DYNE ♡ CAKE
“มองอะไร”
ฉันถามคนที่นั่งมองฉันอยู่ มองเหมือนอยากจะพูดอะไร มองเหมือนกำลังหาเรื่องกัน
“หึ... ”
ส่งเสียงผ่านลำคอแล้วเสมองไปทางอื่น
ตอนนี้ คนข้างในเริ่มมีมาก ส่วนมากจะมาอยู่ที่โต๊ะสนุ๊กกัน บางส่วนอยู่ตรงเคาท์เตอร์ซึ่งมีบาร์เทนเดอร์เป็นสาวหล่อยืนคอยบริการอยู่
โจลี่บอกฉันว่า ทีแรกแค่อยากหาที่รวมตัว คุยกัน ทำงานเฉย ๆ แต่ไป ๆ มา ๆ แฟนเธอดันมีของเล่นพวกนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ที่นี่ไม่ได้เปิดทุกวัน เปิดเฉพาะเวลามีคนจองเท่านั้น
ฉันค่อนข้างจะตกใจ ในเงื่อนไขของการก้าวขาเข้ามาในนี้ จ่ายเพียงหนึ่งพันบาทต่อคน ต่อการเข้าหนึ่งครั้ง เล่นได้ทุกอย่าง กินได้ทุกอย่างไม่จำกัดเวลา แต่ถ้ามาสร้างความวุ่นวาย จะได้รับเมนูสุดพิเศษ นั่นคือยำตีนนั่นเอง.....
“มานั่งใกล้ทำไม”
ฉันนึกสงสัยตั้งนาน ทำไมต้องมานั่งที่เดียวกับฉันด้วย แถมยังจะขยับมาใกล้เรื่อย ๆ มาอารมณ์ไหนของเขา
“อยู่เฉย ๆ เหอะ”
ดายน์ว่า พลางขยับมาเกือบจะซ้อนหลังฉัน มิหนำซ้ำยังใช้ความสูงกว่าของร่างกาย ชะโงกหน้าผ่านไหล่มาดูสิ่งที่ฉันกำลังทำอีก
“ไม่ชอบแบบนี้”
ฉันถอนหายใจใส่เขา
“แป๊ปเดียว”
“ดายน์.... นี่”
พอเรียกชื่อเขา ก็ต้องตกใจกับการกระทำเขาอีก
ดายน์ซบใบหน้าลงที่ไหล่ของฉัน หน้าผากเขาสัมผัสกับผิวฉันแบบแนบสนิท ลมหายใจที่สูดเข้าปล่อยออก มันชวนขนลุกเมื่อปลายจมูกมันเกือบจะแตะผิวพรรณของฉัน
“ไหนว่าไม่ชอบฉันไง มาอยู่ใกล้เพื่อ?”
“ง่วง”
แล้วมาซบไหล่ฉันในลักษณะนี้นี่นะ?
“ไปหาที่งีบดี ๆ สิ”
“จะอยู่ตรงนี้”
แล้วยังเถียงคำไม่ตกฟากอีก
“เดี๋ยวฉันไปนั่งที่อื่น”
“ลุกสิ... ถ้าอยากโดนจูบ”
ขู่ฉัน.... ให้มันได้อย่างนี้สิ
“เอาแขนออกด้วย”
ก็มันเกาะเอวอยู่เนี่ย เป็นตุ๊กแกหาที่ยึดผนังรึไง
“เมื่อย”
เอวฉันไม่ใช่ที่วางแขนไหมล่ะ
“จิ๊... ”
“เงียบ..... ”
เป็นอันเงียบตามคำบัญชา ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ
30นาทีผ่านไป...
ไม่มีใครสนใจการนั่งของเรา เพราะหลายคนตรงเยื้องนั้น บางคู่ก็กำลังกอดคอหยอกล้อกันอยู่
“อือ.. ”
ดายน์ขยับตัวนิดหน่อยแต่ฉันดันเกร็งขึ้นมา เขานำแขนทั้งสองมากอดรอบเอวฉันไว้ ดายน์ถูไถหน้าผากกับไหล่กลมของฉันเพื่อหามุมที่หลับตาได้สะดวก
“นี่... ”
ฉันหดไหล่เมื่อเขาใช้จมูกกดลงแล้วสูดลมเข้าปอด
“อืม.. หอมดี”
กระแทกไหล่ใส่คนง่วงจะเป็นไรไหม ทำไมต้องมาทำตัวใกล้ชิดฉันด้วยเนี่ย
“วันก่อนไม่ใช่คนนี้หนิไอ้ดายน์”
มีหนุ่มหล่อที่มาเติมเครื่องดื่มทักเราสองคนขึ้นมา ดายน์ซบหน้าที่บ่าฉัน แต่คนนี้ก็ยังจดจำเขาได้
เพื่อนเขาเยอะมากจริง ๆ เลย!
“แล้วไง เปลี่ยนวันละคนยังได้เลย”
ดายน์เอ่ยปากตอบ แต่ใบหน้าก็ยังหมอบนิ่งที่ไหล่ฉันเหมือนเดิม
“กูยอมใจ ซบเขาอยู่แท้ ๆ ยังจะปากดี เธออย่าไปถือสาหมาในปากมันเลยนะ”
เขาว่าจบ ก็ยิ้มให้ฉันหนึ่ง ทีก่อนจะเดินหนีไปทางที่เขาพึ่งเดินมา
“ตื่นแล้วก็ถอย”
ฉันบอกเมื่อเขาเริ่มขยับตัวยุกยิก เขาจะเกาะติดไหล่ฉันไปถึงไหนกัน
ไม่เมื่อยหรอกเขา แต่ฉันไม่เอาแล้ว ไม่ไหว.....
“. . . . .”
ไร้การตอบรับจากผู้ชายขี้หงุดหงิดคนนี้
“ดายน์ โจว่า... แนะ ๆ มีซบกันด้วย”
โจลี่ที่ทำตากรุ้มกริ่มเมื่อเห็นเราสองคนอยู่ในท่าทางแบบนี้
เออดี... ฉันก็นิ่งให้เขาซบ ทั้งที่ก่อนหน้า แทบอยากจะฆ่าเขาเพราะคำพูดของเขา.....
“ก็เป็นเพื่อนกัน”
ฉันทำหน้านิ่งเข้าสู้ต่อสายตาซุกซนของโจลี่ที่กำลังล่อหลอกฉัน
“เพื่อนแบบโจรึเปล่า... ”
สองคนนั้นยังคงถกเถียงกัน ท่ามกลางตัวฉันที่นั่งนิ่งให้ดายน์ซบ
ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมต้องปล่อยให้เขาใกล้ชิด อาจเพราะคำพูดของโจลี่ก่อนหน้านี้ จึงทำให้ฉันมีความอยากรู้นิสัยใจคอของดายน์ให้ดีมากยิ่งขึ้นละมั้ง
“ปล่อยได้แล้ว... ”
เมื่อดายน์ไม่มีท่าทีจะเงยหน้ามาคุยกับโจลี่ ฉันก็เลยขยับตัวจนปลายคางของคนง่วงหลุดออกจากไหล่ได้สำเร็จ แขนที่พันรอบเอวก็หลุดออกอย่างง่ายดาย
แต่ไม่วายโจลี่ยังยิ้มหวานใส่หน้าไม่หยุด....
“เค้กไปไหนอ่า... ”
เสียงไล่ตามหลังมา พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักจากโจลี่ทำเอาฉันอยู่ตรงนั้นไม่ได้จริง ๆ
ฉันเดินผ่านผู้หญิงกับผู้ชายที่กำลังยืนคุยกันตรงทางไปห้องน้ำ ฉันไม่ได้มองเป็นพิเศษ เพียงแค่เดินผ่านไปเฉย ๆ เพื่อไปคุยกับตัวเองคนเดียว
“เป็นอะไรของเธอ เค้ก... ”
ฉันพูดกับเงาที่สะท้อนตัวตนอีกด้านของตัวเอง
เงาที่สะท้อนให้เห็นว่าหน้าฉันแดง
เงาที่สะท้อนให้รู้ ว่าตอนนี้ฉันไม่เหมือนเดิม
เงาที่เริ่มสะท้อนภาพผู้มาใหม่ให้เห็นว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียวในนี้...
“ไม่เคยเห็นหน้า พึ่งเคยมาเหรอครับ”
ผู้ชายมาดดูดีคนนี้ถามออกมาเสียงนุ่ม ห้องน้ำไม่น่าจะใช้ร่วมกันมั้ง เขาคงมาแบบไม่หวังดีเท่าไหร่
“หยิ่งสะด้วย ผู้หญิงของไอ้ดายน์ทุกคนไม่เห็นเป็น เธอคนแรกนะ ที่กล้าเมินทั้งยังไม่มองหน้าฉันอีก”
คราวนี้ฉันมองคนพูด มองแบบที่เขาอยากให้มอง มองจนรู้ว่าเขาดูดีแค่ไหน เขาใช้สายตาลวนลามมองฉันตั้งแต่หัวจดเท้า สักพักก็ยกยิ้มก่อนจะหยุดสายตาตรึงไว้ที่ใบหน้าของฉัน
“ฉันชื่อ ทอย เธอคือ..? ”
ฉันที่กำลังจะเดินหนี เพราะตอนนี้การกระทำของคนนี้เริ่มอุกอาจขึ้นเรื่อย ๆ
เขาขยับตัวมาใกล้ฉัน สายตาที่มองนั้น มันไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ แล้วฉันก็ไม่ชอบที่จะทำความรู้จักกับใครด้วย
“ฉันชอบนะ ผู้หญิงที่ได้ยาก ๆ แบบนี้”
ฉันชะงักขา ปรายตาไปมองเขาทันที
ถึงฉันจะได้ยากหรือง่าย คนที่จะได้ ต้องไม่ใช่ผู้ชายคนนี้แน่ ๆ
“ดูถูกผู้หญิงเกินไปไหม ถามฉันบ้าง ว่าอยากได้นายรึเปล่า”
“ก็เห็นเล่นตัว ร้อยทั้งร้อย เข้ามาที่นี่ก็อยากได้ผู้ชายในนี้ทั้งนั้น ไม่งั้นจะยอมจ่ายค่าเข้ามาทำไมตั้งพัน หรือเธอรวยจนใช้เงินยังไงก็ได้ เธอเป็นแบบไหนกันล่ะ?”
ถ้าฉันต่อยเขา จะเป็นอะไรไหม คำพูดคำจา ผู้ชายดี ๆ คงไม่พ่นคำเหล่านี้ต่อหน้าผู้หญิงที่ไม่รู้จัก
“เป็นผู้ชายแล้วมีตรงไหนเหนือกว่าผู้หญิงเหรอ แค่สมองที่กรองคำพูดออกมา ฟังดูแล้วมันต่ำมาก นายรู้ตัวปะ”
“ปากร้ายแบบนี้สิ ถึงใจดี”
เขากระตุกยิ้มพลางแค่นหัวเราะ
“. . . . .”
ฉันกำหมัดแน่น แม้เขาจะไม่ได้รุกหนักถึงขั้นอุกอาจ แต่ถ้าก้าวขามาอีก ฉันสวนหมัดใส่หน้าเขาแน่.....
“ไอ้ดายน์ซื้อเธอมาเท่าไหร่”
ไม่ไหว.....
ฉันนี่แหละ ไม่ไหวจะทนแล้ว...
ผัวะ!!!
“เห้ย... เธอ”
เขาเซถลาไปด้านหลัง เพราะกำปั้นที่เคยอยู่ข้างลำตัวฉันฝังเข้าแก้มเขาเต็ม ๆ
“เชี้ยเอ้ย... ไหนว่าไม่สู้คนไงวะ พอแล้ว พอ... เราขอโทษ เราแค่แกล้งเธอ”
เขายกมือห้าม ขณะที่ฉันกำลังจะง้างมือใส่
แกล้งงั้นเหรอ?
ผัวะ!!!
“โอ้ย... ผู้หญิงอะไรหมัดหนักฉิบหาย”
“ฝากไปบอกไอ้คนที่ให้มาแกล้งด้วย ต่อไปมันจะโดนแบบที่นายโดน”
คิดแล้วไม่มีผิด คนอย่างเขาไว้ใจได้ที่ไหน พาฉันมา หาคนมาแกล้ง ฉันไม่น่าเผลอคิดว่าดายน์จะไม่อะไรกับฉันเลย ฉันมองเขาผิดไปจริง ๆ
“เค้กจะไปไหน”
ฉันเดินหุนหันหมายจะออกประตู อยากออกจากที่นี่ ไม่อยากอยู่กับคนพวกนี้ ยิ่งคนที่ให้ใครไม่รู้มากลั่นแกล้งกัน เขาคงสนุกมากที่ได้แกล้งฉัน
“เค้ก เดี๋ยวสิ... ”
เป็นโจลี่ที่ตามมาคว้าข้อมือของฉันไว้
“ฉันจะกลับแล้ว”
ฉันบอกพลางบิดข้อมือออกจากการกอบกุม
พวกเขาเป็นเพื่อนกัน ฉันเชื่อว่าเขาต้องรู้เห็นเป็นใจกัน แม้ก่อนหน้านั้นฉันจะเขวไปเพราะคำบอกเล่าจากปากโจลี่ก็ตาม ฉันไม่เชื่ออะไรพวกเขาอีกแล้ว.....
“เธอเป็นอะไร โกรธอะไรเหรอ เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย”
“. . . . .”
ฉันมองหน้าโจลี่ ที่ตอนนี้ขมวดคิ้วงุนงงกับท่าทีของฉัน แฟนของเธอตามออกมาเป็นคนแรก ตามด้วยดายน์ และ ผู้ชายที่พึ่งแกล้งฉัน
ฉันจึงจ้องหน้าคนต้นคิด
มันต้องเป็นเขา ดายน์นั่นแหละ.....
เมื่อโจลี่เห็นว่าสายตาฉันหยุดนิ่ง เธอก็เลยหันมองตามบ้าง
“ทอย ทำไมหน้ามึงช้ำ”
อ่า... รู้จักกัน แต่ไม่รู้ว่าแกล้งฉันสินะ
ทอยไม่ตอบแต่ลูบแก้มตัวเองปรอย ๆ โจลี่มองไปมองมา เหมือนว่าเธอพึ่งคาดคะเนเหตุการณ์ได้ ก็เลยหยุดใบหน้ามาทางที่ฉันยืนอยู่
“มันทำอะไรเค้ก”
น้ำเสียงขุ่น ๆ ออกจากปากของโจลี่
“ถามเขาสิ”
ฉันเพยิดหน้าไปหาคนที่โดนฉันต่อย ฝากรอยไว้ที่แก้มอย่างจงใจ จะได้เลิกปากหมาใส่คนอื่นสักที
“ไอ้ทอย... ”
โจลี่เสียงดังลั่น ส่วนเจ้าตัวนั้นสะดุ้งเหมือนโดนผีเข้า
“ก็... เค้าแกล้งเค้กตามที่ไอ้นี่มันท้าอะ”
น้ำเสียงที่ใช้ตอบโจลี่ มันมีความหวั่นกลัวแฝงอยู่ แตกต่างจากน้ำเสียงเมื่อครู่ ที่พูดกับฉันจนโดนหมัดไปอย่างสิ้นเชิง
“ไอ้ทอย”
แฟนของโจลี่ผลักหัวทอยเมื่อเธอให้สัญญาณมือ
“ก็มันจะเลี้ยงเหล้าอะ เค้าเสี้ยนเค้าก็เลยทำ โจอย่าตีเค้านะ”
เขาทำมืออ้อนวอนโจลี่เป็นพัลวัน ทั้งไหว้ทั้งยกมือยอมแพ้ แต่โจลี่ส่ายหน้า ทั้งยังยกนิ้วชี้หน้าพลางก้าวขารีบจ้ำอ้าวไปยังจุดที่ทอยยืนอยู่
“โอ๊ย... อ้าก”
คนโดนบิดหูร้องลั่น โจลี่ใช้มืออีกข้างตบกระบาลทอย ส่วนมืออีกด้านก็กำเข้าที่ใบหูหนาของเขา
ท่ามกลางสายตาที่เอือมระอาจากแฟนของเธอ ส่วนคนที่ท้าทาย ดันวางสายตามาหยุดนิ่งที่ใบหน้าของฉัน
“ฉันเป็นของเล่นของนายเหรอ นึกอยากจะให้ใครมาแกล้งก็ได้ สนุกมากนักเหรอ ให้คนอื่นมาพูดจาดูถูกฉันขนาดนี้น่ะ”
“. . . . .”
ดายน์ไม่ตอบ ยังคงคีพความนิ่งของใบหน้าเอาไว้
“สิ่งที่นายทำ มันเป็นเรื่องเล่นสำหรับนาย แต่ไม่ใช่ฉัน”
“แล้วไง... ”
เขาถามออกมาเฉย ๆ ไม่ได้มีน้ำเสียงที่รู้สึกผิดแม้แต่นิด
“ฉันก็เป็นคนเหมือนกับนาย คิดบ้างสิว่าถ้านายโดนแบบนี้ นายจะรู้สึกยังไง”
“เธอก็ยังอยู่ดีหนิ ไม่ได้โดนแก้ผ้าหรือทำอนาจารอะไร แต่โวยวายอย่างกับโดนปล้ำไปแล้ว รู้ว่ามันแกล้งแล้วหนิ เรื่องมันควรจะจบแค่นี้”
ฉันมองหน้าเขา สายตาฉันคือผิดหวังกับคนแบบเขา ฉันกับดายน์คงดีกันไม่ได้จริง ๆ พอเราอยู่ด้วยกัน แทนที่จะรู้จักกันในด้านดี ๆ บ้าง แต่มันไม่ใช่ เขามีแต่จะเผยด้านร้ายใส่อยู่ทุกวัน
“นายเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตของฉันตอนนี้เลย ...รู้ไว้”