“ควีน ถึงแล้ว”
“…” ฉันคลายวงแขนออกจากเอวสอบ ดันตัวขึ้นนั่งหลังตรง มองไปทางหน้าคอนโดตัวเอง
ถึงแล้วเหรอ… มัวแต่เหม่อมากไปหน่อย แย่ชะมัด…
“เป็นไรหรือเปล่า เธอดูเหม่อ ๆ นะ” มือหนาสัมผัสข้างแก้ม ลูบเบา ๆ ด้วยความเคยชิน ฉันคืนหมวกกันน็อกให้เขา ขยับยิ้มจาง ๆ
“ไม่มีไร เพลียนิดหน่อยน่ะ”
“ก็บอกแล้วว่าให้หยุดพักบ้าง พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปเรียนอีกนี่”
ฉันรวบผมสีชมพูอมม่วงของตัวเองขึ้นมัดลวก ๆ ก่อนเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่า ยักยิ้มเล็กน้อย
“เป็นห่วงก็มารับสิ”
“งั้นคืนนี้ฉันค้างที่นี่เลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา” ไม่พูดเปล่าแต่ร่างสูงทำท่าจะเดินเข้าคอนโดฉันจริง ๆ ต้องรีบดึงชายเสื้อหนังของเขาเอาไว้
“หยุดเลยเดย์ กลับบ้านไปเลยนะ” ฉันออกปากไล่ ‘เดย์’ หันกลับมายักคิ้วยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาไว้ใจไม่ได้สุด ๆ
“ใจร้ายอ่ะ ฉันก็อยากค้างห้องเธอมั่งนะ”
“ไม่ได้” ฉันตอบทันควัน
“ทำไมอ่า เราเป็นแฟนกันนะควีน เดย์สัญญาว่าจะนอนเฉย ๆ ไม่ทำมิดีมิร้ายควีนเด็ดขาดถ้าควีนไม่เต็มใจ” เขาทำตาปริบ ๆ น้ำเสียงออดอ้อน โดยเฉพาะประโยคหลังที่จงใจเน้นย้ำเป็นพิเศษ ฉันตีแขนเดย์ไปหนึ่งที
“ฉันไม่เต็มใจแน่” อดไม่ได้ที่จะผลักหลังเขาให้เดินกลับมาที่รถบิ๊กไบค์คันใหญ่ “กลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันไปเรียนเอง นายมีเรียนบ่ายไม่ต้องรีบตื่นหรอก”
“ไม่เอาสิ เดี๋ยวเดย์มารับ” เดย์หันกลับมารวบจับมือฉัน ไม่ดันทุรังจะขอค้างอีก ฉันชอบนิสัยแบบนี้ของเดย์นะ เขาไม่งี่เง่า ไม่ดันทุรัง ไม่เอาแต่ใจ พูดง่าย เข้าใจง่าย เพราะแบบนี้ฉันถึงคบกับเขา
“ไม่ต้อง…”
“อ่ะ ๆ ห้ามปฏิเสธ ไม่งั้นคืนนี้ฉันจะนั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ทั้งคืนเลย”
ฉันทำหน้าลำบากใจ เพราะคอนโดของเดย์อยู่ค่อนข้างไกลจากคอนโดฉันมาก ถึงเขาจะขี่บิ๊กไบค์มาด้วยความเร็วแค่ไหนก็ใช้เวลาต่ำ ๆ เกือบ 40 นาที และแน่นอนว่ากว่าเขาจะขี่กลับบ้านอีก เวลาที่เขามาส่งฉันหลังเลิกงาน เขากลับถึงบ้านเกือบสว่างทุกวันเลย
“มันไกลนะเดย์ มารับฉันไปส่งมหาลัยแล้วนายจะไปอยู่ที่ไหนระหว่างรอเข้าเรียนล่ะ?”
