บะหมี่ฟรี

1598 Words
'ทนไม่ไหวแล้ววววโว้ยยย' ต้องการแบบนี้ใช่มั้ยยยยย!!!!! น้องไอในคราบจูเหม่ยเซียนยื่นมือออกไปผลักคุณหนูตู้ล้มลงกับพื้น ผลั่ก!! “ว้ายยย!!” ตู้ฟางซินร้องเสียงดังลั่น "คุณหนูเจ้าคะ!!!" บ่าวรับใช้และคนในร้านจินหงต่างพากันตกใจแต่จูเหม่ยเซียนหาได้สนใจไม่ นั่งลงพูดกับคุณหนูตู้ช้าๆเสียงดังชัดเจน ยกนิ้วชี้ขึ้นชี้หน้านาง “นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับคุณหนูไป่เจ้าไม่เกี่ยวอย่าได้ยื่นปากเข้ามาสอด” เอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากจนหน้าหงายไปหนึ่งที ‘จบไปหนึ่ง’ ยืนขึ้นมองคุณหนูไป่ด้วยสายตานิ่งเฉย ท่าทางของนางที่ทำท่าหวาดกลัวยืนอยู่ตรงหน้า ผู้คนรอบข้างต่างพากันสงสารและเห็นใจ ‘นี่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรนางเลยนะ สกิลนางเอกนี่ดีจริงจริ๊งง’ จะว่าไปเอาเข้าจริงๆเรื่องวันนี้พวกนางก็เป็นฝ่ายเริ่มเรื่องก่อนนะ “คุณหนูไป่ อันที่จริงข้าไม่ได้มีความคิดที่จะขึ้นไปประชันความงามในงานนี้ตั้งแต่แรก เชิญเจ้าแสดงความสามรถอย่างเต็มที่เถิด เพราะข้าในตอนนี้ใจจดใจจ่อรอแค่วันปักปิ่นของตนเองเท่านั้น..ท่านพ่อบอกกล่าวกับข้าว่าองค์ชายรองและองค์ชายสามจะเสด็จมามอบปิ่นปักผมให้ข้าด้วยตนเองจนถึงจวน” ยิ้มสะใจเหลือบมองเห็นมือสองข้างของคุณหนูไป่กำจนแน่น 'หน้าเบี้ยวแล้วนั่น555' “แต่ข้าจะไปร่วมงานรอดูความสำเร็จของเจ้าก็แล้วกัน" หันกลับมาหาสาวใช้ "เสี่ยวถง” "เจ้าค่ะคุณหนู" “ชำระเงินค่าผ้าฝ้ายแล้วให้อาไช่เอาผ้าไปเก็บที่รถม้า ข้าจะไปหาอะไรทานในตลาดอยู่ตรงนี้มีแต่คนน่าเบื่อ” "เจ้าค่ะ" เสี่ยวถงรับคำจบจึงเดินไปสั่งงานอาไช่ทันที จูเหม่ยเซียนหันกลับไปมองคุณหนูไป่อีกรอบแล้วส่ายหน้าเบาๆเดินผ่านพลางพูดเสียงดัง “หน้าตาก็จืดชืด อกก็แบนเหมือนไม้กระดานเช่นนี้ยังกล้าขึ้นประชันสาวงามกับเค้าอีก เหม่ยเซียนนับถือนับถือ” เงียบบบบทั้งร้าน ‘จบสวย’ สำนักศึกษาบุรุษบนเขาไท่ซาน ก่อนวันประชันสาวงามสองวัน ภายในห้องรับรอง เจ้าหย่งเจี้ยน(องค์ชายรอง)บุรุษหน้ามึน กำลังนั่งจิบชาอ่านตำราอย่างสบายใจก่อนจะได้ยินเสียงเดินเข้ามาภายในห้อง “พี่รอง ดูท่านจะใจเย็นเกินไปหน่อยหรือไม่?” เจ้าหย่งเซิง(องค์ชายสาม)กล่าวประชดประชัน “แล้วเจ้าจะรีบร้อนไปใยเดินทางเข้าเมืองหลวงใช้เวลาเพียงแค่สองชั่วยาม(4ชั่วโมง) อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าวันก่อนเจ้าเดินทางลงเขาพร้อมองครักษ์ไปแอบดูนาง นางเป็นอย่างไรบ้าง?” กลอกตามองบน ‘ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านต้องถาม’ “นาง ดูดี” ทำตาลอย อมยิ้ม “หืม” เงยหน้าขึ้นจากตำรา “อย่างไร?” “งามกว่าเมื่อตอนเจ็ดหนาวมาก