“ แม่ครับ…..เก่งขอโทษ…”
“ พ่อครับกล้าขอโทษครับ…. “ เด็กน้อยสองคน ร้องไห้น้ำตาหนองหน้า สองมือก็พนมปากก็พูดขอร้องผู้เป็นพ่อกับแม่ไม่ให้เอาตัวเองมาปล่อยที่วัดแห่งนี้ ทรกับแก้วสองสามีภรรยาไม่ใช่ว่าไม่สงสารลูกชายแต่ด้วยความที่เธอต้องดัดเส้นสองตัวแสบนี้ ทั้งคู่ก็ได้แต่กัดฟันยอมอดทนเพื่อให้ตัวเองห้ามใจออ่น
“ คุณ…” ทร หันมามองหน้าเมียเหมือนกับว่าสงสารลูกชายตัวแสบทั้งสองของตัวเอง แก้วที่เห็นสีหน้า สายตาของสามีเธอก็รู้ได้ทันทีว่าสามีของเธอใจออ่น ทนเห็นลูกชายของตัวเองร้องไห้ไม่ได้
“ หยุดเดี๋ยวนี้คุณทร “ แก้ว เธอถลึงตาให้สามีพร้อมกับบอกกับสามีว่าหยุดเดี๋ยวนี้ เมื่อสามีของเธอเห็นผู้เป็นเมียทำหน้าแบบนั้นให้ ทรก็ได้แต่หน้าเศร้า พร้อมกับหันมามองหน้าของสองตัวแสบแล้วก็ส่ายหน้าเหมือนกับบอกลูกว่าตัวเองช่วยอะไรไม่ได้
“ โยมอย่าร้องไห้ไปเลย คิดซะว่ามาทัศนศึกษาที่นี้ก็แล้วกัน แล้วอีกอย่างที่นี้ก็มีหลวงพี่เอก เป็นคนดูแลด้วยนะ” หลวงพ่อ ที่นั่งมอง4คนพ่อแม่ลูกตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่ใจดี เมื่อเห็นว่าคนเป็นแม่มุ่งมั้นจริงๆแล้วว่าจะให้ลูกชายบวชจริงๆ หลวงพ่อก็เลยพูดออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่งกับเด็กน้อยสองคน แล้วก็ส่งยิ้มให้เด็กน้อยด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
เวลาต่อมา
“ คุณผมเป็นห่วงลูกของเราจัง ลูกเราจะร้องไห้ตอนกลางคืนไหม “ ทร ถามผู้เป็นภรรยาออกมาด้วยน้ำเสียงออ้นวอน สายตาของเขาก็ไม่ต่างจากคำพูด ทรมองไปยังประตูกุฏิด้วยสายตาอาลัยอาวร ที่มีลูกน้อยทั้งสองคนอยู่ในนั้น แก้วที่ได้ยินสามีพูดแบบนั้นไม่ใชว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับลูกชายของเธอทั้งสองคน แต่ที่เธอไม่พูดอะไรออกมาเป็นเพราะเธอกลัวว่าถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่างเธอกลัวว่าลูกชายของเธอพอโตขึ้นมา ลูกชายของเธอจะเป็นภาระของสังคม นั้นก็เลยทำให้แก้วเธอต้องกัดปากของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองใจออ่น
“ ไปกันเถอะคุณ อึก อึก อึก สะอึก สะอึก “ ปึก แก้วเธอพูดออกมาด้วยเสียงที่กระตุกจากการร้องไห้ ก่อนจะปิดประตูรถแล้วหันหลังไม่ยอมมองสามี เพราะกลัวว่าเขาจะเห็นว่าเธอร้องไห้ ทรที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็ได้แต่ยอมขึ้นรถมากับผู้เป็นภรรยา ด้วยหัวใจที่หนักอึ้งอย่างกับว่ามันมีอะไรหนักๆมาถ่วงเอาไว้ที่หน้าอกด้านซ้าย
บรื้น…..บรื้น…..บรื้น
“ ฮือออออ ฮือออออ กระซิก กระซิก กระซิก พี่กล้า เก่งอยากกลับบ้าน ฮืออออ คุณพ่อคุณแม่ไม่รักเราแล้ว ฮืออออ “ เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของสองเด็กน้อยที่เคยเอาแต่ใจจนเคย จนเผลอเกือบทำให้เด็กน้อยคนหนึ่งเกือบโนรถชนตาย
“ ฮือออออ ฮืออออ ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวพี่จะดูแลเก่งเอง ฮือออออ ฮือออออ “ เสียงเด็กน้อยร้องไห้แทบขาดใจ เมื่อเห็นรถของพ่อกับแม่วิ่งออกไป ทั้งคู่คิดว่าพ่อกับแม่ไม่รักตัวเองแล้ว หลวงพ่อกับหลวงพี่เมืื่อได้ยินที่เด็กน้อย คิดกับพ่อแม่แบบนั้น หลวงพ่อกก็เดินเข้ามาจับที่หัวของเด็กน้อยทั้งสองคน พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ออ่นโยนว่า
“ อย่าคิดแบบนั้นไปเลย ไม่มีพ่อกับแม่คนไหนไม่รักลูกของตัวเองหรอก ที่พ่อกับแม่ของเจ้าเอาเจ้ามาที่นี้เป็นเพราะเขารักเจ้าสองคนนะรู้ไหม เขาอยากให้เจ้าเป็นเด็กดี “ หลวงตา พูดกับเด็กน้อยสองคนเพื่อให้ทั้งสองคนเข้าใจว่าที่เขาพูดเป็นเพราะพ่อกับแม่รัก เมื่อสองเด็กน้อยได้ยินแบบนั้นก็หันมามองหลวงตาทั้งน้ำตาอย่างคนไม่เข้าใจ ว่าหลวงตาจะรู้ได้ยังไงว่า แม่กับพ่อของตัวเองรักตัวเอง
“ อึก อึก กระซิก กระซิก ฮือออออ ฮือออออ หลวงตาจะรู้ได้ยังไงละครับว่าแม่กับพ่อของพวกเรารักพวกเรา ฮืออออ ฮือออออ ถ้ารักพวกเราแล้วทำไมถึงทิ้งพวกเราเอาไว้ที่นี้ ฮืออออ ฮือออออ กระซิก กระซิก” กล้า พูดออกมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้น เมื่อได้ยินที่หลวงตาพูด เด็กน้อยสองคนไร้เดียงสาเมื่อโดนพ่อกับแม่เอามาปล่อยวัดเหมือนลูกหมา เก่งกับกล้าก็เลยรู้สึกโกรธพ่อกับแม่ของตัวเองเป็นอย่างมาก
ตกค่ำ เวลา 00.00 น.
บรู๊…….บรู๊…..บรู๊
เสียงของหมาหอนด้านในของวัด เด็กน้อยที่นอนกับหลวงตาแล้วก็หลวงพี่ ด้านในกุฏิทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงของหมาที่หอนเสียงดังรบกวน ทั้งคู่ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา จากนั้นทั้งคู่ก็มองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าอย่างรู้ใจ
ผลั๊วะ เพลี๊ยะ
“ เอ๊งๆ เอ๊งๆ เอ๊ง “ เสียงของไม้ฟาดดเข้าที่ตัวของหมา จากนั้นก็เสียงของหมาที่ร้องเอ๊งๆเหมือนกับว่าเจ็บมาก เก่งกับกล้า เด็กน้อยที่แสนจะเกเร แทนที่ได้ยินเสียงของหมาหอนพวกเขาจะกลัวแต่กลับกันทั้งสองคนไม่ใช่แค่ไม่กลัวแต่กับกันทั้งคู่กับ เดินย่องลงมาจากกุฏิของหลวงตา จากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินกลับมาแล้วก็เอาไม้ฟาดเข้าที่หมาอย่างแรงเรียกว่าแรงจนหมาร้องเสียงหลงวิ่งแตกกันคนละทาง
“ ฮ่าๆฮ่าๆฮ่า เก่งมากกล้า ฮ่าๆฮ่าๆฮ่า “ เสียงของเก่งเอ้ยชมพี่น้องฝาแฝดของตัวเองว่าเก่ง จากนั้นเด็กน้อยทั้งสองก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เมื่อเห็นสภาพของหมาวิ่งแตกสานะโมกัน