“ไม่ต้องห่วง ฉันเข้าไปงีบในแล็บได้ อย่าลืมสิว่าฉันมีแล็บไว้สิงนะ”
จริงสิ ฉันลืมไปเลยว่าเดย์เรียนวิศวะคอมเอก AI เขามีแล็บของทีมด้วย ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเรียนของเดย์สักเท่าไหร่ เราไม่ค่อยคุยเรื่องส่วนตัวกัน แม้ว่าเราจะคบกันมาสามเดือนกว่าแล้วก็ตาม
“ถ้างั้นก็กลับดี ๆ นะ” ฉันโบกมือลา มองส่งเดย์ที่พยักหน้ารับแล้วสตาร์ทรถขี่ออกไป รอยยิ้มจางลงก่อนหายวับกลับมาราบเรียบตามเดิม
‘แล้วไง เธอก็เป็นหนึ่งในร้อยของผู้หญิงพวกนั้นนี่’
น้ำเสียงเย็นชาลอยเข้ามาในหัวอีกครั้ง ฉันหน้าตึง หมุนตัวเดินกลับเข้ามาในคอนโดตัวเอง ยิ่งย้อนคิดถึงเรื่องเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ก็ยิ่งหงุดหงิดใจ ฉันไม่ควรกลับมาเจอผู้ชายคนนั้นอีกเลย
สิบทิศไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด เขายังคงเป็นเขาคนเดิม ถ้าเมื่อครู่ฉันไม่ฉวยโอกาสหนีออกมา เขาก็คงไม่ยอมปล่อยฉันง่าย ๆ แน่
ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา ฉันไม่เคยให้ค่าอะไรกับสิบทิศ ฉันไม่สนใจว่าเขาจะอยู่ตรงส่วนไหนของมุมโลก ไม่คิดจะค้นหาหรือรับรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาเลยด้วย ฉันแค่ใช้ชีวิตส่วนของฉัน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ไม่ใส่ใจอดีต ไม่สิ… ต้องพูดว่าฉันจงใจลบอดีตของตัวเองไปหมดแล้วต่างหาก
แม้แต่ชื่อเล่นของฉัน
เมื่อกลับเข้ามาในห้องเงียบสงบ ฉันมองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกอะไรสักหน่อย ทำไมจู่ ๆ วันนี้กลับรู้สึกเงียบเหงาแปลก ๆ นะ
กระเป๋าอุปกรณ์ถูกวางลงบนโต๊ะ ถอดเสื้อคลุมตัวใหญ่ออก สายตาเหลือบมองซองบุหรี่บนโต๊ะชั่วครู่ ตัดใจหยิบมันขึ้นมาแล้วเดินไปโยนทิ้งลงถังขยะ
พอได้กลับมาเจอกับสิบทิศอีกครั้ง มันทำให้ฉันอดนึกถึงอดีตแย่ ๆ ไม่ได้ ฉันอยากระบายความเครียดนะ แต่คงไม่ใช่ด้วยวิธีนี้… ฉันต้องเลิกมันให้จริงจังสักที
‘ดูแลตัวเองนะด้วยลูก รักตัวเองให้มาก ๆ อย่าทำร้ายตัวเองอีกนะพราว’
คำสั่งเสียสุดท้ายของแม่ลอยเข้ามาในหัว ฉันสูดลมหายใจ เดินกลับมานั่งชันเข่าบนโซฟา ฟุบหน้าลงบนเข่า ปล่อยตัวเองให้จมหายไปกับความเงียบภายในห้อง
ปลายนิ้วไล้ลงบนข้อมือเบา ๆ สัมผัสตามรอยนูนจาง ๆ บนผิวเนื้อ
มันคือ… ความทรงจำที่แสนเลวร้ายสำหรับฉัน เป็นตราบาปที่ฉันไม่มีวันลืมชั่วชีวิต เป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากจะจดจำ แต่มันกลับยิ่งจำฝังใจไม่เคยลืม
ผู้ชายคนนั้นจะรู้บ้างไหมว่าการปรากฏตัวอีกครั้งของเขา มันสร้างความเจ็บปวดให้คนคนหนึ่งมากแค่ไหน มันกระตุ้นความทรงจำเลวร้ายที่คนคนนั้นพยายามปิดตายอย่างยากลำบาก
ฉันลุกขึ้นยืน เดินเข้ามาในครัว หยิบกระปุกยาเทใส่ฝ่ามือหนึ่งเม็ด หลุบตามองมันด้วยแววตาเฉยชา
เกลียดความรู้สึกนี้ชะมัด… ทำไงดี
ยาหนึ่งเม็ดถูกโยนเข้าปากตามด้วยดื่มน้ำจนหมดแก้ว ฉันเท้าสองแขนกับเคาน์เตอร์ครัวพลางหลับตานิ่ง ตั้งสติให้อยู่กับตัวเอง ก่อนหยิบหูฟังขึ้นมาครอบหู เปิดเพลงเสียงดังก้องในหู แล้วเดินกลับมานั่งโซฟา เหลือบสายตามองไปทางกรอบรูปที่ฉันถ่ายคู่กับแม่ ไล้ปลายนิ้วเบา ๆ แววตาสั่นไหวขณะนึกถึงคำสัญญาในวันนั้น
‘หนูสัญญา… หนูจะมีชีวิตอยู่ให้ดี จะรักตัวเองให้มาก และจะไม่ทำเรื่องโง่ ๆ อีกแล้วนะแม่’