นับตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ขิมยังไม่เคยโดนคนแปลกหน้าที่รู้จักกันไม่ถึงครึ่งวันกระเตงเธอขึ้นบ่าแบบนี้เลย
...หมอนี่คือคนแรก .. แถมยังอุ้มซะสำเร็จด้วย เพราะเธอดิ้นไม่ได้จนกระทั่งมาถึงที่หมาย ตุบ! คือรถคันเดิม ที่เธอปีนขึ้นมาเมื่อเช้า
“โอ้ยเจ็บนะ”
“กระแทกกับเบาะแค่ทำเป็นร้อง ถ้าร่วงหล่นพื้นเมื่อกี้จะหนาว หนักแทบตาย ดิ้นอยู่ได้”
เคลบ่นอุบ ก่อนจะปิดประตูใส่ ไม่ทันที่ขิมจะโวยคืน
“แล้ว.”
ปัง!
“อ๊ะ”
เล่นเอาร่างงามเจ้าของแผลถึงกับเงิบ มาต่ออีกทีก็ตอนที่เขาขึ้นมานั่งอีกฝั่งนึงข้ามแล้ว
“แล้วใครสั่งให้คุณอุ้มเล่า!”
“ไม่มี!”
“ก็แล้ว...”
เอิ่ม ดูคำตอบเขาสิ แบบนี้ขิมจะไปถูกได้ยังไง ทำเอาเจ้านางขากรรไกรค้าง เงียบกริบเป็นปลิดทิ้ง เปลี่ยนมานั่งกอดอกแทน แล้วมาอ้าปากค้างอีกที เพราะประโยคนี้
“รัดเข็มขัดด้วย”
“ห๊ะ..”
“ผมหิวข้าว เผื่อผมโมโหคันข้างหน้า เผลอเหยียบเบรคกะทันหันเข้า”
..หมอนี่นี่มัน...
“แล้วอย่าด่าในใจนะ เพราะมันจะทำให้ผมหัวร้อนได้เช่นกัน”
พรวด!!
“O.O”
“แน่ะ ตาเท่าไข่ห่าน แสดงว่านินทาผมอยู่ นิสัยไม่ดีเลยเด็กคนนี้”
“อะไรของคุณเนี่ยคุณเคล คิดเองเออเองอยู่ได้ ถนัดนักเหรอ ใส่ร้ายคนอื่นเขาเนี่ย”
ขิมตอกกลับทันควัน เพราะเคลเผลอมาจี้ต่อมแทงใจดำของเธอเข้า ทว่า เขาเปล่าหันมาหรี่ตามองเพราะเรื่องนี้นะ แต่เพราะชื่อเขาต่างหาก
“รู้จักชื่อผมได้ไง”
“คะ?” ที่ทำขิมชะงักไป
“สืบมาเหรอ”
“ป๊าวค่ะ!”
“เฮอะ..”
ก่อนทั้งคันรถจะเงียบ เพราะขิมไม่กล้าแหยมเขาอีกเลย เธอรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้เขาขั้นเทพเกินไปแล้ว พูดอะไรมักรู้หมด ประมาณว่า...ไม่เป็นนักจิตวิทยา ก็ชีวิตโชกโชนอะ..
..ร้านอาหาร...
แกรก..
เคลดึงเบรคมือขึ้นทันทีเมื่อมาถึง ก่อนจะหันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เดินไหวไหม”
“ที่นี่ที่ไหนคะ” ในขณะดูเหมือนว่าเธอกำลังจะงง
“คุณตอบให้มันตรงคำถามสิ”
เอิ่ม.. กับประโยคนี้ ...นี่โมโหหิวใช่มะ... เธอคิด
“ถ้าไหวก็ลง”
“ค่า...เดินไหวค่า กำลังจะทำตามคำสั่ง หาที่ลงแปป..”