“ ฮ่าๆฮ่าๆฮ่าๆฮ่า สมน้ำหน้าอยากมาหอนเสียงดังรบกวนเวลานอนของคนอื่นฮ่าๆฮ่าๆฮ่า “ กล้า พี่ชายฝาแฝดของเก่ง มื่อทำร้ายหมาได้เขาก็หัวเราะออกมาด้วยความซะใจ จากนั้นก็เอ้ยก็มาว่าสมน้ำหน้าหมา จากนั้นสองพี่น้องฝาแฝดพอตีหมาเสร็จ ก็ทำท่าจะกลับขึ้นไปนอนบนกุฏิ แต่ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังจะไปนอนนั่น อยู่ๆก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งเรียกให้ทั้งสองหยุดเท้าซะก่อน
“ เดี๋ยวก่อน…..อย่าเพิ่งไป…….เอ็งสองคนไม่กลัวผีเหรอ…..หึหึหึ “ เสียงของผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้อยู่ๆก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นยะเยือกเรียกเด็กทั้งสองคนให้หยุดแล้วก็หันมาดู เก่งกับกล้าพอได้ยินเสียงของใครก็ไม่รู้มาพูดอยู่ด้านหลังก็หันไปมองทางต้นเสียง
“ ลุงเป็นใคร แล้วเรียกพวกเราทำไม ไม่เห็นเหรอว่าเรากำลังจะไปนอน “ เก่ง พูดออกมาด้วยท่าทางกวนๆ เหมือนกับว่าไม่รู้จักเด็กจักผู้ใหญ่ เก่งหันมาถามชายวัยรุ่นแต่งตัวอย่างกับว่าไปโดนใครเอามีดเอากรรไกรตัด อย่าเรียกว่าเสื้อผ้าเลย ให้เรียกว่าผ้าขี้ริ้วหน้าจะดีกว่าเพราะสภาพที่เก่งกับกล้าเห็นนั้นไม่ต่างอะไรกับเสื้อผ้าเลย
“ หึหึหึ เอ็งสองคนรู้ไหมว่าทำกับสัตว์แบบนั้น…..มันบาป…….” ชายเสื้อผ้าขาดลุ่งลิ่งพูดกับเด้กน้อยทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงยาน….เย็น เรียบนิ่ง เด็กน้อยสองคนที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตลกด้วยความที่เป็นเด็กในเมือง พอได้ยินเรื่องบาปบุญแบบนั้นเด็กน้อยทั้งสองคนก็เลยรู้สึกตลกอย่างบอกไม่ถูก
“ ฮ่าๆฮ่าๆฮ่า ลุง……..บาปเป็นตัวยังไง อ๊ะ ฮ่าๆฮ่าๆฮ่า เป็นตัวดำๆ น่าเกลียดๆ อย่างลุงอะเหรอ ฮ่าๆฮ่าๆฮ่า “ กล้าหัวเราะด้วยสีหน้าตลกก่อนจะพูดกวนๆออกมา แต่สายตาเวลาที่พูดกับผู้ใหญ่ตรงหน้ากับดู ชายสกปรกตรงหน้าเมื่อเห็นแบบนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก เผยให้เห็นฟันที่ดำสกปรก แล้วก็มีกลิ่นเหม็นเหมือนกับของเน่า เด็กสองคนนนั้นพอได้เห็นแบบนั้นต่างก็ทำหน้าตารังเกรียจพร้อมกับมือขึ้นมาปิดจมูกเอาไว้
“ อ้าว เก่ง กล้า ลงไปทำอะไรด้านล่าง แล้วนั้นคุยกับใครอยู่ละ “ ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังยืนเอามือปิดจมูก เพราะกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของชายตรงหน้าอยู่นั้น ทั้งคู่ก็ต้องสะดุ้งตัวโยนเมื่อเสียงของหลวงพี่ที่อยู่บนกุฏิเรียกถาม แต่ระหว่างที่เด็กสองคนกำลังจะตอบหลวงพี่อยู่นั้น ทั้งสองคนก็ต้องแปลกใจเมื่อหันมาแล้วไม่เจอผู้ชายที่แต่งตัวสกปรกคนนนั้น