Z-NiL PUB
Rrr…
“อื้อ”
[อยู่ไหนแล้ว ให้ฉันไปรับไหม?] ปลายสายกรอกเสียงถามกลับมา ฉันหลุบตามองนาฬิกาหลังข้อมือ คิวงานฉันขึ้นห้าทุ่ม ตอนนี้เพิ่งสี่ทุ่มกว่า ถ้านั่งแท็กซี่จากคอนโดไปถึงผับประมาณครึ่งชั่วโมง น่าจะทัน…
“ไม่เป็นไร ฉันกำลังขึ้นแท็กซี่”
[โอเค กำลังมาใช่ไหม งั้นเดี๋ยวฉันออกไปรอ] ได้ยินเสียงเดย์ตะโกนแข่งกับเสียงดนตรีภายในผับ ก่อนเสียงอึกทึกนั่นจะค่อย ๆ เบาลง เขาคงเดินออกมาด้านนอกแล้ว
“ยังไม่ต้องรีบออกมาก็ได้ อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง” ฉันปิดประตูรถแท็กซี่ บอกพิกัดปลายทางกับคนขับแล้วหันกลับมาคุยสายต่อ
[ไม่เป็นไร ฉันออกมาสูบบุหรี่พอดี]
“อีกแล้ว ไหนว่าจะเพลา ๆ ลงไง”
[…] ปลายสายเงียบเสียงไป ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
“ขำอะไร?” ฉันเลิกคิ้วถาม
[เปล่า ก็แค่ดีใจที่เธอเป็นห่วง]
คราวนี้ฉันเป็นฝ่ายเงียบเอง เดย์ชอบพูดหรือทำอะไรให้ฉันรู้สึกไปต่อไม่ถูกเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“งั้นแค่นี้ก่อนนะ ถึงแล้วจะโทรบอก” ฉันกดวางสายเดย์ นิ่งมองหน้าจอโทรศัพท์ชั่วครู่ก่อนเก็บมันเข้ากระเป๋าสะพาย
เวลาไม่นานรถแท็กซี่จอดเทียบหน้าทางเข้าผับ ช่วงเวลานี้เริ่มดึกแล้ว นักเที่ยวค่อนข้างพลุกพล่านกว่าปกติ ฉันเดินผ่านการ์ดหน้าประตูเข้ามาด้านใน หยิบโทรศัพท์จะต่อสายหาเดย์ ทว่า…
มือข้างที่ถือโทรศัพท์ชะงักขณะสายตามองตามร่างบางของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินผ่านหน้าฉันไป ฉันจำเธอได้ในทันที ใบหน้าสวย ๆ ที่ไม่ว่าจะมองกี่ทีก็ไม่รู้เบื่อนั่น ฉันไม่เคยลืม…
เธอมาทำอะไรในที่แบบนี้กันนะ
ฉันขมวดคิ้วมองตามแผ่นหลังบาง รู้สึกแปลกใจหน่อย ๆ แต่ไม่ได้สนใจอะไรนัก หันกลับมาเพื่อจะต่อสายหาเดย์อีกครั้ง ฉันเดินเลี้ยวเข้าโถงทางเดินเพื่อจะลัดไปทางด้านหลังของผับ บังเอิญชนเข้ากลับร่างสูงของใครคนหนึ่งซึ่งเดินโผล่พ้นมุมทางเดินออกมา
ปึ่ก
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ” ฉันเสียหลักนิดหน่อย เอวคอดถูกวงแขนแกร่งคว้าประคอง ฉันรีบปัดมือเขาออกแล้วทรงตัวยืนเต็มความสูง เงยหน้าขึ้นมองก็ต้องชะงักเมื่อพบกับใบหน้าแสนคุ้นเคยที่ฉันโคตรไม่อยากพบเจอ
ทำไมเป็นเขาอีกแล้ว?!
“…” ฉันหน้าบึ้งตึง ไม่พูดอะไร และเตรียมเบี่ยงตัวจะเดินหนี แต่ถูกร่างสูงกว่าขยับตัวขวาง พอฉันขยับไปอีกทาง เขาก็โยกตัวตาม จนเริ่มอารมณ์เสีย “นี่! หลบไป!”
“…” นอกจากเขาจะไม่หลบทางให้ฉันแล้ว เขายังส่งยิ้มกวนประสาทมาให้ฉันด้วย
“สิบทิศ ฉันไม่เล่น” ฉันหมดความอดทนกับผู้ชายคนนี้แล้ว ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ดวงซวยนัก เจอสิบทิศเป็นครั้งที่สองในรอบสามปีแล้วนะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเฉียดเข้าใกล้กันเลยสักนิดแท้ ๆ
“ฉันก็ไม่ได้เล่น”
ฉันเงยหน้าสบตากับคนสูงกว่า เอาล่ะ สิบทิศกำลังทำให้ฉันหงุดหงิดกว่าเดิม ด้วยสีหน้าน่าโมโหกับรอยยิ้มกวนประสาทนั่น
“เมื่อคืนเธอกล้าหนีฉัน” เขาเอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา ทำฉันแปลกใจนะเนี่ย ปกตินิสัยอย่างเขาไม่ชอบพูดเรื่องเดิม ๆ ไม่ใช่?
“ก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องคุยอะไรกันนี่” ฉันผลักไหล่สิบทิศให้หลบทาง และเดินผ่านเขาออกมา พยายามตีสีหน้าเย็นชาสุดขั้ว
“แน่ใจเหรอที่พูด” เสียงทุ้มลอยตามหลังมา ฉันชะงักเล็กน้อย ยืนนิ่งโดยไม่หันกลับไปมอง เป็นสิบทิศที่เดินอ้อมมาหยุดยืนด้านหน้าฉันอีกครั้ง และยื่นใบหน้าหล่อ ๆ เข้ามาใกล้พลางหยักยิ้มร้ายคล้ายว่าตัวเองเหนือกว่า
ฉันเกลียดเขา… เกลียดรอยยิ้มเขา… เกลียดทุกอย่างที่เป็นเขา!
เขาเป็นคนอันตรายที่ฉันอยากจะหนีไปให้ไกลสุดขอบโลก แต่ใครจะคิดว่าโลกบ้า ๆ นี่จะเหวี่ยงฉันกลับมาเจอเขาอีกครั้ง
ทำไมต้องกลับมาเจอกันแบบนี้ด้วยนะ ทั้งที่ชีวิตฉันกำลังดีขึ้นแล้วแท้ ๆ ฉันกำลังจะเดินไปข้างหน้าได้แล้วแท้ ๆ เราไม่ควรกลับมาพบเจอกันอีกเลย
ไม่ควรเลยจริง ๆ
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายต้องการอะไรจากฉัน แต่ขอให้รู้เอาไว้ว่าฉันไม่ได้รู้สึกยินดีกับการที่เรากลับมาเจอกันเลยสักนิด”
“…”
“นายอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าสนุก แต่สำหรับฉันมันคือเรื่องที่แย่ที่สุดในรอบสามปีนี้เลย” ทุกคำพูดที่เปล่งออกมา มันเค้นออกมาจากทุกความรู้สึกของฉัน มันคือความเก็บกด ความอัดอั้น หรืออะไรก็ช่าง ความหมายก็คือฉันไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนี้อีกแล้ว
“ทำไม? หรือเธอยังฝังใจเรื่องของเราอยู่?” ริมฝีปากหนาบิดยิ้มบาง ฉันกำมือแน่น ไม่คิดจะตอบโต้กลับ สิบทิศผิวปากเบา ๆ คล้ายพอใจกับท่าทีของฉัน มือหนาลูบข้างแก้มฉันแผ่วเบา สัมผัสเย็น ๆ จากปลายนิ้วของเขาคล้ายกับมีประกายไฟแล่นผ่าน ฉันรีบเบือนหน้าหนี มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
จะว่าขยะแขยงก็ไม่ใช่ จะว่ารังเกียจก็ไม่เชิง
แต่ที่มันน่าโมโหก็คือหัวใจไม่รักดีของฉันที่ดันเต้นผิดจังหวะเพียงแค่ถูกเขาสัมผัสนี่น่ะสิ!
“เธอยังลืมฉันไม่ได้งั้นสินะ”
“ฮึ… น่าขำชะมัด” ฉันขยับยิ้มสมเพช มันเป็นรอยยิ้มที่จงใจบิดยิ้มให้ผู้ชายตรงหน้าเห็น สิบทิศเลิกคิ้วขึ้น กดสายตามองหน้าฉันนิ่ง “คนที่ยังลืมไม่ได้ ฉันหรือนายกันแน่?”
“เธอว่าไงนะพราว” ใบหน้าหล่อ ๆ เรียบตึงขึ้นมาทันตา เขาดูไม่พอใจมากกับคำถามของฉัน
“คนที่ขวางทางฉันอยู่ตอนนี้ก็คือนาย คนที่ไม่ยอมปล่อยฉันไปก็คือนาย คนที่รื้อฟื้นเรื่องที่มันจบไปแล้วก็คือนาย และคนที่เป็นฝ่ายเสนอหน้าเข้ามาหาก่อนก็คือนายนะ… สิบทิศ”
ฉันเลิกคิ้วมองคนตัวสูงกว่าด้วยท่าทีเย้ยหยัน ไร้ความเกรงกลัว ไร้ความหวั่นไหว อย่างที่บอกว่าฉันเปลี่ยนไปแล้ว
ผู้หญิงชื่อพราวที่แสนอ่อนแอคนนั้นได้ตายไปตั้งนานแล้ว
“เรื่องของเรามันจบไปแล้ว จบก็คือจบ ชัดนะ?”