หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ฉันเดินลงจากบูธดีเจ วันนี้ค่อนข้างเหนื่อยกว่าปกติ คงเพราะฉันมีเรียนตั้งแต่เช้า แถมยังทำงานจนดึกอีก คงต้องรีบกลับห้องไปนอนพักแล้ว
บริเวณหน้าผับเวลานี้คนจะค่อนข้างพลุกพล่าน ฉันเลยเลือกมายืนรอแท็กซี่ตรงด้านหลังผับแทน ซึ่งอยู่ใกล้กับลานจอดรถของผับ
“จะกลับแล้วเหรอ” เสียงทักจากด้านหลังเรียกสายตาฉันจากหน้าจอโทรศัพท์ สัญชาตญาณการระวังตัวทำงานทันทีที่เห็นว่าเขาเป็นใคร “รอแท็กซี่อยู่เหรอ ให้ฉันไปส่งไหม?”
“ไม่ต้อง ฉันต้องไปห้องแฟนต่อน่ะ” ฉันทำงานตรงนี้มานานแล้ว การเจอคนประเภทนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ฉันโดนตามตื๊อ โดนตอแยมานับครั้งไม่ถ้วน ส่วนมากก็ใช้สกิลเอาตัวรอดได้เสมอนั่นแหละ
“อะไรกัน รักแฟนจังเลยนะ” แทนที่เจสันจะรามือไปเมื่อเห็นฉันไม่เล่นด้วย แต่กลับขยับเข้ามายืนใกล้ฉันมากกว่าเดิม สีหน้าและท่าทางของเขาคุกคามอย่างชัดเจน “สมัยนี้มีแฟนแล้วก็ยังสนุกกับคนอื่นได้นะ เธอไปสนุกกับฉันดีกว่าไหม ฉันสนใจเธอมาก ๆ เลยนะ”
ฉันเงยหน้ามองเจ้าของคำพูดน่ารังเกียจนั่น ขนาดฉันบอกว่ามีแฟนแล้วก็ยังคิดจะยุ่งด้วย นี่มันสารเลวครบสูตรเลยนี่นา
“ขอตัว” ฉันมองถนนที่ไร้รถแท็กซี่ ตัดใจจะเดินไปทางหน้าผับ แต่ถูกเจสันคว้าแขนอย่างถือวิสาสะ ฉันสะบัดแขนด้วยความตกใจ ตวัดสายตาไม่พอใจมองใส่เขา “จะทำอะไร?”
“ไม่เอาน่า ฉันก็แค่อยากทำความรู้จักกับเธอนะควีน ไปนั่งดื่มกับฉันสักแก้วสองแก้วไม่ได้หรือไง”
“เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นป่ะ นายไม่มีสิทธิ์มาแตะตัวฉันนะ” ฉันโมโหแล้วนะ ผู้ชายคนนี้ชักจะพูดไม่รู้เรื่อง ฉันไม่ควรยืนคุยกับเขามากไปกว่านี้ แต่ทว่ายังไม่ทันจะก้าวเท้าหนี เจสันพุ่งเข้ามากระชากแขนฉันหน้าตาเฉย พอฉันจะยกมือตบ เขาจับมือฉันเอาไว้แล้วดึงให้เดินตามไปทางลานจอดรถ “ปล่อยนะ! จะทำบ้าอะไรวะไอ้สารเลว!!”
“ปากดีเข้าไป เล่นตัวเข้าไป ฉันล่ะชอบเธอจริง ๆ”
แต่ฉันรังเกียจแกจะตายอยู่แล้ว!
“เฮ้ย! ทำเหี้ยไรวะ?” เสียงใครคนหนึ่งตะโกนแทรกความเงียบของลานจอดรถ ฉันหันมองทันที ความรู้สึกอุ่นใจแล่นวาบตอนเห็นหน้าเขา “ปล่อยแฟนกูนะไอ้สัด!”
ปึ่ก!
เดย์วิ่งเข้ามาถีบเจสันด้วยความรวดเร็ว แรงถีบนั่นทำเจสันกระเด็นล้มลงบนพื้น ฉันเกือบถูกเขากระชากล้มไปด้วยถ้าไม่ติดมือเดย์ที่รั้งเอวฉันเอาไว้
“เป็นไรไหม”
“มะ ไม่…” ฉันละล่ำละลักตอบ เดย์ปล่อยเอวฉันแล้วพาไปยืนห่างจากเจสันที่ตอนนี้ลุกขึ้นมายืนแล้ว ฉันรู้เลยว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงต่อจึงรีบกอดแขนห้ามเดย์เอาไว้ “อย่านะเดย์ แค่นี้พอแล้ว”
“ห้ามทำไม ไอ้เหี้ยนั่นมันจะลากเธอไปไหนก็ไม่รู้นะควีน” ตอนนี้เดย์เดือดมาก แววตาเขาแดงก่ำดุดัน ราวกับพร้อมจะฆ่าคนได้
“ฉันรู้ แต่ฉันไม่อยากให้นายมีเรื่อง…”
“มึงเป็นใครวะ! มาเสือกเหี้ยไรด้วย!” เสียงเจสันตะโกนแทรกขึ้นมา เรียกสายตาเดย์หันมองทันที
ฉันเม้มปากแน่น หัวใจเต้นระรัว สองมือเริ่มสั่นเทา ฉันไม่ชอบความรุนแรง มันเป็นความฝังใจ ทุกครั้งที่เห็นใครทะเลาะกัน ฉันมักจะแพนิคเสมอ
“อย่านะเดย์ ขอร้อง เราไปกันเถอะ” ฉันพยายามดึงเดย์ออกมาจากตรงนั้น ตอนแรกเดย์ทำท่าจะเดินตามมาเพราะเห็นสีหน้าฉันไม่ค่อยดี แต่เจสันกลับพุ่งเข้ามาจะถีบเดย์จากด้านหลัง โชคดีที่เดย์ดึงตัวฉันหลบทัน เขาผลักฉันออกห่างแล้วหันไปถีบเจสันอีกรอบ
พลั่ก!
ร่างเจสันกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนที่ทั้งคู่จะตรงเข้าต่อยกัน ต่างคนต่างสวนหมัดใส่กันไม่ยั้ง ฉันยืนปิดปากมองภาพนั้น เนื้อตัวสั่นเทา หัวสมองขาวโพลนไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงกับสถานการณ์ตอนนี้ดี
ตั้งแต่คบกับเดย์มา ฉันไม่เคยเห็นเขาทำร้ายใครมาก่อน ไม่สิ ต้องพูดว่าไม่เคยเห็นด้านมืดของเดย์มาก่อน จนฉันเกือบลืมไปว่าความจริงแล้วนิสัยเดย์ก็ไม่ธรรมดาเลย ก่อนจะมาคบกับฉัน ชื่อเสียงของเขาไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เขาเคยเกเรจนเกือบจะเสียการเรียนด้วยซ้ำ แต่เพราะเขาเป็นแฟนที่ดี ดูแลฉัน เทคแคร์ฉัน และอ่อนโยนกับฉัน ฉันเลยไม่เคยมองว่าเขาเป็นคนอันตราย
“เดย์ พอแล้ว” ฉันพยายามส่งเสียงห้าม เพราะตอนนี้เจสันโดนเดย์คร่อมต่อยอยู่บนพื้นไม่ยั้ง หมอนั่นแทบจะหมดแรงไปแล้ว หน้าตายับเยินจนน่ากลัว ถ้ายังไม่หยุดเดย์อาจจะฆ่าเขาตายได้ “เดย์…”
หมับ
ฉันที่กำลังจะเดินเข้าไปห้ามเดย์ถูกใครคนหนึ่งคว้าแขนเอาไว้ หันมองก็พบว่าเป็นสิบทิศ เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่แววตาที่เขามองฉันมันดุดันจนน่ากลัว
“อยากเจ็บตัวหรือไง”
“สิบ… ห้ามเดย์หน่อย ช่วยห้ามเขาหน่อย” ฉันจับแขนสิบทิศพลางอ้อนวอนเขา สิบทิศเป็นคนเดียวตอนนี้ที่จะหยุดความบ้าคลั่งของเดย์ได้
“…” สิบทิศละสายตามองไปทางเดย์ แววตาดุดันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ราวกับว่าเขาไม่คิดจะเข้าไปยุ่ง ฉันเขย่าแขนเขาแรง ๆ พยายามอ้อนวอนอีกครั้ง
“เดย์จะฆ่าเขาตายอยู่แล้ว นายไปห้ามเขาที ฉันขอร้อง”
สิบทิศละสายตากลับมาสบตากับฉันนิ่ง ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนเอ่ยถามคำบางคำออกมา
“เตรียมสิ่งตอบแทนคำขอร้องของเธอเอาไว้”
“…”
“ฉันไม่เคยทำอะไรให้ใครฟรี ๆ”