เธอบอกเสียงเป็ด ประโยคหลังพึมพำคนเดียว ก่อนจะหาที่พยุงตัวเอง ทำเอาเคลกลั้นที่จะส่ายหน้าเอาไว้ไม่อยู่ เขามองท่าทางเหงอะๆหงะๆของขิม ถึงกับอมยิ้ม แล้วเดินไปช่วยพยุงภายหลัง
“เชิญค่ะ..^^”
ในจังหวะพนักงานเดินมาต้อนรับพอดี ก่อนทั้งคู่จะพากันเดินไปนั่งตรงโต๊ะว่างริมน้ำ
“ชอบทานอะไรเป็นพิเศษไหม ที่นี่อาหารอร่อยนะ เอาสิ.. ผมเลี้ยง” เคลผายมือเชื้อเชิญ ในจังหวะขิมพึมพำ
“ก็แหงอะสิ ร้านอย่างกับภัตตาคารแบบนี้ใครจะเลี้ยงคุณไหว..”
“ว่าไงนะ”
“อ๊ะ..เปล่า..”
“เมื่อเช้าสมองกระแทกฟุตบาทด้วยเหรอ” เคลถาม ขิมถึงกับงง
“ทำไมคะ”
“ถึงได้เพี้ยนอยู่นี่ไง หลายครั้งแล้วนะ ที่ผมสังเกตุเห็นคุณคุยกับหน้าอกของตัวเอง”
“ห๊า..”
กับคำถามนี้ ที่ทำเอาพนักงานรอรับออเดอร์หลุดขำไปด้วย ก่อนจะเอาปิดปากสำรวมหลังนึกขึ้นได้
“นี่คุณ!”
“สั่งสิ พี่เขารอนานแล้ว”
“ชิ..”
“ชอบกินอะไรเป็นพิเศษ จัดเลยครับ”
เคลบอกย้ำ แทรกในจังหวะที่ขิมกำลังจะพูดพอดี ก่อนจะมาชะงักซะเองก็ตรงเมนูนี้ ที่คนสั่งโคตรจะเปิ่น แกล้งเขาไม่ดูสถานที่
“เอา ..ผัดผักบุ้งไฟแดง ไข่เจียวกรอบๆ แล้วก็เอ่อ..ยำปลากระป๋องเผ็ดๆ อย่างละจานค่ะ ^^”
“หะ!”
เคลถึงกับเงียบกริบ ปั้นหน้าขรึมไม่พูดอะไรต่อ หลังจากที่ขิมสั่งอาหารแบบนั้น เขารู้เธอแกล้งให้เขาขายหน้า ทว่า ไม่เป็นไร สำหรับเขาเรื่องแค่นี้มันจิ๊บๆ
“ตามเธอว่านั่นล่ะครับ ข้าวอีกสองจาน”
ก่อนเคลจะปิดเมนูตรงหน้าตัวเองแล้วหันไปพยักหน้าให้พนักงาน ที่ตอนนี้มีความอึ้งอยู่เต็มพิกัด
“คะ..ค่ะๆ”
ตอบรับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้ น้อมหัวให้พลางเดินคอตกออกมา ในขณะเคลหันไปมองขิมตาเขียว แต่เธอกลับยักไหล่ ยิ้มกว้างยียวน
“ฮึ..”
ทว่ามีเหรอ เคลจะสะท้กสะท้าน เขากำลังคิดจะเอาคืนยังไงให้สาสม
... เด็กคนนี้จะแก่แดดเกินไปแล้ว....
..สิบนาทีผ่านไป.. อาหารยกมาเสิร์ฟ เรียงรายลงตรงหน้า ก่อนขิมจะห่อปากร้องฮู้ด้วยความฟิน พลางจ้วงใส่จานตัวเองอย่างไม่เกรงใจคนตรงหน้า
“ฮูย.. ไม่เกรงใจละน้า..”
วินาทีนี้เชื่อไหม ความคิดของเคลเปลี่ยนไปทันที เขาไม่ได้มองว่าขิมเป็นเด็กเสียมารยาท แต่กลับมองว่าเธอเป็นคนง่ายๆ ไม่ได้มีอีโก้ หรือยึดติดกับอะไรเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่เขารู้จัก เสียอย่างเดียวก็ตรงที่ว่า เธอจะหัวเสียทุกครั้ง หากมีใครมาทำลายสมาธิเธอ
...อาทิเช่น การกวนประสาท...
“อ่าวคุณ ..ไม่ทานเหรอ รึทานไม่ได้”
เธอไม่ได้แคร์ด้วยซ้ำ ว่านี้น่ะมันคือภัตตาคารอาหารหรู เสมือนอยากกินอะไรก็ได้ที่อยากจะกิน เพราะเป็นคนจ่ายเงิน
“กินสิ หิวจะแย่อยู่แล้ว”
เคลไม่ได้จำใจพยักหน้าเพื่อจะเอาชนะ ก็อยากจะกินมันจริงๆนั่นแหละ เขาไม่ได้รังเกียจอาหารเหล่านี้
เขารู้ดี..มันอร่อยอีกแบบนึง สำหรับคนชั้นกลาง เป็นอาหารที่ทำง่ายและรวดเร็วทันใจ สมัยตอนเป็นทหารเกณฑ์เขาก็เคยทานมันมาแล้ว ตอนนั้นแย่งกันกับเพื่อน เขาคิดว่ามันสนุกมาก มาคราวนี้ กับผู้หญิงคนนี้
... เขารู้สึกว่ามัน... ..เจ๋งกว่า...
เสร็จภารกิจเลี้ยงข้าวปลอบขวัญของเคล เขาก็อาสามาส่งขิมที่หอ ในขณะที่ไม่ได้ตั้งใจจะประคองเข้าไปจนสุด ทว่า เธอนั้นเดินไม่ได้ ยิ่งนานแผลที่เป็นยิ่งตึง ลำบากเคลต้องพาไปส่ง และนั่นก็คือปัญหาที่เริ่มจะเกิดขึ้น เคลมั่นใจแล้วร้อยเปอร์เซ็น
ขิมเป็นเด็กต่างจังหวัดที่มาอยู่ที่นี่จริงๆ แต่มาอยู่กับใครนั้นตรงนี้เขาไม่รู้ เพราะไม่ได้ไปส่งเธอถึงห้อง มันคงจะดูไม่งามหรอกมั้ง หากนักธุรกิจอย่างเขาที่มีชื่อเสียงในหมู่สาวๆพอควร จะอุ้มผู้หญิงขึ้นหอ
“ขอบคุณมากค่ะ”
ขิมยกมือไหว้ ก่อนจะหมุนตัวเตรียมจะขึ้นขั้นบันไดเมื่อมาถึง ทว่า จังหวะนั้นเคลฉวยแขนเธอไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวครับ..”
“คะ?”
ซึ่งเป็นการกระทำที่ขิมงงมาก ก่อนจะมาเข้าใจก็ตรงคำถามนี้
“ชื่ออะไร”
นั่นถึงกับทำให้ขิมอมยิ้มน้อยๆทันที ช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูงกว่า
“ไม่บอกค่ะ”
“หืม..” ก่อนเคลจะเลิกคิ้ว บ่งบอกถึงความไม่เข้าใจ
“ทำไม?”
“เพราะเดี๋ยวเราก็ไม่เจอกันแล้ว”
“รู้ได้ไง”
“คะ?”
“รู้ได้ยังไงว่าจะไม่ได้เจอกันอีก” เคลถาม ขิมถึงกับขมวดคิ้ว ไปต่อไม่ถูก
“จะเจอได้ยังไงกันคะ ในเมื่อเราไม่มีอะไรติดค้างกัน”
“ก็ใช่ เราอาจจะไม่มีอะไรติดค้างกัน แต่ถ้าผมอยากจะเจอคุณอีกล่ะ มาหาที่นี่ได้ไหม”
“ห๊ะ!!” กับคำถามนี้ที่เล่นเอาขิมกึ่งขำกึ่งเขิน
“ตลก ..อะไรของคุณเนี่ย”
“เปล่า ผมก็แค่ถาม ว่ามันจะได้ไหม”
“แล้วจะมาเจออีกทำไม ..จีบหนูเหรอ?”
ขิมแกล้งลองเชิงถาม แต่ทว่า ดูเหมือนเคลจะไม่เล่นด้วย หน้าเขาขรึมเกินไป แล้วก็...
“ขอเบอร์หน่อย” พร้อมกับมือที่แบออกมา
“คะ..คุณ..”
“เอาโทรศัพท์มาสิ จะกดเบอร์ให้”
“คุณโอเคไหมเนี่ย”
เจ้าของร่างบางหน้าตาจิ้มลิ้ม แต่ปากแรงใช่ย่อย ถึงกับอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้าง อย่างไม่อยากจะเชื่อหูทันที
“ผมโอเคสิ”
“มาจีบเด็กอย่างหนูเนี่ยนะ” ชี้นิ้วตรงอกตัวเอง
“นี่..อย่ามัวแต่มึนได้ไหมครับ เอาโทรศัพท์มา”
“ห๊ะ..”
และคำถามนี้อีกคำถาม ที่ทำขิมงงไปใหญ่ ในขณะมือเผลอล้วงโทรศัพท์ออกมาถือไว้ นั่นทำให้เคลสามารถฉกเอาไปได้เฉยเลย
“ก็แค่เนี้ย”
“อ๊ะ”
ติ้ด ติ้ด ติ้ด
ก่อนจะกดปุ๋มรวดเดียวจบ แล้วยื่นกลับมาให้
“อะ..นี่เบอร์ผม”
“...”
“ไว้มีตำแหน่งว่างเมื่อไหร่ แล้วจะโทรมาเรียกนะ”
พลางหมุนตัวเดินไปทันที ไม่ทิ้งจังหวะให้ขิมได้คุยต่อ
“อะ ..เอ่อ..” ปล่อยเธอให้ยืนกระพริบตาปริบๆ อยู่ภายหลัง
“อะไรของเขาวะนี่..คนบ้าอะไรลึกลับชะมัด”
มันคงจะเป็นเรื่องปกติ ที่อยู่ดีๆขิมจะนอนไม่หลับขึ้นมา หลายครั้งที่เธอเปลี่ยนท่านอนนับไม่ถ้วน ถอนหายใจเฮือกๆ เสมือนกำลังขัดใจอะไรอยู่
“ไอ้หมอนั่น...”
ในตาเธอมีแต่ภาพเคลื่อนไหวของเคลเต็มไปหมด ทั้งเสียงอบอุ่นนั่นที่ฟังสบายหู กับการกระทำที่คนแรกพบปกติเขาไม่ทำกัน ซึ่ง..มันทำเธอหงุดหงิดชะมัด
“โอ้ย..อะไรเนี่ยขิม”
จนกระทั่งพรีมที่นอนกันอยู่ข้างๆกัน ตื่น ยันตัวขึ้นมาชะโงกถามเสียงฉุน
“เฮ้อ..เปล่า”
“พลิกไปพลิกมาหลายรอบแล้วนะ”
“ฉันนอนไม่หลับน่ะ”
“อย่าบอกนะว่าเครียดเรื่องงานที่ยังหาไม่ได้น่ะ ขิม...แค่แกรอดมาได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว”
อันที่จริงเธอเจ็บแผลด้วยแหละ เพียงแต่เหตุผลนี้มันมีน้อยกว่าหน้าเคลที่แวบเข้ามาในโซนประสาทเธอนิดนึง ซึ่งมีเป็นระยะๆ ซะน่าขนลุก
“โอ้ย บ้าเอ๊ย!”
“หืม...อะไรของแกน่ะ”
ในขณะพรีมตอนนี้งงไปหมดแล้ว เธอขมวดคิ้วเข้าหาหันเป็นโบว์ ก่อนจะเอี่ยวตัวไปเปิดไฟตรงหัวเตียง
“โวยวายอะไร เจ็บแผลเหรอ”
“คงงั้นมั้ง”
“อ่าวแล้วนั่นจะไปไหน”
“กินน้ำ”
เป็นจังหวะเดียวกับที่ขิมลุกออกมาพอดี เธอเดินตะแผลกๆมาจนกระทั่งถึง กินน้ำอย่างที่ว่าเสร็จก็เดินเข้าห้องน้ำ โดยไม่วายถือโทรศัพท์มาด้วย
“ฉันล่ะงง..”
ส่ายหน้าเอือมระอาตัวเอง หลังขึ้นนั่งบนชักโครก ขยี้ผมจนยุ่งเหยิงไปหมด
“จะไปนึกถึงเขาทำไม จะไปนึกทำไม ทำไมไม่หลับไม่นอนว้า...”
ถึงแม้เธอจะยอมรับว่าเคลเป็นคนมีเสน่ห์มาก และเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอยอมรับว่าหล่อก็เถอะ!
...ทั้งๆอันที่จริง เธอไม่ใช่คนที่จะแพ้ความหล่อง่ายๆแบบนี้เลย...
“โอย!”
แต่รู้อะไรไหม บางอย่างขิมก็คิดผิด สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิง่ที่เป็นก็ได้ เคลอาจจะดูดีที่สุดในตอนที่เขาทำงาน อาจจะดูเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในตอนที่เขานั้นใส่สูท
แต่ทว่า ไม่ใช่ตอนนี้... ที่คนเจ้าชายเขาจะมาอยู่ที่นี่
...ผับไฮโซ ที่มีฉายาว่า อยู่อย่างราชา ศักดินาอย่างฮาเร็ม....
“วันนี้มีพริตตี้มาใหม่เว้ย”
เสียงเจ้าของผับเดินเข้ามากระซิบกลุ่มของเคล ที่ตอนนี้ต่างพากันตึงกึ่งจะเมาแล้ว สี่คนนรก เดอะแกงค์เสือผู้หญิงที่ใครๆเขาขนานนามกัน ราตรีนี้มาสุมหัวกันอยู่ที่นี่ บนโซฟาสีดำทมิฬนี้จุดอับของผับนี้
“จริงเหรอวะ เคลสนใจเปล่า เขาเอามาให้มึงลองอีกแล้ว”
ในขณะที่เพื่อนคนนึงหันมาถาม เคลกลับนั่งหมุนแก้วเล่น จนไวน์สีเข้มตรงก้นหมุนไปตามมือ
“ไม่ล่ะ ไม่มีอารมณ์”
ก่อนจะตอบเสียงทุ้มหน้าตาย
“เฮ้ย เป็นไปได้เหรอวะ”
“ไม่หรอกม้างเคล ที่มึงจะพูดคำนี้ออกมา”
“วันนี้กูมาแค่เมา”
เขาย้ำ ก่อนจะทำให้พรรคพวกที่นั่งอยู่หรี่ตามามองพร้อมกัน
“ชี่..ไร้สาระน่”
“ของดีน่ะเว้ย สาวมหาลัยปี4”
ก่อนจะเงียบกรึบกันหมด หลังเสียงเจ้าของผับพูดจบ และเคลเอ่ยคำนี้
“เฮอะ..ของดีรึวะ? คงสู้คนที่กูเจอมาเมื่อเช้าไม่ได้หรอก ..เด็กปี1ในอนาคต เปรียบเสมือนดอกไม้หอมบนยอดต้น .. และกูก็..กำลังจะเด็ดมันมา”
ซึ่งนั่นผ่านไปประมาณสักสามวิ สิ่งที่เคลบอก ก็ทำให้เสียงครึกครื้นในวงเหล้ามีขึ้นมาอีกครั้ง
“ฮู้วววว!”
“ก็นึกว่าอะไร ตกใจหมดนึกว่ามึงจะเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นท่านมหา ที่แท้ มันแอบเก็บของดีไว้กับตัวนี่เองเว้ย ฮ่าๆๆ”
“ไอ้นี่มันร้าย”
ในขณะที่เจ้าตัวอย่างเคล เอาแต่นั่งมองแก้วไวน์ตรงหน้า พลางยิ้มที่มุมปากอย่างคนมีเลศนัย