บทที่ 18 จูบสั่งสอน

1824 Words
“คุณนที” “.....” “เจ็บไหม... เนยขอโทษนะ” น้ำเสียงหวานแผ่วดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของรถยนต์ที่ยังคงขับฝ่าฝนไปด้วยความเร็วคงที่ สายตาของหญิงสาวฉายแวววูบไหวเล็กน้อย เมื่อเอ่ยประโยคที่ทั้งถามและขอโทษ ทว่านทีกลับยังคงนิ่งเฉย เขาไม่ตอบคำถามของเธอหรือว่าแสดงปฏิกิริยาอะไรนอกเหนือไปจากความเงียบที่มีเท่านั้น ใบหน้าหล่อยังคงเรียบเฉย แววตาอ่านไม่ออกภายใต้แสงไฟที่สะท้อนผ่านมาเป็นระยะ เผยให้เห็นมุมปากที่มีรอยแผลสด อัจฉรามองเสี้ยวหน้านั้นด้วยความรู้สึกผิดที่ล้นหัวใจ แม้ว่าเมื่อกลางวันจะรู้สึกเคืองเขามากแค่ไหนก็ตาม ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เธอไม่รู้ว่านทีเขาแค่ผ่านมาเพราะความบังเอิญหรือเปล่า แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือเขาต้องมาเจ็บตัวเพราะเธอ ดวงตาสียางไม้สั่นไหวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงไม่ยอมตอบคำถามของเธอ แทนที่จะเร่งเร้าเขาต่อไป หญิงสาวเลือกที่จะละสายตามองออกข้างทางแทน เธอไม่กล้าแล้ว... แม้จะทั้งความกังวลและห่วงแค่ไหน แต่ก็รู้ตัวดีว่าไม่ได้มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายขนาดนั้น ตลอดเวลาตั้งแต่รู้จักนทีมา ไม่เคยเห็นเขาต่อยตีกับใครที่ไหน ไม่เคยเห็นเขานิ่งจนน่ากลัวขนาดนั้น มันก็ยิ่งทำให้อัจฉรายากที่จะอ่านมากขึ้นไปอีก ตลอดเวลาการเดินทาง ความเงียบปกคลุมภายในห้องโดยสาร ไม่มีใครพูดอีกเลยจนกระทั่งรถยนต์คันหรูเลี้ยวเข้าไปในตึกสูงแห่งหนึ่ง ความมีระดับของมันรับรู้ได้ทันทีที่ตาเห็น และความไม่คุ้นเคย กระตุ้นหัวใจของหญิงสาวให้เต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุมได้เช่นกัน แต่ยังไม่กล้าเอ่ยปาก แม้สัญชาตญาณจะร้องบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติแค่ไหนก็ตาม จนกระทั่งรถยนต์คันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดในที่จอดรถส่วนตัวของอาคารสูงแล้ว เจ้าของรถก็หันกลับไปมองหญิงสาวที่เห็นได้ชัดว่ากำลังแตกตื่นอยู่ไม่น้อยเลย... แม้ว่าเธอพยายามที่จะเก็บเงียบอยู่ก็ตาม ด้วยเสียงผ่อนลมหายใจเบา ๆ ตามมาด้วยเสียงคลิกในยามที่เข็มขัดนิรภัยหลุดออกจากช่องล็อก นทีเปิดประตูลงจากรถ ก่อนที่เขาจะเดินอ้อมไปยังฝั่งผู้โดยสาร มือหนากระชากประตูฝั่งอัจฉราให้เปิดออก ไม่แรงแต่ก็ไม่ได้นุ่มนวลนัก เขาใช้สายตาที่กดต่ำมองเธอ ไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัวคนที่อารมณ์คุกรุ่นภายในอกยังไม่มอดดับ ก็เอื้อมมือออกไปคว้าข้อมือเล็กของอีกฝ่าย บังคับให้เธอต้องลุกออกมาจากเบาะอย่างไม่อาจขัดขืน เสียงประตูรถปิดลงเป็นครั้งสุดท้าย ร่างสูงก็ลากร่างบางให้ตามเขาไปโดยไม่สนใจเสียงประท้วงของหล่อน “คุณนที! ทำไมพาเนยมาที่นี่!” ดวงตาของอัจฉราเบิกกว้าง หญิงสาวมองแผ่นหลังกว้างภายใต้เสื้อสูทสีน้ำเงินเข้ม หัวใจเต้นระรัวพอกับน้ำเสียงที่สั่นไหว เธอไม่มีเวลาได้กวาดสายตามองไปที่ใดก็ถูกลากเข้ามาในลิฟต์เสียก่อน ความกังวลและความเป็นห่วงก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นความไม่สบายใจอย่างร้ายกาจ “คุณนที... ปล่อยเนยก่อน... เนยเจ็บ...” เสียงหวานสั่นเครือดังขึ้นภายในพื้นที่จำกัดของลิฟต์ที่กำลังเคลื่อนตัวไปชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียมหรู สู่ห้องเพ้นท์เฮาส์ส่วนตัว แต่นทีกลับไม่ออมแรงเลยสักนิด มิหนำซ้ำเขายังกระชับข้อมือเธอแน่นขึ้นอีกต่างหาก ริมฝีปากแค่นยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น เมื่อได้ยินคำว่า ‘เจ็บ’ ที่ออกมาจากปากสวย ๆ นั่นของเธอ ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มที่เย็นชายิ่งกว่าจะเปรยออกมาอย่างแดกดัน “เจ็บเหรอ... ก็นึกว่าชอบให้จับซะอีก... เห็นนั่งนิ่งให้มันโอบไหล่ขนาดนั้น... ใครเห็นคงนึกว่ากำลังพลอดรักกันอยู่” นทีเน้นคำว่า ‘พลอดรัก’ ออกมา ดวงตาคู่คมตวัดมองคนตัวเล็กที่มองเขาตาโต ดวงตาสั่นไหวด้วยความตกใจระคนความโกรธที่เริ่มปะทุ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย “คุณนที! เนยไม่ได้พลอดรัก... โอ๊ย!” อัจฉราแหวเสียงออกมา ความหวาดหวั่นตอนนี้ผสมกับความรู้สึกกรุ่นโกรธ ระคนเจ็บใจ เธอยังไม่ทันพูดจบประโยคดีเสียด้วยซ้ำ อีกฝ่ายก็ออกแรงบีบข้อมือแน่น เจ็บจนต้องนิ่วหน้า คำพูดขาดหายไปโดยอัตโนมัติ “เคยบอกแล้วใช่ไหม... ว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาแผลงฤทธิ์ใส่... สมองกลวง ๆ ของเธอมันจำไม่ได้เลยหรือไง” เสียงทุ้มกดต่ำ แววตาฉายประกายความดุดันและพึงพอใจเล็กน้อยที่เขาสามารถทำเธอเจ็บจนเงียบได้ แรงทางกายภาพมันได้ผลเสมอ นั่นคือสิ่งที่นทีเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ความเด็ดขาดและอำนาจมันทำให้คนมีวินัยได้ แต่ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับนางเสือที่ยังไม่สิ้นลายอย่างอัจฉรา ซึ่งมันกระตุ้นความไม่พอใจให้กลับมาสุมอกอีกระลอก “เนยไม่ได้โง่! คุณนทีนั่นแหละที่บ้า! เรื่องของเนย แต่คุณนทีนั่นแหละที่มายุ่งเอง ใครขอให้เสนอตัวเข้ามาคะ?!” น้ำตาร้อน ๆ เริ่มคลอหน่วยแต่เธอยังคงเชิดหน้าไว้ เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวกล้าทำถึงขนาดนี้ เธอบิดข้อมือออกจากพันธนาการของเขาอย่างไม่กลัวเจ็บ กระชากกลับมาเต็มแรง โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไง พูดเหมือนท้าทายทั้งที่ในใจสั่นระรัว การกระทำที่อุกอาจและเป็นการท้าทายอย่างเปิดเผยนั้น ส่งผลให้บรรยากาศหนักอึ้งลงจับต้องได้ ดวงตาคู่คมเบิกขึ้นเล็กน้อย แล้วหรี่ลงพร้อมกับประกายบางอย่างที่อันตรายและดิบเถื่อนยิ่งกว่าเดินทางผ่านนัยน์สีนิลที่มืดครึ้มยิ่งกว่าเดิม เสียงหัวเราะ ‘หึ’ ดังออกมาจากลำคอ ยอมรับว่าเขาถูกใจไม่น้อยเลยที่ทำให้อัจฉราหางโผล่จนได้ แววตาที่เยือกเย็นหันกลับมามองเธอช้า ๆ เป็นแววตาของนักล่าอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน “บ้าเหรอ... หึ... กล้า... กล้าดีนักนะ เนย” สิ้นประโยคฝ่ามือใหญ่ก็กระแทกลงบนแผงควบคุมลิฟต์อย่างจัง เสียงดังจนคนร่างบางสะดุ้งโหยง ถอยหลังไปประชิดกับผนังที่เย็นเฉียบโดยสัญชาตญาณ พร้อมกันนั้นลิฟต์ก็ค้างทันที ชายหนุ่มกดปุ่มหยุดการทำงานเอาไว้ โดยที่สายตาไม่ละไปจากอัจฉราเลย รอยยิ้มร้ายกาจแบบที่น้อยคนจะได้เห็นนักปรากฏขึ้น ขณะที่ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้คนตัวเล็กกว่าที่พยายามชูคอหวังจะฉก แต่มันไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อยเหมือนลูกแมวที่พยายามข่วนกลับมากกว่า “คุณนที... จะทำอะไร... ถอยออกไปนะ!” อัจฉราส่งเสียงขู่อีกฝ่าย แต่กลับสั่นและไร้น้ำหนักอย่างน่าเจ็บใจ ผู้ชายที่รักและเทิดทูนในใจมาตลอดตอนนี้กลับแยกเขี้ยวใส่ น่ากลัวและพร้อมที่จะกัด หญิงสาวขยับหนีเขาไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ไม่มีพื้นที่ให้ไป ก่อนจะต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาประชิดกะทันหัน ปึง! เสียงฝ่ามือหนากระแทกเข้ากับกำแพงข้างศีรษะ แรงพอที่จะทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวและลิฟต์สะเทือนจนสั่นไหว กระตุ้นความกลัวที่นทีเห็นว่ามันมีอยู่ในใจของอัจฉราให้เพิ่มพูน ก่อนที่เขาจะโน้มหน้าเข้าไปหาจนปลายจมูกแทบจะแนบชิดกัน “ทำอะไร?... ก็ทำในสิ่งที่เธอกำลังบอกว่าฉันเป็นไง... เสนอตัว... เข้ามายุ่งกับเธอไง” นทีจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่บัดนี้สั่นไหว ความหลังที่เธอเผยออกมาทำให้เขาใจเต้นอย่างชอบใจ แต่ในขณะเดียวกันแววดื้อรั้นของอีกฝ่ายก็ยังไม่จางหายไปเสียทีเดียว หล่อนหลบตาเขา แต่มันกลับยิ่งทำให้เกมมันสนุกขึ้น... เกมที่เขาเป็นราชา “หลบตาทำไมล่ะ...” นทีว่าพลางใช้ปลายนิ้วเชยคางหล่อนให้เงยหน้าขึ้นมา บังคับให้เธอสบตากับเขาอีกครั้ง นัยน์สีนิลสะท้อนนัยน์ตาสียางไม้ที่สั่นไหว มองต่ำลงไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่เม้มเข้าหากัน ก่อนที่เขาจะช้อนสายตากลับมาที่ดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้้เปี่ยมไปด้วยม่านน้ำตาที่ยังไม่ไหลออกมา “ตาสวยดีนะ... โดยเฉพาะตอนที่มันเต็มไปด้วยน้ำตาแบบนี้... ปากก็สวย... แต่น่าเสียดายที่มันเริ่มเถียงฉันกลับ... ทำไมล่ะ...” นทีโน้มเข้าไปใกล้อีก ใกล้จนอัจฉราต้องรีบหลับตาด้วยความตกใจระคนหวาดหวั่น นทีหัวเราะในลำคอเบา ๆ แต่เขาไม่หยุด จนกระทั่งริมฝีปากแทบจะแนบชิดกับของเธอ พร้อมกับกระซิบถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่คุมอำนาจไว้เต็มมือ “เธอไม่ชอบฉันแล้วเหรอ... ถึงได้ปากดีจนน่า... สั่งสอนแบบนี้” พูดจบริมฝีปากหยักก็ไม่รั้งรอที่จะแนบลงไปบนกลีบปากอิ่ม มือใหญ่เลื่อนไปรั้งท้ายทอยเอาไว้ไม่ให้เธอตั้งตัว เขาประกบจูบกับเธอราวกับสัตว์นักล่า ดุดัน แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความกระหายที่เขาไม่คิดที่จะทำความเข้าใจมันด้วยซ้ำ เขาอยากจะสั่งสอนว่าเธอ ‘คนใช้’ แบบเธอไม่มีสิทธิ์ขึ้นเสียงหรือเถียงกลับใส่เขา ขณะที่มอบจุมพิตให้อัจฉรา มือใหญ่อีกข้างก็เอื้อมออกไปกดปุ่มควบคุมให้ลิฟต์กลับมาทำงานอีกครั้ง ผละริมฝีปากออกเล็กน้อยจากริมฝีปากที่บวมเจ่อของหญิงสาว เพื่อกระซิบบอกหล่อน “ฉันได้ยินหมดแล้ว... สองแสนนั่น... หนี้ของเธอใช่ไหม...” ประโยคที่ทำให้อัจฉราสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัวและความตกใจอย่างถึงที่สุด หัวใจพลิ้วไหวราวกับจะทะลุออกนอกอก ไม่อยากจะเชื่อหูว่านที... จะร้ายกาจเสียยิ่งกว่าเดิมอีก “สองแสนคงไม่น้อยสำหรับเธอเลยใช่ไหม... เอาแบบนี้ไหม... ไหน ๆ เธอก็มีใจให้ฉันอยู่บ้าง...” มือใหญ่ที่ยังคงรั้งศีรษะของเธอเอาไว้บีบเคล้นเบา ๆ ก่อนที่เขาจะกดริมฝีปากบนกลีบปากนุ่มอีกครั้งอย่างแผ่วเบา พร้อมกับคำพูดที่เป็นเหมือนลบล้างภาพจำในใจของหญิงสาวให้หมดไปจนสิ้น “ไม่ลองมา ‘ถ่างขา’ ให้ฉัน ‘เอา’ ดูล่ะ... ดีกว่าไปเป็นเมียไอ้แมงแกลบนั่นตั้งเยอะ... แล้วฉันจะช่วยเรื่องหนี้เอง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD