ตอนที่ 9 การชดเชยของพี่ชาย

1261 Words
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความคิดคำนึงถึงคำสัญญาในวัยเด็ก ขุน ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ยังหนักอึ้ง แต่เขาก็พยายามฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นมาช่วยงานในไร่ลำไยเหมือนเช่นเคย ขณะที่ขุนกำลังช่วย พี่เข้ม ตัดแต่งกิ่งลำไยอยู่กลางไร่ พี่เข้มก็วางกรรไกรลง เขามองไปยังขุนด้วยแววตาที่จริงจังกว่าปกติ “ขุน…แกอยากกลับไปเรียนไหม” พี่เข้มเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน ขุนชะงักมือที่กำลังตัดกิ่งไม้ เขาเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าพี่เข้มจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา “เรียนเหรอครับพี่” ขุนทวนคำถาม พี่เข้มพยักหน้า “ใช่…พี่รู้ว่าแกอยากเรียนมาตลอด พี่…พี่ขอโทษนะที่วันนั้นพี่พูดไม่ดี” น้ำเสียงของพี่เข้มแผ่วลงเล็กน้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่เก็บงำมานาน “พี่อยากจะชดเชยให้แก” ขุนยืนนิ่ง เขามองพี่ชายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งแปลกใจ ตื้นตัน และสับสน เขาไม่เคยคิดว่าพี่เข้มจะพูดคำว่าขอโทษ และไม่เคยคิดว่าพี่ชายจะยังจำความฝันเรื่องการเรียนของเขาได้ “พี่ได้คุยกับ อาจารย์สมศักดิ์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว ท่านเป็นเพื่อนเก่าของพ่อเรา ท่านบอกว่าถ้าแกสนใจ ท่านจะช่วยดูเรื่องทุนการศึกษาให้” พี่เข้มพูดต่อ “แกจะได้เรียนในสิ่งที่แกอยากเรียน…พี่อยากให้แกได้มีอนาคตที่ดี” ขุนรู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ที่คอ เขาไม่รู้จะตอบพี่ชายอย่างไรดี ความรู้สึกผิดที่เคยมีต่อพี่เข้มเริ่มคลี่คลายลง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าการกลับไปเรียนเป็นสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ หรือเปล่า หลังจากที่เขาผ่านเรื่องราวมากมายมาขนาดนี้ พี่เข้มมองหน้าน้องชาย เขารู้ว่าขุนคงสับสน แต่เขาก็อยากให้น้องชายได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำจริง ๆ “ลองคิดดูดี ๆ นะขุน ไม่ต้องรีบตัดสินใจ” พี่เข้มพูดทิ้งท้าย ก่อนจะหันกลับไปตัดแต่งกิ่งลำไยต่อ ปล่อยให้ขุนยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพังกับความคิดของตัวเอง ขุนยังคงยืนนิ่ง เขามองไปยังต้นลำไยที่อยู่รายรอบ มองไปยังผืนดินที่เขาเคยวิ่งเล่นเมื่อครั้งยังเด็ก ความฝันที่จะเรียนต่อและพัฒนาไร่ลำไยเคยเป็นสิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงหัวใจเขา แต่ตอนนี้…มันกลับเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจได้ ในค่ำคืนนั้นเอง เดือน ก็ยังคงนอนไม่หลับเช่นกัน ความคิดถึง ขุน และคำสัญญาในวัยเด็กยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ เธอพลิกตัวไปมา พยายามข่มตาให้หลับ แต่ก็ทำไม่ได้ เดือนลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ของห้อง เธอเปิดหน้าต่างออก ปล่อยให้ลมเย็น ๆ พัดเข้ามาปะทะใบหน้า เดือนมองไปยังบ้านของขุนที่อยู่ไม่ไกลนัก แสงไฟที่สลัว ๆ จากบ้านหลังนั้นทำให้เธอรู้สึกถึงความใกล้ชิดที่ยังคงมีอยู่ เธอคิดถึงรอยยิ้มของขุนในตอนกลางวัน คิดถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความสุขุมที่เธออยากจะค้นหาคำตอบ และคิดถึงคำสัญญาที่เธอเคยให้ไว้กับเขา “พี่ขุน…พี่จะจำได้ไหมนะ” เดือนพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เธอหวังว่าสักวันหนึ่ง ขุนจะพร้อมที่จะเปิดใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟัง และหวังว่าคำสัญญาในวัยเด็กของพวกเขาจะยังคงมีความหมายสำหรับเขา ไม่ต่างจากที่มันมีความหมายสำหรับเธอเสมอมา