอย่างที่อาจบอกได้ว่าเขาจากไปเพราะเหตุจำเป็น... หรือเพราะตั้งใจ “หรือว่า…เขาหายไปเพราะสภาพแวดล้อมไม่ดี?” ประตูไม้บานสุดท้ายในปลายทางเดินถูกผลักเปิดออกด้วยแรงมือของเธอ กลิ่นอากาศด้านในแห้งและสะอาด ไม่ชื้นอับอย่างที่คาดไว้ ทุกอย่างภายในดูเป็นระเบียบเกินไปจนทำให้เธอต้องชะงัก พื้นไม้สะอาดเรียบ ผ้าม่านถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อย โต๊ะเขียนหนังสือไร้คราบฝุ่น เตียงปูผ้าตึงเรียบ ชั้นวางของถูกจัดไว้เป็นระเบียบ หนังสือทุกเล่มวางชิดริมไม่เอนเอียง เก้าอี้ไม้บุผ้ายังแน่นหนาไม่มีรอยฉีก หีบไม้ข้างเตียงตั้งชิดผนังอย่างพอดีราวกับถูกจัดวางด้วยความตั้งใจ เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ แม้ไม่ใช่ของใหม่ ทว่าใช้งานได้ดี และคุณภาพดีกว่าห้องข้ารับใช้ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เธอยืนนิ่งไปชั่วครู่ สายตากวาดไปรอบห้องด้วยสีหน้าที่ไม่อาจเดาได้ มีบางอย่างแปลกเกินไป—สะอาดเกินไป เป็นระเบียบเกินไป เขาไม่ควรจากไปแบบไม่ทิ้งอะไรไว้เลย เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาจากทางเดินด้านหลัง ก่อนจะมีใครบางคนเร่งรายงาน “คุณหนู! พวกเราได้ข่าวจากยามเฝ้าชายแดน พวกเขาเห็นคุณชายมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ ดูเหมือนจะพยายามข้ามชายแดนครับ!” หัวใจของเธอเต้นถี่ขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่สีหน้าไม่เปลี่ยน “เตรียมม้า บอกคนของเราให้จัดเรือเหาะให้พร้อมเมื่อฉันไปถึงเมืองหลวง” น้ำเสียงของเธอราบเรียบ แต่เฉียบขาด ก่อนจะหันหลังให้ห้องที่เธอเพิ่งสำรวจ ขณะที่ความคิดของเธอเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ‘ไม่นะ… โอกาสของนายมาถึงแล้ว นายจะหนีไปทำไม? นี่คือโอกาสที่พวกเราเฝ้ารอมานานไม่ใช่หรือ? โอกาสที่นายจะได้กอบกู้ตระกูล… แล้วทำไมนายถึงทำแบบนี้?’ ก้าวเท้าของเธอเร่งขึ้นตามจังหวะหัวใจ มือบีบแน่นจนเล็บจิกเข้ากับถุงมือหนังโดยไม่รู้ตัว เธอไม่เข้าใจ หรือบางที... อาจเข้าใจดีเกินไป เพียงแค่ไม่อยากยอมรับ "หรือว่าที่ผ่านมา… ฉันทำตัวเย็นชาเกินไป? ฉันกดดันนายมากเกินไปงั้นหรอ? แต่ฉันแค่อยากให้นายยังยืนหยัดอยู่ในฐานะอัศวินที่ดี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันที่โอกาสมาถึง… ที่ฉันทำลงไปทั้งหมดก็เพื่อนายน่ะ" แต่บางที… เธออาจทำให้เขาเหนื่อยเกินไป ช่วงหลังๆมานี้เธอเห็นเขาฝึกดาบน้อยลง ท่าทางที่เคยมั่นคงกลับดูแผ่วเบา บางครั้งเธอเห็นเขาผล็อยหลับระหว่างทำงาน ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ แววตาที่เคยส่องประกายมุ่งมั่นก็ค่อยๆมืดหม่นลง กลายเป็นคนที่ยอมรับชะตากรรม เธอรู้ดีว่าเขาเปลี่ยนไป—และรู้ด้วยว่าเธออาจมีส่วนในความเปลี่ยนนั้น แต่ไม่ว่าเพราะอะไร… เธอจะไม่ปล่อยให้เขาหายไปเฉย ๆ ทันทีที่ม้าถูกเตรียมไว้ด้านหน้าคฤหาสน์ เธอก็ก้าวขึ้นโดยไม่พูดแม้แต่คำเดียว ใบหน้าเรียบนิ่งใต้หมวกคลุม แต่แววตาเต็มไปด้วยบางอย่างที่ยากจะสกัดกั้น แม้จะเพิ่งกลับจากการเดินทางไกล แต่เธอก็ไม่คิดจะหยุดพักแม้แต่นาทีเดียว เพราะหากเขาคิดจะหนีจริงๆ เธอจะเป็นคนไปดึงเขากลับมาด้วยตัวเอง ไม่ว่าเขาจะไปด้วยเหตุผลใดก็ตาม เสียงเกือกม้ากระทบลานหินหน้าคฤหาสน์ ค่อยๆจางหายไปพร้อมเสียงฝนที่โปรยปรายจากฟากฟ้าสีหม่น บนระเบียงชั้นสอง ร่างสูงของเด็กหนุ่มยืนพิงกรอบหน้าต่าง เงาร่างของเขาตัดกับม่านฝนด้านหลัง เส้นผมสีเขียวเข้มเปียกลู่แนบใบหน้า เสื้อโค้ทยาวคลุมทับชุดขุนนางที่ปราณีต แต่ตอนนี้กลับชุ่มไปด้วยละอองฝน เขามองไปยังลานด้านหน้า—มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่ควบม้าออกไปโดยไม่หันกลับมาสักครั้ง ดวงตาของเขาเยือกเย็น ราวกับไม่เคยมีอะไรแตะต้องหัวใจนั้นได้เลย “เห็นหน้าเธอเมื่อกี้ไหม?” เขาหัวเราะพรืด รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้า “โคตรจะน่าสมเพชเลยว่ะ ฮ่าๆๆ” หัวหน้าคนรับใช้ยืนอยู่ด้านหลังเงียบๆ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ สีหน้าของเธอสงบนิ่ง แต่ดวงตากลับซ่อนบางสิ่งที่อ่านยาก “สมแล้วที่จ้างมืออาชีพมาจัดการเก็บกวาดไว้ก่อน” เขากล่าวอย่างพึงพอใจ “เนียนซ่ะจนเธอไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ… โง่ดีแท้” เขาหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้เบากว่าเดิม แต่กลับเต็มไปด้วยความสะใจ ก่อนจะล้วงถุงเงินหนาๆ จากกระเป๋าในเสื้อโค้ท แล้วยื่นให้หญิงรับใช้ “นี่ของเธอ—ถือว่าเป็นรางวัล” แต่หัวหน้าคนรับใช้กลับส่ายหน้าเบาๆ สีหน้าเรียบนิ่งดังเดิม “ดิฉันไม่ต้องการเจ้าค่ะ” เธอกล่าวเสียงเรียบ “ที่ดิฉันยอมให้ความร่วมมือ... เป็นเพราะคิดว่าชายคนนั้น ไม่คู่ควรกับคุณหนูเลยแม้แต่น้อย” ชายหนุ่มชะงักไปเพียงนิด มองหัวหน้าคนรับใช้อย่างครุ่นคิด แต่สุดท้ายก็หัวเราะเบาๆ แล้วเก็บถุงเงินกลับเข้าไปในเสื้อ “ตามใจ” เขาหันกลับไปมองม่านฝนที่ตกลงมาอีกครั้ง ลมหนาวพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดแง้มออกมาเล็กน้อย กลิ่นเปียกชื้นของดินโชยเข้าจางๆ “…ว่าแต่ ก่อนหน้านี้มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า?” หัวหน้าคนรับใช้ลังเลไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างระมัดระวัง “มีเด็กสาวคนหนึ่งมาขอลาออกค่ะ ช่วงเวลานั้นตรงกับวันที่เขาหายตัวไปพอดี” “เด็กสาว?” เขาหันกลับมาทันที “เธอมีอะไรพิเศษไหม?” “เธอเคยเป็นคนรับใช้ของตระกูลเขาค่ะ” ชายหนุ่มเมื่อได้ฟังแล้วก็เงียบไปอึดใจหนึ่ง มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มบางๆ ที่แฝงด้วยเจตนา “ไม่ดีเลยนะ เรื่องสำคัญแบบนี้น่าจะบอกกันก่อน” พูดเสร็จ หลังจากนั้นเขาก็พึมพำชื่อบางอย่างเบาๆ แต่ไม่ดังพอให้ใครได้ยินชัดเจน ราวกับเสียงเรียกจากความมืด เงาร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำปรากฏขึ้นข้างตัวเขาโดยไม่มีเสียงแม้แต่น้อย ใบหน้าของชายผู้นั้นถูกบดบังด้วยผ้าคลุมสีดำ ดวงตาคมกริบจ้องตรงมาราวกับรอคำสั่ง “ไปกำจัดเด็กสาวคนนั้นซะ” เขาพูดเสียงเรียบ “อย่าให้เธอรอดเด็ดขาด” มือสังหารพยักหน้าเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะถอยออกไป แล้วหายตัวรวมเข้ากับเงามืดเหมือนตอนที่มา หัวหน้าคนรับใช้หันมามองเขาทันที สีหน้าผิดหวังและไม่เห็นด้วยชัดเจน “คุณชาย… ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยหรือขอรับ? เธอก็เป็นแค่เด็กสาวธรรมดา—” “หุบปาก” คำสั่งเด็ดขาดของเขาดังขึ้นทันที พร้อมดวงตาเรียบนิ่งที่กดความโกรธไว้อย่างมิดชิด “แกเป็นใคร ถึงกล้าออกความเห็น?” เขาก้าวเข้าใกล้อีกฝ่ายช้าๆ น้ำเสียงเย็นเฉียบ “ฉันคือว่าที่คุณชายของตระกูลวาเรนไฮม์ และแผนการของฉัน… จะต้องไม่มีช่องโหว่ใดๆ เด็ดขาด” “ไปสั่งพวกข้ารับใช้ในคฤหาสน์ และ คนในเมืองด้วย” เขาเอ่ยเสียงเรียบ นิ่งสนิทไร้อารมณ์ “ห้ามให้ใครปริปากเรื่องของมันเด็ดขาด ถ้ามีใครถาม… ก็ให้พูดไปตามที่ตกลงกันไว้” หัวหน้าคนรับใช้พยักหน้ารับคำสั่งเงียบๆ แล้วถอยออกไปอย่างรู้หน้าที่ เหลือเพียงเขายืนอยู่ลำพัง เขาก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่าง มองลงไปยังลานกว้างที่พี่สาวของเขาเพิ่งควบม้าออกไป เขาหลุบตาลง มองภาพคฤหาสน์ที่เงียบงันเบื้องหน้า สายลมพัดม่านบางสั่นไหวเล็กน้อย เงาสะท้อนในกระจกหน้าต่างเผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังคลี่ยิ้มบาง ๆ ราวกับพึงพอใจกับจังหวะของทุกอย่างที่กำลังดำเนินไปตามแผน “ถ้าเธอได้แต่งงานกับองค์ชาย… ทรัพย์สิน และ อำนาจของตระกูลก็จะเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว…” เขาหันหลังกลับช้าๆ ปัดเสื้อคลุมอย่างแผ่วเบาก่อนจะเดินออกไป เสียงฝีเท้าของเขากระทบพื้นเป็นจังหวะ อยู่ในห้องที่เงียบราวกับไร้สิ่งมีชีวิต แสงจากโคมไฟด้านหลังค่อยๆ ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ร่างของเขาก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนหยุดอยู่หน้าประตู ก่อนจะพูดขึ้นโดยไม่หันกลับมา เสียงของเขานิ่ง เรียบ เหมือนกำลังเล่าเรื่องทั่วไป แต่ทุกประโยคที่ก่าวออกมากลับเย็นเยียบอย่างประหลาด “เตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะ ทุกคนที่มีส่วนทำให้ประเทศของฉันพังพินาศ... ไม่ว่าจะตั้งใจหรือแค่ยืนดูเฉยๆ…” เสียงของเขาเงียบไปครู่นึง ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังความมืดเบื้องหน้า เหมือนมองออกไปยังอดีตที่แสนไกล “ฉันจะจัดการพวกแกทั้งหมด... ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม” เขาพูดจบ แล้วก้าวเดินออกไปโดยไม่หันกลับ ประตูค่อย ๆ ปิดลงตามหลังเงาของเขาอย่างเงียบงัน ราวกับโลกทั้งใบเลือกจะเงียบไปกับเขาด้วย ในความเงียบนั้น ไม่มีเสียงใดหลงเหลือ นอกจากความเย็นเยียบที่ยังคงลอยอยู่ในอากาศ เงาที่จากไปนั้นอาจเล็กเกินมองเห็น... แต่ความแค้นที่ฝังอยู่—กำลังรอวันที่จะปะทุ... อย่างไม่มีวันเลือน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD