บทที่ 1 เจ็บปวดใจ (2)

1631 Words
ตกเย็นคูเปอร์ไม่อยากหมกมุ่นอยู่กับความเสียใจ จึงตัดสินใจจะไปหาหลาน ๆ ที่บ้านของน้องชายกับน้องสะใภ้ และนอนที่บ้านของพวกเขาเลย แต่เธอเป็นคุณป้าสายเปย์จะไปหาหลาน ๆ ทั้งทีต้องมีของติดไม้ติดมือ หลานชายชอบพวกเครื่องบิน หุ่นยนต์ รถถัง ส่วนหลานสาวชอบพวกตุ๊กตาหรืออะไรก็ได้ที่น่ารัก ๆ ปัจจุบันครอบครัวของน้องชายคนสุดท้องมีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคนชื่อว่า น้องขอบใจ หรือเด็กหญิงพรนับแสน แอมเมอร์สัน คล้องจองกับพี่ชายที่ชื่อ น้องขอบคุณ เด็กชายพรนับหมื่น แอมเมอร์สัน คูเปอร์ตัดสินใจจะเข้าไปซื้อของเล่นที่ห้างสรรพสินค้า แต่รถที่ขับมากลับโดนชนท้ายเข้าอย่างจังในระหว่างรอเลี้ยว หญิงสาวถึงกับเซ็งไม่น้อย วันนี้วันอะไรทำไมดวงซวยตั้งแต่เช้าจรดเย็น ครู่เดียวเจ้าของรถที่ชนก็เดินลงมาแต่ดูท่าทางไม่น่าจะใช่เจ้าของตัวจริง น่าจะเป็นคนขับรถมากกว่า “ผมขอโทษด้วยนะครับคุณ คือทางเรายินดีชดใช้ทุกอย่าง แต่ตอนนี้เรากำลังรีบครับ” ผู้ชายที่เดินลงมาบอกคูเปอร์หน้าซีด หญิงสาวเห็นรอยถลอกก็อดหงุดหงิดไม่ได้ แต่ดีที่เป็นรอยนิดเดียวไม่อย่างนั้นละก็เธอด่ายับแน่ คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยากหาที่ระบาย “ฉันก็รีบเหมือนกันไม่ใช่แค่คุณ แล้วเจ้านายของคุณไม่คิดจะลงมาคุยด้วยตัวเองเลยเหรอ” ถึงจะพยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านแต่เธอก็ยังไม่พอใจจึงหันไปมองคนในรถ คนบ้าอะไรรถชนกันขนาดนี้ยังทำตัวนิ่ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูท่าจะหยิ่งน่าดู คูเปอร์คิดก่อนเบะปากใส่ “ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมเป็นคนขับรถเอง นี่นามบัตรของเจ้านายผม ถ้ามีอะไรติดต่อมาได้ทันที ค่าใช้จ่ายเท่าไร เจ้านายผมพร้อมจ่ายครับ” ลูกน้องทำได้แค่ยิ้มแล้วรีบส่งนามบัตรของเจ้านายให้คู่กรณี ตอนนี้เจ้านายรีบมากจริง ๆ อยู่คุยด้วยไม่ได้ อีกอย่างเจ้านายของเขาไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า ถึงจะเป็นประธานบริษัทแต่ไม่ค่อยชอบออกงานสังคม นาน ๆ ครั้งถึงจะเห็นเขาปรากฏตัวบนสื่อ “ค่ะ ฉันติดต่อไปแน่ ค่าใช้จ่ายครั้งนี้พวกคุณต้องรับผิดชอบ” หญิงสาวแสดงความเซ็งผ่านสีหน้าและแววตา หลังจากสำรวจแล้วว่ารถไม่ได้เป็นอะไรมาก ถ้าจะเอาเรื่องตอนนี้คงไม่สะดวกเพราะใกล้มืดแล้วจึงรับนามบัตรมา ก่อนจะขับรถออกไปเธอได้อ่านชื่อในนามบัตรด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “นายมหาเศรษฐี ร่ำรวยมหาศาล เชอะนิสัยคนรวยสินะ ขอโทษเถอะฉันก็รวย แต่ฉันไม่หยิ่ง” เธอกลอกตามองบนพลางเบะปาก จากนั้นก็ยัดนามบัตรลงในเก๊ะหน้ารถแล้วขับรถออกไปทันที ไม่ได้สนใจเลยว่าผู้ชายที่ชื่อ มหาเศรษฐีจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร หล่อไหม รวยไหม ลูกน้องของชายหนุ่มนั่งประจำที่เรียบร้อยก็รีบแจ้งเจ้านาย เขาเกือบซวยแล้วที่ขับรถประมาท แต่ดีมหาเศรษฐีไม่ได้เป็นคนอารมณ์ร้าย จึงบอกให้คนขับรถลงไปขอโทษและบอกทางคู่กรณีให้ติดต่อมาตามเบอร์บนนามบัตร ซึ่งเป็นเบอร์ส่วนตัวที่น้อยคนนักจะได้ไป ถือว่า คูเปอร์คือผู้โชคดี “เรียบร้อยแล้วครับคุณมหา” “ให้นามบัตรเธอไปแล้วใช่ไหม” “ครับ แต่เธอดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจ” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเธอมีอะไรก็ติดต่อมาเอง แล้วได้ถามไหมเธอชื่ออะไร” “ผมไม่ได้ถามครับ ผมลืมเลย” “อืม ช่างเถอะ เดี๋ยวเธอก็ติดต่อมา” “ครับ คุณมหาจะให้เปลี่ยนรถไหมครับ” “ไม่ต้องหรอก ไปได้แล้ว ขี้เกียจฟังเสียงบ่น” ถ้ามัวแต่กลับไปเปลี่ยนรถคงไปที่บ้านไม่ทันเวลา จากนั้นก็โดนมารดาบ่นพูดแต่เรื่องเดิม ๆ เขาไม่อยากฟัง รถราคาแพงจึงค่อย ๆ ออกตัวไปตามถนนใหญ่ ไม่นานนักก็มาถึงคฤหาสน์ของตระกูลร่ำรวยมหาศาล วันนี้บิดาของมหาเศรษฐีนัดคนในครอบครัวมากินข้าว ในฐานะลูกคนสุดท้อง ไม่อยากมาก็ต้องมาเพราะมารดากำชับนัก ลูกต้องมาถ้าไม่อยากให้แม่ช้ำใจเพราะมีลูกชายไม่เชื่อฟัง โดนตัดพ้อขนาดนี้มีเหรอชายหนุ่มจะไม่มา ถึงไม่สนิทกับทั้งพ่อและแม่ แต่เขาก็รักท่านทั้งสอง ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญู แค่ไม่ยอมสานต่อธุรกิจของครอบครัวก็โดนตราหน้าว่าไม่รักตระกูลแล้ว รถของมหาเศรษฐีจอดได้ไม่ถึงนาที ก็มีรถอีกคันเข้ามาจอดข้าง ๆ ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นพี่ชายต่างมารดาของเขาเอง ซึ่งมีนามว่า มหาโชค ร่ำรวยมหาศาล ชื่อของสองพี่น้องมาจากคุณย่าผู้ล่วงลับไปประมาณสองปีกว่าเป็นคนตั้งให้เอง “มาถึงนานหรือยังมหา” พี่ชายเดินเข้าไปทักน้องชายอย่างเช่นทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ถ้าจะรอให้มหาเศรษฐีทักก่อนเป็นไปไม่ได้แน่นอน สองคนพี่น้องมีนิสัยแตกต่างกันลิบลับ คนหนึ่งพูดเก่ง เข้ากับคนง่ายจึงเป็นที่รักของใครหลาย ๆ คน ส่วนอีกคนพูดน้อย หน้านิ่ง เหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ น้อยคนนักที่จะกล้าเข้าหามหาเศรษฐี “ไม่นานครับ ผมถึงก่อนพี่เมื่อกี้เอง” น้องชายให้คำตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แววตาดูนิ่งเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือความเศร้า พี่ชายจึงเอามือขึ้นมาตบไหล่น้องเบา ๆ เป็นการให้กำลังใจ เขารู้ว่ามหาเศรษฐีไม่ค่อยอยากกลับบ้าน แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเป็นคำสั่งของบิดา “งั้นเราเข้าบ้านเถอะ วันนี้ถ้าพ่อพูดอะไรไม่สบายใจ นายอย่าถือสาเลยนะ” “พ่อของพี่ ไม่เท่ากับแม่ของผมหรอก” เอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน บางครั้งเขาก็อยากรู้ว่าทำไมต้องเกิดมาในครอบครัวนี้ ถึงหน้าจะนิ่งแต่แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “พ่อของพี่ก็พ่อของนายเหมือนกันแหละ” “ผมไม่อยากกลับบ้านเลย” “เอาน่า ยังไงที่นี่ก็คือบ้าน ไม่อยากกลับก็ต้องกลับ” “พี่โชคเรื่องนั้นห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดนะ” “พี่สัญญา นายไม่ต้องห่วง นายต้องหาย” มหาโชคตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เรื่องสำคัญขนาดนั้นไม่มีทางไปบอกใครแน่นอน รวมถึงมารดาของตัวเอง ถึงเขากับมหาเศรษฐีจะเป็นพี่น้องต่างแม่ แต่เขาก็รักน้องชายมาก อาจจะเป็นเพราะตอนเด็ก ๆ มารดาของเขาเป็นคนเลี้ยงดูมหาเศรษฐีทำให้เขารักและผูกพันกับน้องชาย พูดตามความจริงมหาเศรษฐีเป็นเด็กที่น่าสงสาร ถึงจะเกิดมาในตระกูลที่รวยล้นฟ้า แต่กลับไม่เคยได้รับความรักจากทั้งบิดาและมารดา ชายหนุ่มจึงคิดมาตลอด ถ้าเกิดมาเป็นลูกคนจนแต่ครอบครัวอบอุ่นชีวิตคงดีกว่านี้ “ขอบคุณมากครับพี่โชค ช่วงนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมฝากพี่ดูแลทุกอย่างแทนด้วย” ก่อนจะเดินเข้าบ้านน้องชายหันมาบอกพี่ชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง ช่วงนี้เขารู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก ไหนจะเรื่องงาน เรื่องแม่ และโรคที่กำลังรักษาซึ่งเป็นโรคที่แพร่งพรายออกไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะจะกระทบกับชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล “ทำไมเกิดอะไรขึ้น มีอะไรนายพูดกับพี่ได้” มหาโชคสำรวจเนื้อตัวน้องชายด้วยความเป็นห่วง “ไม่มีอะไร ผมแค่พูด ๆ เอาไว้เผื่อมี” “ได้ ถ้ามีอะไรนายต้องรีบบอกพี่นะ” “ครับพี่โชค” สองหนุ่มเดินเข้าไปในบ้านด้วยสีหน้าแตกต่างกัน ก่อนจะยกมือไหว้บิดามารดา แล้วไปนั่งประจำที่ของตัวเอง บรรยากาศการรับประทานอาหารของครอบครัวที่มีพ่อเป็นใหญ่ มีเมียหลวงและเมียน้อยนั่งอยู่คนละฝั่ง เป็นอะไรที่มหาเศรษฐีไม่ชอบเอามาก ๆ ถึงกับเกลียดด้วยซ้ำ บางครั้งชายหนุ่มก็ตั้งคำถามทำไมตนเองต้องเกิดมาเป็นลูกเมียน้อย ชาติก่อนไปทำบาปทำกรรมอะไรไว้ ชาตินี้ถึงได้มีแม่ที่เห็นแก่ตัวอยากได้อยากมีจนไม่สนใจศีลธรรมและความถูกต้อง “ฉันให้แกกลับมาเอาใจพ่อแก ไม่ได้ให้กลับมานั่งเป็นหิน ทำไมไม่พูดอะไรบ้าง ทำไมแกต้องคอยขัดใจท่านเจ้าสัวอยู่ตลอดเวลา” คุณจันทน์หอมมารดาของมหาเศรษฐี เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ หลังจากตามลูกชายเข้ามาในห้องนอน ท่านไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมลูกเพียงคนเดียวถึงไม่เคยทำอะไรดั่งใจตัวเองเลย “ก็เพราะผมขี้เกียจ คุณแม่อยากทำอะไรก็ทำเองเถอะ ผมไม่ทำ” มหาเศรษฐีมองหน้ามารดาด้วยความน้อยใจ น้ำเสียงตัดพ้อ ทำไมท่านชอบให้เขาแข่งกับพี่ชายทุกเรื่อง ทำไมต้องเอาเขาไปเปรียบเทียบกับพี่ชายตลอด “เพราะแกเป็นแบบนี้ไง มหาโชคถึงได้สมบัติของพ่อแกไปหมด สอนไม่เคยจำ” คุณแม่ยังสวย ใบหน้าไร้ริ้วรอยเพราะเข้าคลินิกเสริมความงามตลอดทุกเดือน กระแทกเสียงไม่พอใจใส่ลูกชาย ไม่เข้าใจมหาเศรษฐีเลยทำไมไม่ทำตัวเหมือนมหาโชค ลูกชายได้ยินอย่างนั้นถึงกับจุกในอก ดวงตาคลอไปด้วย น้ำใส ๆ ก่อนจะถามมารดาเสียงสั่น “ผมอยากรู้ คุณแม่รักผมบ้างไหม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD