ปึง
ฉันเปิดประตูเข้ามาในห้องแล็บของเดย์อย่างรีบร้อน เหงื่อเม็ดใสผุดเต็มกรอบหน้า หัวใจเต้นระรัวด้วยความเหนื่อยหอบ ตลอดทางที่วิ่งมาฉันพยายามกดต่อสายหาเดย์ แต่เขาไม่รับเลยสักสาย นั่นยิ่งทำให้ฉันเป็นห่วงเขามากกว่าเดิม
“…”
ภายในห้องแล็บไร้เงาของเดย์ มีเพียงสิบทิศที่กำลังยืนจดอะไรบางอย่างอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา เขาหันมองฉันด้วยแววตาแปลกใจแต่ก็เพียงแวบเดียวก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉย
“เดย์อยู่ไหม?” ฉันเดินกลับออกมาจากหลังฉากกั้นเมื่อไม่พบเดย์ สิบทิศละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์หันมาทางฉัน
“แล้วเห็นมันในนี้ไหมล่ะ”
ทำไมเขาต้องกวนฉันกลับด้วยล่ะเนี่ย ฉันกำลังซีเรียสอยู่นะ!
ฉันเลิกสนใจสิบทิศและเดินผ่านหน้าเขาเพื่อจะออกจากแล็บไปตามหาเดย์ ทว่ากลับถูกคว้าต้นแขนเอาไว้ ฉันหันขวับกลับไปมองเจ้าของมือนั้นทันที
“ฉันไม่มีเวลามาทะเลาะกับนายนะ ปล่อย”
“รีบวิ่งมาถึงนี่จนเหนื่อยหอบเพื่อตามหาไอ้เดย์ทำไม หรือว่าคิดถึงมันมาก?”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย” ฉันสะบัดแขนออก ทำท่าจะเดินหนี ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“นายรู้หรือเปล่าว่าเดย์ไปไหน?” ฉันยิงคำถามใส่สิบทิศพลางจ้องตาเขาจริงจัง คนถูกจ้องยืนนิ่ง แต่ฉันรู้ดีว่าการที่เขาทำสีหน้าแบบนี้มันหมายถึงอะไร “นายรู้งั้นเหรอ… รู้ใช่ไหมว่าเดย์กำลังไปที่ไหน?”
ฉันมั่นใจว่าสิบทิศรู้เรื่องที่เดย์กำลังไปหาพวกของเจสันแน่ ๆ เพราะสีหน้าของเขาไม่เคยโกหก
“นายรู้ว่าเดย์กำลังไปเจอกับอันตราย แต่นายก็ปล่อยเขาไปงั้นเหรอ? ทำไมถึงไม่ห้ามเขาล่ะ!” ฉันรู้สึกโกรธจังเลย มันทั้งโกรธ ทั้งหงุดหงิด ทำไมสิบทิศเลือดเย็นได้ขนาดนี้กันนะ
“แล้วทำไมฉันต้องห้ามมันด้วย” เขาตอบหน้าตาย ฉันกัดริมฝีปากล่าง พยายามอดกลั้นไม่ให้ระเบิดอารมณ์ใส่ผู้ชายตรงหน้า
“นายนี่มัน… เลือดเย็นไม่เคยเปลี่ยน เดย์เป็นเพื่อนนายนะ เขากำลังตกอยู่ในอันตราย เขาอาจจะถูกทำร้ายจนตายก็ได้ แทนที่นายจะห้ามเขา หรือไม่…” ฉันหลับตาสูดลมหายใจ “หรือไม่ก็ช่วยเขาหน่อย”
เวลานี้ฉันหน้ามืดไปหมดแล้ว เดย์อยู่ไหนก็ไม่รู้ เขากำลังตกอยู่ในอันตรายแน่ ๆ และหนทางเดียวที่จะช่วยเดย์ได้ในตอนนี้ก็คือผู้ชายตรงหน้าฉัน สิบทิศรู้ว่าเดย์อยู่ที่ไหน หากเขายอมไปช่วยเดย์ เดย์อาจจะไม่ถูกทำร้ายก็ได้
“ฉันไม่เคยช่วยใครฟรี” คำพูดประโยคเดิมที่ฉันเพิ่งได้ยินไปเมื่อวานวกกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้เราสบตากันอย่างจริงจัง
คนคนนี้ไม่เคยยอมเสียผลประโยชน์ สิบทิศเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาไม่เคยขาดทุน ไม่เคยต้องเสียอะไรฟรี ๆ
“ฉันขอร้อง” ฉันยอมลดทิฐิทุกอย่าง ยอมวางศักดิ์ศรี วางเรื่องในอดีต เพื่อเอ่ยขอร้องเขาอีกครั้ง
สิบทิศยืนนิ่ง เขาจ้องตาฉันนิ่ง ๆ คล้ายกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
“สิบ…” ฉันเรียกชื่อเล่นเขาด้วยความลืมตัว แววตาคมเข้มวูบไหวเล็กน้อยก่อนมันจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาเหมือนเดิม ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ฉันมากกว่าเดิม ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจกรุ่นร้อน
“เธอยอมแลกไหมล่ะ”
“…ฉันจะไม่เลิกกับเดย์”
ไม่รู้หรอกว่าสิบทิศจะขอให้แลกกับอะไร ฉันต้องรีบพูดดักทางเอาไว้ก่อน เพราะการเลิกกับเดย์เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะยอมแลกกับคนอย่างเขา
สิบทิศหลุบตามอง แววตานิ่งเย็นชามีแววคุกรุ่น ก่อนริมฝีปากจะแสยะยิ้มอันตรายออกมา
“งั้นก็แลกกับร่างกายเธอแล้วกัน” คำตอบของเขาสร้างความตื่นตระหนกให้ฉันอย่างมาก
สิบทิศหมายความว่ายังไง?
แลกกับร่างกายฉันอย่างนั้นเหรอ?
“เป็น ‘ของเล่น’ ให้ฉัน”
“…”
“แล้วฉันจะช่วยมัน”
เขาพูดจริงเหรอ…
ฉันช้อนสายตาขึ้นสบกับดวงตาคมวาววับ สิบทิศเป็นคนพูดจริงทำจริง ถ้าฉันตอบตกลง เขาจะรีบไปช่วยเดย์แน่ ๆ แต่ถ้าฉันปฏิเสธ… เขาคงปล่อยให้เดย์เผชิญหน้ากับอันตรายเพียงลำพัง
ฉันควรทำยังไงดี… ยอมเป็นของเล่นสิบทิศเพื่อแลกกับชีวิตเดย์งั้นเหรอ…
ฉันนิ่งคิด ความร้อนรนใจสุ่มอยู่เต็มอก ความเป็นห่วงเดย์อยู่เหนือเหตุและผลอื่นใด
ก็แค่เป็นของเล่นให้เขา… ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยเป็นสักหน่อย ฉันก็แค่ต้องยอมกลับไปเป็นของเล่นให้สิบทิศอีกครั้งก็แค่นั้น เพื่อแลกกับชีวิตของเดย์…
“นานแค่ไหน…”
“…”
“ฉันต้องเป็นของเล่นให้นายนานแค่ไหน?” ฉันเงยหน้าถามด้วยแววตาจริงจัง สิบทิศชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าเขาบึ้งตึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“จนกว่าฉันจะพอใจ”
“หนึ่งเดือน” ฉันจ้องเขาตาไม่กะพริบ ในเมื่อเขายื่นข้อเสนอกับฉัน ฉันก็จะขอยื่นข้อตกลงกับเขากลับเช่นกัน
“เธอไม่มีสิทธิ์ตัดสิน”
“แค่เดือนเดียวเท่านั้น และฉันจะ ‘ยอม’ นายทุกอย่าง” ฉันเมินคำพูดเขาแล้วพูดต่อ
“…”
“นายจะ ‘เล่น’ ฉันยังไงก็ได้จนกว่านายจะพอใจ”
ฉันรู้ตัวเองดีว่ากำลังพูดอะไรออกมา ฉันมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน เพราะแบบนั้นฉันถึงยื่นข้อตกลงนี้กับเขา
“แต่หลังจากครบหนึ่งเดือน นายจะต้องเลิกยุ่งกับฉันและเดย์”
“…”
“ถ้านายทำได้ ฉันก็ตกลง”