ฉันเคยคิดว่าชีวิตของคนคนหนึ่งจะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้สักกี่ครั้ง หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง หรือนับครั้งไม่ถ้วน
ไม่มีคำตอบที่แน่นอน ไม่มีอะไรตายตัว
ใช่… สำหรับใครหลายคนอาจเริ่มต้นใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน…
เพราะโอกาสในการเริ่มต้นใหม่ของฉันกำลังถูกคนคนหนึ่งทำลายอย่างไม่มีชิ้นดี
“อื้อ!” เสียงครางประท้วงดังอื้ออึงในลำคอ ฉันอยากจะหยิก อยากจะทุบ อยากจะทำร้ายผู้ชายตรงหน้าให้สาสมกับความเลวร้ายที่เขากำลังกระทำฉันอยู่ แต่แรงดูดดึงในโพรงปากกำลังจะพรากสติของฉันไปทีละนิด
สิบทิศเอ่ยคำพูดประโยคนั้นมาเพียงประโยคเดียว ก่อนที่เขาจะก้มลงมาประกบปากจูบฉันด้วยอารมณ์ดุดัน ฉันเบิกตาโพลง ทั้งตื่นตกใจ ทั้งไม่ทันตั้งตัว ทั้งหวาดกลัวว่าเดย์จะมาเห็น
นี่มันเลวร้ายมาก
เดย์ยืนอยู่หลังฉากกั้นบาง ๆ เพียงแค่นั้น สิบทิศกลับกล้าที่จะบังคับจูบฉันได้อย่างไม่ลังเล เขาไม่แคร์เลยสักนิดว่าเดย์จะเข้ามาเห็นหรือไม่
มือหนารั้งกดท้ายทอยฉันแนบแน่น เขาไม่ยอมปล่อยให้ฉันได้ขัดขืนสักนิด รุกเร้าจูบเข้ามาหนักหน่วงราวกับต้องการชดเชยช่วงเวลาที่ห่างหายไปหลายปี
รสจูบคุ้นเคยที่ฉันไม่เคยปรารถนาบดเคล้าเนิ่นนาน มือหนาเลื่อนจากท้ายทอยมาประคองข้างแก้ม ดวงตาคมดุดันอ่อนแสงลงเพียงแวบเดียวก่อนจะทอประกายเย็นชา
กึก…
ฉันตัดสินใจกัดริมฝีปากหนาเต็มแรงก่อนใช้สองมือออกแรงผลักอกแกร่งจนร่างสูงถอยหลังไปหนึ่งก้าว โดยไม่ลืมปัดมือหนาออกจากข้างแก้มตัวเอง ฉันจ้องมองเขาด้วยสายตาเดือดดาล มันโกรธจนอยากจะตบหน้าหล่อ ๆ นั่นแรง ๆ สักที
สิบทิศมองฉันด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปเลย แม้ว่าริมฝีปากของเขาจะมีเลือดซึมออกมาก็ตาม
เขามันเลือดเย็นสิ้นดี…
อยู่ ๆ รู้สึกร้อนผ่าวขอบตาจนต้องกลอกตาขึ้นเพื่อหยุดน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมา ฉันยกหลังมือเช็ดปากตัวเองลวก ๆ เดินผ่านเขามาเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเทใส่แก้วยกดื่มจนหมด
เกิดความเงียบปกคลุมรอบตัว เราต่างคนต่างไม่พูดอะไร เพราะฉันไม่อยากให้คนด้านนอกได้ยินหรือผิดสังเกต อย่าลืมว่ามีเพียงฉากบาง ๆ กั้นพวกเราเท่านั้นนะ จะให้เดย์รับรู้เรื่องบ้า ๆ เมื่อครู่ไม่ได้เด็ดขาด
“ควีนทำอะไรอยู่… อ้าว มึงก็อยู่ด้วยเหรอไอ้สิบ”
หัวใจฉันเต้นระรัวกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงเดย์จากด้านหลัง เขาคงเดินเข้ามาตามฉันที่หายเข้ามาในนี้นานจนผิดสังเกต ฉันพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หันกลับมามองเดย์พลางขยับยิ้มบาง
“ฉันดื่มเสร็จแล้ว นายจะเอาด้วยหรือเปล่า” ฉันยื่นขวดน้ำให้เดย์ ตลอดการสนทนาไม่ได้ชายตามองไปทางสิบทิศเลยสักนิด เดย์เข้ามารับขวดน้ำจากมือฉัน เขามองสิบทิศเล็กน้อย ก่อนยื่นน้ำขวดนั้นให้เพื่อนตัวเองแทน
“มึงจะเอาเปล่า”
คำถามของเดย์สร้างความเงียบขึ้นภายในห้อง สิบทิศหลุบตามองขวดน้ำ แววตาเย็นชานิ่งสนิท ทว่าริมฝีปากกับแสยะยิ้มจาง ๆ
“ถ้ากูจะ ‘เอา’ มึงจะ ‘ยกให้’ กูไหมล่ะ” คำตอบหยัน ๆ ที่จงใจเน้นย้ำคำสองคำนั้นเรียกคิ้วขมวดจากเดย์แทบจะทันที ขณะที่ฉันกำมือแน่นจิกเล็บกับฝ่ามือจนเลือดซิบออกมาแล้ว
“ก็แค่น้ำ มึงเอาไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูหยิบขวดใหม่เอง” เดย์โยนขวดน้ำให้อย่างไม่คิดอะไร สิบทิศตวัดมือรับอย่างแม่นยำ
“แล้วนั่นปากมึงไปโดนไรมา” เดย์เปิดตู้เย็นหยิบขวดใหม่มาเปิดฝาดื่มพลางเหลือบตาถามเพื่อนรัก สิบทิศเลียเลือดบนริมฝีปากตัวเองอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร ฉันเม้มปากเบือนสายตาหนี หัวใจเต้นตึกตักลุ้นกับคำตอบของเขา
“สงสัยกูเผลอ ‘กัดปาก’ ตัวเอง”
“โง่นะมึงเนี่ย” เดย์ขมวดคิ้ว ส่ายหน้าเอือม ๆ ให้กับความไม่ได้เรื่องของสิบทิศ เขาจูงมือฉันพาเดินออกมาจากตรงนั้น
ฉันเดินผ่านสิบทิศออกมาโดยไม่มองและไม่สนใจเขา ทำราวกับว่าเรื่องก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น
ใช่… มันไม่เคยเกิดขึ้น จูบนั่นไม่เคยเกิดขึ้น
.
.
.
หลายวันต่อมา
หลังจากวันนั้นฉันไม่ได้ไปเหยียบห้องแล็บของเดย์อีกเลย ไม่ว่าชบาจะมาขอร้องยังไงฉันก็ไม่ใจอ่อนกับเธออีก จนยัยนั่นยอมละความพยายามไปเอง ช่วงนี้ฉันเลยไม่ค่อยเจอชบากับไทเกอร์สักเท่าไหร่ สองคนนั้นคงกำลังติดงานวิจัยกันอยู่นั่นแหละ
“เดี๋ยวเจสันขึ้นก่อน แล้วตามด้วยควีนนะ” ผู้จัดการผับเดินเข้ามาในห้องเพื่อชี้แจงการทำงาน ฉันหลุดจากภวังค์ความคิดพยักหน้ารับ ชะงักสายตามองผู้มาใหม่ที่เดินตามหลังผู้จัดการผับเข้ามาด้วย
เจสันเป็นผู้ชายร่างสูง หน้าตาลูกครึ่งสมชื่อ ฉันรู้จักเขาและพอได้ยินชื่อเสียงของเขามาบ้าง เขาเป็นดีเจชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้
“หวัดดี ฉันเจสัน เธอชื่ออะไรนะ ควีนใช่ไหม?” เจสันนั่งลงที่โซฟาอีกตัวพลางเอ่ยทักทายฉันก่อน ฉันพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ปกติฉันเป็นคนโลกส่วนตัวสูง ไม่ได้อัธยาศัยดีอยู่แล้ว จะว่าฉันหยิ่งก็ได้ ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
ครืด…
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านแชท เดย์เพิ่งเลิกแล็บ พักนี้เขาเลิกดึก กลับบ้านดึกทุกวันเลย
“แฟนเหรอ?”
ฉันชะงักมือที่กำลังกดพิมพ์ข้อความตอบกลับเดย์ ปรายสายตาขึ้นมองผู้ชายตรงหน้าที่กำลังจ้องมาทางโทรศัพท์ของฉันอย่างโจ่งแจ้ง
ไร้มารยาทชะมัด…
“ใช่”
“มีแฟนแล้วเหรอ ว้า เสียดายจัง”
นั่นใช่ประโยคที่ควรจะพูดกับคนแปลกหน้างั้นเหรอ?
ฉันลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินเลี่ยงออกมาจากห้องนั้น บอกตามตรง ฉันไม่อยากนั่งหายใจร่วมกับคนพรรค์นี้
ฉันพอได้ยินชื่อเสียงมาบ้างว่าเจสันเป็นพวกเพลย์บอยตัวพ่อ ไม่สิ เขามันแบดบอยเลยแหละ เพราะหลงมัวเมาในชื่อเสียงของตัวเอง ใช้ความเป็นดีเจชื่อดังในการเคลมสาว ๆ
น่ารังเกียจ…
ฉันรังเกียจผู้ชายแบบนี้ที่สุด ทั้งน่ารังเกียจและน่าขยะแขยง