สองสามวันถัดมา ขุน ยังคงทำงานช่วย พี่เข้ม ในไร่ แต่ในใจเขายังคงคิดถึงข้อเสนอเรื่องการเรียนต่อในเมือง ความรู้สึกสับสนยังคงเกาะกุม แต่เขาก็เริ่มคิดถึงอนาคตที่พี่เข้มวาดฝันให้ ช่วงบ่ายวันนั้น ขุนเห็น เดือน กำลังนั่งร้อยมาลัยดอกไม้เล็ก ๆ อยู่ใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้านของเธอ แสงแดดอ่อน ๆ ลาดลงต้องใบหน้าหวาน ทำให้เธอสวยงามราวกับภาพวาด ขุนสูดหายใจเข้าลึก เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไปคุยกับเธอ “เดือน…” ขุนเอ่ยเรียกเสียงเบา เดือนเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง เธอเห็นขุนยืนอยู่ตรงนั้น ก็วางมาลัยดอกไม้ลงบนตัก “พี่ขุน…มีอะไรหรือเปล่าคะ” ขุนเดินเข้าไปใกล้อีกนิด เขามองเข้าไปในดวงตาของเดือน ดวงตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความสดใสและความไร้เดียงสาอย่างที่เขาจำได้ “พี่…มีเรื่องจะบอก” หัวใจของเดือนเต้นระรัว เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง “พี่กำลังจะไปเรียนต่อในเมือง” ขุนพูดออกไปในที่สุด น้ำเสียงของเขาเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกมากมาย คำพูดของขุนทำให้เดือนชะงัก มาลัยดอกไม้ในมือของเธอเกือบจะหลุดร่วงลงพื้น แววตาของเธอสั่นไหว เดือนไม่คาดคิดว่าเขาจะกลับไปจากที่นี่อีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ มีเพียงเสียงลมพัดใบไม้เบา ๆ เท่านั้น เดือนพยายามรวบรวมสติ เธอเงยหน้าขึ้นมองขุน พยายามยิ้มให้เขาอย่างเต็มที่ แม้จะรู้สึกเจ็บปวดลึก ๆ ในใจ “จริงเหรอคะ…ดีจังเลยค่ะ” ขุนมองเดือน ใบหน้าของเธอที่พยายามยิ้มทำให้เขารู้สึกปวดหนึบในอก เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่เธอซ่อนไว้ แต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม “พี่เข้มเป็นคนจัดการให้” ขุนพูดต่อ “พี่…คิดว่านี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดี” “ใช่ค่ะ! เป็นโอกาสที่ดีมากเลยค่ะ” เดือนรีบตอบเสียงดังฟังชัดกว่าปกติ เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดหวังในใจ “พี่ขุนจะได้มีอนาคตที่ดี…จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ” เธอไม่ได้ถามว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจไปเรียนอีกครั้ง ไม่ได้ถามว่าเขาจะไปนานแค่ไหน ไม่ได้ทวงถามถึงคำสัญญาในวัยเด็ก เดือนเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป ปล่อยให้ความเข้าใจผิดและช่องว่างที่เคยมี ยังคงอยู่เช่นนั้น ขุนมองเดือนอยู่นาน เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดเหล่านั้นกลับจุกอยู่ที่คอ เขาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกผิด ความเจ็บปวด และความสับสนในใจให้เธอฟังได้อย่างไร สุดท้ายแล้ว เขาก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้า “งั้นพี่…ไปก่อนนะ” ขุนเอ่ยลา เดือนพยักหน้าตอบ เธอยิ้มให้เขาอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่ฝืนทน ขุนหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้เดือนนั่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ทันทีที่ขุนลับสายตาไป เดือนก็ก้มหน้าลง น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไหลอาบแก้ม เธอปล่อยให้หยาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวดผิดหวังไหลรินลงมาเงียบ ๆ ลงบนพวงมาลัยดอกไม้ที่ยังร้อยไม่เสร็จ "พี่ขุน…จะกลับมาอีกไหมนะ" คำถามนั้นดังก้องอยู่ในใจของเดือนอีกครั้ง ในขณะที่หัวใจของเธอก็รู้สึกยินดีกับอนาคตที่ดีของขุน แต่ก็ต้องยอมรับความเจ็บปวดจากการจากลาครั้งที่สอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD