DYNE ♡ CAKE
วันเดินทางไปบ้านสวนของตี๋ อารมณ์ที่ไม่คงที่พาลทำให้ฉันเงียบไปดื้อ ๆ
ฉันนั่งรถคันเดียวกับดายน์ ตี๋ และ การ์ตูน อีกคนที่ไม่ได้รับเชิญคือเจน
เธองอแงจะตามมาให้ได้ ซึ่งดายน์ก็เงียบ ไม่พูดไม่อะไร เราก็เลยต้องมาด้วยกัน
“น้อง.. ”
เสียงผู้ชายที่มากับพี่ต๊อบเรียกฉันไว้ ขณะที่ฉันกำลังจะเดินไปร้านสะดวกซื้อ
“คะพี่”
ฉันไม่ได้ต่อหางเสียง เพียงเพราะไม่ต้องการทำความรู้จักใครเพิ่ม ฉันอยากอยู่คนเดียวละใช้ความคิดเงียบ ๆ
“ทำหน้ายิ้มแย้มหน่อย มาเที่ยวกับเพื่อนทั้งที อะไรไม่ดีสลัดมันออกไปก่อนก็คงไม่ยากเกินไปนะพี่ว่า”
เขาพูดออกมา ทั้งที่เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกัน ปกติฉันเก็บอาการเก่งมาก แต่ทำไมเขาถึงมองขาดขนาดนี้
ฉันเพียงคลี่ยิ้มบาง ๆ หมายจะเดินผ่านหน้าเขาไป.....
“เค้กเลิกรักน้องชมพูได้ พี่เชื่อว่าไม่ยาก”
อืม... เขามองขาดจริง ๆ สิ่งที่ฉันเผลอพลั้งทำออกไป ไม่เพียงแต่เกิดความเสียใจ แต่มันคงเผยออกชัดเจนจากแววตาที่ฉันใช้มองชมพู
พี่เขาถึงได้รู้ รู้ทุกอย่าง แม้กระทั่งชื่อของฉัน!
“เค้กก็ทำอยู่นะคะ”
คราวนี้ฉันตอบเขา หันไปมองใบหน้าของเขา ที่มองฉันอยู่เช่นกัน
ฉันไม่ใช่คนที่ชอบหลงตัวเอง ว่าพอใครมองจะมโนเพ้อพกไปเอง ว่าเขาจะสนใจ ความคิดแบบนั้น มันดูเวิ่นไปหน่อย
“เพื่อนพี่ตามดูชมพูมานาน พี่ว่าเค้กก็มองออก ว่าน้องชมพูคิดยังไงกับเพื่อนพี่”
ฉันมองไปที่ชมพูอีกครั้ง พี่ต๊อบเย้าแหย่ชมพูตลอด แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ชมพูจะแสดงความรำคาญออกมา
ฉันว่าเขาสองคน เหมาะสมกันมาก ๆ เลย.....
“เค้กรู้ค่ะ”
ฉันตอบอย่างอ่อนใจ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะสนทนากับคนแปลกหน้า ฉันว่ามันสบายใจดีนะ ที่ได้พูดออกไปบ้าง
คนข้าง ๆ ในวันที่ท้อ ไม่จำเป็นต้องใช่คนที่สนิทก็ได้ แต่พี่คนนี้ ดูเอาน่าจะมาช่วยพูดให้ฉันตัดใจจากว่าที่แฟนเพื่อนเขามากกว่า
ฉันนั่งรถเงียบ ๆ เมื่อถึงเวลาเดินทางต่อ ฉันนึกแต่เรื่องพ่อกับแม่ พ่อของฉันไม่กลับบ้านเป็นเวลาหลายวัน แม่เองก็ขลุกอยู่ที่ร้านผ้าไหมของท่านไม่ค่อยกลับบ้านเช่นกัน
“เค้กมานี่ดิ”
นั่นคือดายน์ ที่เรียกฉันพลางส่งสายตาเพื่อไปหาที่เงียบ ๆ คุยกันสองคน
“ว่า... ”
ฉันถาม เมื่อเราเดินมาถึงจุดเงียบ ๆ ที่ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัว
“เสียใจมากหรือไง ที่เธอมากับแฟน”
ฉันมองใบหน้าดุดันของดายน์ ด้วยสายตาที่แสนจะนิ่งเฉย
ตกลงเป็นห่วงหรือกำลังเยาะเย้ย?
“ฉันไม่ได้มีเรื่องนี้เรื่องเดียวให้คิดนะ”
“ก็ท่าทางเธอมันฟ้อง”
“แล้วคืออยากรู้แค่นี้เหรอ?”
ฉันถาม แต่เขากลับเงียบ
จะว่าเราสนิทกันไหม ก็นิดหน่อยเพราะเจอกันบ่อย
เขาพูดดี ๆ กับฉันไหม ไม่เลย ห้วนจัดจนเกินงามด้วยซ้ำ
“เธอควรรู้สถานะตัวเอง ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ไปมากกว่าเพื่อน”
ฉันยกยิ้มนึกสมเพชตัวเองชะมัด ที่โดนบีบบังคับให้หมั้นกับดายน์ไม่พอ ยังต้องโดนดายน์เปลี่ยนให้ไปรักผู้ชายแบบเต็มตัว
ฉันรู้จุดประสงค์ของดายน์ดี แต่เขาก็ยืนยันที่จะไม่ล่วงเกินฉัน
ซึ่งมันก็น่าเชื่อ เพราะเขาก็มีคนของใจ.....
แต่ถึงอย่างนั้น ดายน์ก็ไม่ใช่คนที่ดีเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้น พ่อเขาจะฝากฉันดัดนิสัยดายน์ทำไม!
“นายก็ควรรู้ ว่านายเป็นคู่หมั้นของฉัน และ นายก็ควรรู้ พ่อกับแม่นายหนุนหลังฉันอยู่ จะทำอะไรก็คิดให้มันเยอะ ๆ หน่อยดายน์”
ฉันบอกเขาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบไร้อารมณ์ผสม มันเป็นคำเตือนนิ่ง ๆ จากฉัน หากเขายังมายุ่งในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของเขา พ่อกับแม่เขาก็อาจจะทราบเรื่องไม่ดีที่ดายน์ทำให้ฉันเห็น... ก็ได้!
“เธอนี่แสดงเก่งนะ มิน่าล่ะ แม่ฉันแทบจะยกเธอขึ้นหิ้งอยู่แล้ว”
“ถ้ารู้แล้ว นายยังคิดจะมีปัญหากับฉันอยู่เหรอ ฉันว่านายไม่ยุ่งกับฉันจะดีกว่านะ คนของนายชะเง้อคอมองเป็นยีราฟตัวเมียอยู่นั่น ไปหาสิ”
พอฉันพูดแทงใจเขา เขาก็มองฉันตาแทบถลนออกจากเบ้า
“เหอะ.... ”
ดายน์แค่นหัวเราะแล้วเดินไป
ฉันไม่ได้อยากจะทำร้ายเขา แม่ของเขาไว้ใจให้ฉันดูแล ขัดเกลาลูกชายของท่าน พวกท่านแค่อยากดึงฉันออกจากบ้านที่กำลังจะมีเรื่องเศร้าเกิดขึ้น พลางอยากจะดึงดายน์ออกจากการครอบงำของครอบครัวเจน
แน่นอนว่าครอบครัวเจนคงทำอะไรไม่ดีสักอย่าง แม่ดายน์คิดว่าฉันไม่มีทางรักลูกชายท่าน ตามคำที่แม่ฉันเล่า คือฉันเป็นเลสเบี้ยน แต่ความจริงมีเพียงฉันที่รู้.....
ฉันไม่ใช่เลสเบี้ยน เพียงแต่ความรู้สึกรัก มันเกิดกับชมพูแค่คนเดียวก็เท่านั้น.....
ฉันก็ไม่คิดจะรักดายน์ ไม่คิดจะรักใครทั้งนั้น ให้อยู่ด้วยกันฉันก็จะอยู่ ตราบใดที่ความพิเศษของความรู้สึกยังไม่ก่อเกิด เลยเถิดจนเกินคำว่า 'คู่หมั้นจำเป็น'
ฉันจะคิดว่าดายน์ คือเพื่อนผู้ชายที่เราจะต้องอยู่ด้วยกัน จนวันที่เขาดีพอจะดูแลใครได้ด้วยตัวเอง ถึงวันนั้น ฉันคงเป็นคนหนึ่งที่จะดีใจ และ ภูมิใจในตัวเขามาก ๆ เลยล่ะ.....