พอๆๆข้าไม่พูดล่ะไว้ท่านไปดูนางเองเถอะ ข้าไปเตรียมจัดของลงเขาคงจะดีกว่า” เดินไปถึงหน้าประตูห้องหันกลับมากล่าวอีก “ท่านคงไม่ลืมว่าเราต้องหาปิ่นไปมอบให้นาง” เจ้าหย่งเจี้ยนส่ายหัวและมองตามหลังน้องชายพลางอมยิ้ม ‘หึ’ ข้ามีอยู่แล้ว…น้องรัก หน้าร้านผ้าจินหงผู้คนในตลาดที่เดินผ่านไปมาต่างพากันมองเห็นคุณหนูจูเหม่ยเซียนที่ยืนยกแขนสองข้างชูขึ้นบนฟ้าพูดภาษาแปลกๆว่า “โล่งโว้ยยยย 5555 เป็นนางร้ายนี่ดีจริงๆไม่ต้องมามัวแต่นั่งแอ๊บอะไร” “คุณหนูกล่าวอันใดน่ะเจ้าคะ เอาแขนลงด้วยเจ้าค่ะมันไม่งาม” เสี่ยวถงห้ามปรามและรีบดึงแขนคุณหนูลงมา “ช่างข้าเถอะน่า ป่ะไปหาอะไรกินกันเถอะเสียพลังงานเยอะหิวมากเลย” “พลังงานรึเจ้าคะ?” งง “อืม ก็พละกำลังอย่างไรเล่าช่างเถอะ ตามข้ามาเร็วเข้า” ร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ไหนน้าาา “คุณหนูจะไปที่ใดเจ้าคะ” “ข้าอยากกินบะหมี่ มีร้านใดอร่อยบ้าง?” เหลียวมองไปรอบๆตลาด “ถ้าพูดถึงร้านบะหมี่ต้องไปที่ร้านของท่านลุงเหลียนเจ้าค่ะ..เนื้อนุ่ม น้ำซุปกลมกล่อมคนแน่นร้านทุกวันเลยนะเจ้าคะ” “จริงรึ?” ทำตาโต “ข้าเคยไปหรือไม่ ไม่เห็นจำได้ ” ‘ถ้าเคยไปร่างเดิมต้องจำได้สิ’ “เอ่อ..คุณหนูไม่เคยไปเจ้าค่ะเพราะคุณหนูไม่ชอบมาเดินในตลาดและไม่ชอบทานบะหมี่” เสียวถงเงียบแล้วก้มหน้าลงไม่พูดต่อ “ไม่ชอบงั้นเหรอ??? ข้าคงชอบไปที่โรงเตี๊ยมเงาพระจันทร์ใช่หรือไม่?” เสี่ยวถงผงกหัวขึ้นลงเบาๆ 'คุณหนูลืมไปหมดสิ้นเลยรึเนี่ย' “เจ้าค่ะ คุณหนูชอบไปแอบฟัง เอ่ออ…" อ้ำๆอึ้ง “พูดมาเถอะ ตั้งแต่ข้าตกบันไดครานั้นก็หลงๆลืมๆไปซะหมดถ้ามีเจ้ามาช่วยเตือนความจำให้ข้าคงเป็นเรื่องที่ดียิ่ง” เมื่อเห็นคุณหนูเปิดทางให้เสี่ยวถงก็ไม่รอช้า “คุณหนูชอบไปแอบฟังคุณหนูไป่กับคุณหนูตู้พูดคุยกันเรื่องบุรุษเจ้าค่ะ” “อืม..เช่นนั้นเองเหรอ” เสี่ยวถงได้แต่ยิ้มรับกับท่าทางที่แปลกไปแต่เพียงแค่นั้นก็มิพูดสิ่งใดต่อ สองนายบ่าวเดินมาจนสุดถนน เจอร้านขายบะหมี่ไม่เล็กไม่ใหญ่มีชื่อร้านติดบนแผ่นไม้อ่านได้ว่า 'ร้านบะหมี่โกเหลียน' ผู้คนในร้านประปรายทั้งสองจึงมองหาที่นั่ง กลิ่นหอมลอยเข้าจมูกจนเหม่ยเซียนต้องลอบกลืนน้ำลายไปหลายอึก เสี่ยวเอ้อเดินเข้ามาหาพร้อมกล่าวว่า “รับบะหมี่กี่ชามดีขอรับคุณหนู” กล่าวพร้อมกับพาไปหาที่นั่งสำหรับสองคน “ขอบะหมี่สองชามใหญ่เลยนะ ราคาเท่าไหร่ข้าไม่เกี่ยง” ยิ้มชอบใจกับบรรยากาศโดยรอบ “ได้ขอรับคุณหนูโปรดรอสักครู่” เมื่อเสี่ยวเอ้อเดินไปนางก็หันมามองเสี่ยวถงที่ยืนอยู่ข้างกาย “เสี่ยวถงมานั่งกับข้า อย่าถามมากข้าสั่งมาเผื่อเจ้าด้วยชามใหญ่เลยนะ" ยิ้มหวานจนตาหยีพร้อมรินชาสองถ้วย เสี่ยวถงตอบอย่างเกรงใจ “แต่มันไม่เหมาะเจ้าค่ะคุณหนูบ่าวเป็นแค่บ่าวรับใช้…แ..” พูดไม่ทันจบเหม่ยเซียนยกมือขึ้นห้าม “พอๆ มานั่งเร็วๆบะหมี่มาแล้วนั่น” บะหมี่ชามใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะสองชาม เสี่ยวถงยากที่จะปฏิเสธจึงนั่งลงตรงข้ามกับคุณหนูจูเหม่ยเซียน ร่วมทานบะหมี่พร้อมกับพูดคุยกับคุณหนูอย่างมีความสุข โต๊ะด้านในสุดของร้าน มีบุรุษชุดดำผู้หนึ่งนั่งมองหญิงสาวสองคนนั่งทานบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อยจึงเอ่ยถามเจ้าของร้าน “ท่านลุงเหลียน ท่านรู้จักคุณหนูท่านนั้นรึไม่??? ที่หน้าผากมีรอยแผลน่ะ” ลุงเหลียนที่ว่างจากการลวกบะหมี่หันไปมองหญิงสาวที่ถูกถาม “อ้อ..คงจะเป็นคุณหนูจูเหม่ยเซียน บุตรีของท่านเสนาบดีจูกระมัง ข้าได้ข่าวมาว่าเมื่อวันก่อนนางตกบันไดที่โรงเตี๊ยมเงาพระจันทร์หน้าผากนางนั่นเป็นหลักฐานชั้นดีทีเดียว 555 จริงๆข้าก็ไม่ได้รู้จักนางหรอกแต่รู้จักสาวใช้สกุลจูที่นั่งร่วมโต๊ะกับนาง นามว่าเสี่ยวถง นางมาทานบะหมี่ที่ร้านข้าเป็นประจำ ว่าแต่เจ้าเถอะ พึงใจคุณหนูจูรึ??? ” ลุงเหลียนเหลือบมองบุรุษหน้าตาคมคายตรงหน้า “ไม่หรอก ข้าแค่คิดว่านางงดงามมากก็เท่านั้น และข้าก็มิอาจเอื้อมหรอก” เห็นตั้งแต่วัยเยาว์ยามที่นางวิ่งเล่นกับองค์ชายสองพระองค์มาบัดนี้เติบโตเป็นสตรีที่งามล่มเมืองเสียแล้วหึหึ ‘สองพระองค์คงจะเหน็ดเหนื่อยมิเบาเลยงานนี้ ไว้ข้าจะรอชมนะพะยะค่ะ' “ท่านแม่ทัพ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้องครักษ์มาแจ้งว่าให้เข้าเฝ้าได้แล้วขอรับ” ท่านแม่ทัพที่ถูกเรียกจากคนสนิทที่เพิ่งเดินเข้ามารับคำเบาๆ “อืม” ลุงเหลียนหันมองอย่างตกใจเพราะไม่คิดว่าบุรุษผู้นี้จะเป็นถึงแม่ทัพ 'รึจะเป็นท่านแม่ทัพจางเหวินเป่า พระญาติของจางฮองเฮา เจ้าของร้านบะหมี่กำลังจะลุกขึ้นคารวะแต่แม่ทัพจางยกมือห้าม “อย่าได้มากพิธี..ท่านลุงเหลียนเรามากิจธุระในเมืองหลวงเพียงนิดไม่อยากให้เอิกเกริก นี่ค่าบะหมี่รวมกับของคุณหนูจูด้วย ไม่ต้องทอน” วางเหรียญทองสองเหรียญลงกับโต๊ะแล้วเดินจากไปพร้อมกับผู้ติดตาม ทานบะหมี่จนหมดชามสองนายบ่าวจึงเรียกเสี่ยวเอ้อมาคิดเงิน เป็นท่านลุงเหลียนที่เดินออกมากล่าว “มิต้องขอรับคุณหนู มื้อนี้มีบุรุษผู้หนึ่งชำระเงินไว้ให้แล้วขอรับ” “มิต้องขอรับคุณหนู มื้อนี้มีบุรุษผู้หนึ่งชำระเงินไว้ให้แล้วขอรับ” “ผู้ใดรึ” เหม่ยเซียนหันมองรอบกาย “ข้าน้อยมิทราบชื่อขอรับ ต้องขออภัย” โป้ปดไว้ก่อนเป็นเรื่องที่ควรทำลุงเหลียนคิด “งั้นรึ ได้กินของอร่อยฟรีๆ วันนี้โชคดีจังเนอะเสี่ยวถง” ยิ้มเต็มหน้ามองเสี่ยวถง ‘สิ่งใดคือฟรีเจ้าคะคุณหนู’ เสี่ยวถงร้องเรียกในใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD