10 เสียงเพรียกจากความฝัน - 1

1255 Words
พะนอขวัญ ได้ชะโงกหน้ามองบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนหลังตรงหน้า หลังจากสุรทินได้ขับรถเข้ามาจอดหล่อนก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างต่อบ้านหลังนี้ "แน่ใจหรือคะ ว่าบ้านเพื่อนของลุงทิน ทำไม..." หล่อนจะบอกว่า ทำไมบ้านช่องเงียบเชียบเหมือนไม่มีคนอยู่เลย                                                                                                สุรทินยังเงียบ แต่ใช้การเบือนใบหน้าอันเต็มไปด้วยแววตามุ่งหมายบางอย่างมาที่หญิงสาว            พะนอขวัญเหลียวกลับมาเห็นรู้สึกท่าไม่ดีจึงรีบเปิดประตูแล้วลงจากรถไป แต่สุรทินก็ว่องไวปานสายลม ปราดเข้ามาขวางหน้า พอหญิงสาวขยับตัวไปอีกทาง ก็ตวัดมาคว้าข้อมือข้างหนึ่งของหล่อนได้ แล้วกระชากร่างบางเข้ามาปะทะกับร่างสูงของอีกฝ่ายอย่างแรง                                                                           "จะไปไหน! อยู่กับลุงก่อน" บอกด้วยน้ำเสียงกระเส่า ดวงตาวาวฉ่ำขึ้น  "ลุงทินจะทำอะไรขวัญ!" หญิงสาวถามพร้อมกับพยายามจะบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม   "จะไปไหนมาให้ลุงพิสูจน์ก่อนน่า..."                                              "พิสูจน์อะไร? ...ปล่อยขวัญค่ะ!"                                                  "ก็พิสูจน์ว่า หลานจะใช่หลานของลุงจริง ๆ หรือเปล่านะซี่ ฮ่าๆ ๆ!"     ดวงตาทั้งคู่ของพะนอขวัญเบิกกว้างตาม หล่อนเข้าใจความหมายของคำพูดนี้แล้ว อีกฝ่ายปักใจเชื่อมาตลอดว่าหล่อนไม่ใช่หลานแท้ ๆ ถึงสามารถคิดเรื่องระยำตำบอนกับหล่อนได้ หล่อนพยายามจะส่งเสียงกรีดร้อง แต่สุรทินก็ใช้ลำตัวที่สูงใหญ่กว่าโอบลำตัวเอาไว้ และใช้มือข้างหนึ่งของตะปบปิดปากของหล่อนตาม                                                                           พะนอขวัญจึงอ้าปาก แล้วกัดเข้าที่ฝ่ามือของอีกฝ่ายอย่างแรง "โอ๊ย!" สุรทินร้องลั่นพร้อมทั้งปล่อยมือออก เห็นหญิงสาวพยายามจะสะบัดข้อมืออีกข้างให้หลุดการจับ แล้วจึงตัดสินใจใช้มือข้างที่เพิ่งถูกฝังเขี้ยว ชกเข้าที่ใต้ลิ้นปี่ของพะนอขวัญอย่างแรง      ตุ๊บ!                                                                             หญิงสาวรู้สึกจุกระบมไปทั้งร่าง แม้แต่เรี่ยวแรงจะกรีดร้องก็ยังไม่มี น้ำตาเล็ดด้วยทั้งเจ็บและหวาดกลัว ร่างบางค่อย ๆ ทรุดลงก็แต่ก็ไม่ทันล้มถึงพื้น เพราะสุรทินใช้บ่าเข้าไปรับร่าง แล้วยกตัวหล่อนขึ้นพาดบ่า ก่อนจะพาเข้าไปยังบ้านร้างหลังนี้ทันที!  สุรทินพาหญิงสาวมายังห้องนอนโล่ง ๆ ห้องหนึ่งที่มีแค่เตียงเปล่า ๆ ตั้งอยู่กลางห้อง แล้วปล่อยร่างบางลงกับเตียงนอนนั้น ในขณะคนที่โดนต่อยเต็มแรงก็ได้แต่กุมท้องนอนตัวงอด้วยความเจ็บ   สุรทินนั่งลงใกล้ ๆ ก่อนจะมองดูร่างบางตรงหน้าด้วยดวงตาวาวฉ่ำ ท้องฟ้ามืดครึ้มเพราะฝนเริ่มตั้งเค้ามาแล้ว แถมยังมีลมเย็นพัดสอบเข้ามา ผิวขาวผ่องลออตาของคนเจ็บ ยิ่งขับให้ตนมีอารมณ์ทางเพศขึ้น นี่ยังไม่รวมถึงก่อนที่ตนจะมาเจอแม่หลานสาวคนนี้ ก็ได้การแวะดื่มเหล้าดองยาที่มีส่วนผสมของยาที่เร่งความกำหนัดต้องการมาอีกด้วย                                                                                       สุรทินได้วางมือหยาบกร้านลงกับปลีน่องขาวผ่องตรงหน้า แล้วถลกชายกระโปรงสีครีมขึ้นเหนือโขนขาอ่อน จึงได้เห็นความขาวราวกับหยวกกล้วยอย่างที่ตนอยากเห็นเต็ม ๆ ตามานานแล้ว และภาพตรงหน้ายิ่งกระตุ้นความกำหนัดต้องการให้เกิดมากขึ้น ทำให้ชายฉกรรจ์คนนี้สูญสิ้นการยับยั้งชั่งใจใด ๆ ไป ว่าแล้วก็รีบลุกขึ้น เพื่อปลดเข็มขัดออกจากกางเกง                 พะนอขวัญพยายามยกสองมือสั่น ๆ ขึ้นมาพนมไหว้แล้วขอร้องอ้อนวอนทั้ง ๆ ที่มีแค่ลมออกมาจากปากว่า "อย่าทำขวัญเลย…"                                                                                         สุรทินไม่สนใจการร้องขอนั้น รีบโน้มตัวลงมาหมายจะใช้ฝ่ามือกร้านแตะต้องผิวขาวอ่อนตรงหน้าอีก แต่หญิงสาวที่รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายได้ ก็ผลักร่างสูงออก ทว่าเพราะความเจ็บทำให้หล่อนมีกำลังไม่มาก ผุดลุกวิ่งได้ไม่กี่ก้าว สุรทินก็รีบโผเข้ามารวบตัวแล้วโยนร่างหล่อนกลับมาที่เตียงตามเดิม ก่อนจะรีบตรงมาหาทำหน้าตาโกรธจัดมากขึ้น "โดนต่อยทีเดียวไม่ชอบ อยากเจ็บตัวอีกใช่มั้ย!" ว่าแล้วก็กำมือเป็นกำปั้นแล้วชกเข้าที่เดิมของหญิงสาวอีกครั้ง                                       คราวนี้ พะนอขวัญรู้สึกเหมือนร่างกำลังแหลกสลายลงแล้วจริง ๆ หญิงสาวหลับตา บิดตัวไปมาด้วยความเจ็บที่ไม่เคยพบพานมาก่อนในชีวิตนี้ พลางร้องไห้อย่างเงียบ ๆ ไร้เรี่ยวแรงและเสียงเปล่งออกมา ทั้งจุกและเจ็บ นึกถึงแต่ใบหน้าของบิดาขึ้นมาเท่านั้น เพราะคนที่รักและห่วงหล่อนที่สุดมีแต่ท่าน ...คุณพ่อขา                                          แต่ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง จู่ ๆ ประตูห้องที่ทำมาจากไม้บาง ๆ ก็พังลงมาด้วยแรงถีบของใครคนหนึ่ง หญิงสาวมองผ่านดวงตาที่ปรือขึ้นเล็กน้อย เขากำลังหันมามองที่หล่อนพอดี แล้วร่างสูงอันคุ้นตานั้นก็ตรงไปกระชากเสื้อของสุรทินออกจากตัวหล่อน รีบง้างหมัดเพื่อต่อยเข้าที่ใบหน้าแห้งตอบนั้นอีกหลายที                                  จากนั้นพะนอขวัญก็พอจะเห็นภาพการต่อสู้อยู่ลาง ๆ ว่าด้วยความหนุ่มแน่นกว่า ทำให้ผู้ที่มาช่วยหล่อนได้เปรียบในเรื่องของพละกำลัง อีกทั้งก่อนหน้าสุรทินก็ได้ดื่มเหล้ามาจึงทำให้มีการตอบสนองที่ช้ากว่าด้วย ชายหนุ่มจึงดึงคอเสื้อของสุรทินขึ้นมาปล่อยหมัดเข้าที่ใบ้หน้านั้นจนนับหมัดไม่ถ้วน ใบ้หน้าของสุรทินจึงเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดที่ออกมาจากปากและจมูก                                  หมัดสุดท้ายที่ชายหนุ่มจะปล่อยเข้าไปอีก แต่สุรทินได้ยกมือขึ้นมาไหว้เพื่อขอชีวิตเสียก่อน “ย่ะ อย่า!”                                        ดรันจึงสะบัดมือให้หลุดจากคอเสื้ออีกฝ่าย ด้วยความหงุดหงิด เพราะขืนเขาต่อยต่อไปมีแต่จะทำให้ชายชั่วนี้ตายคามือก็เท่านั้น ซึ่งมันจะไม่คุ้ม และเมื่อตัวหลุดเป็นอิสระแล้ว สุรทินก็รีบลนลานหนีออกไปด้วยความขลาดกลัวทันที ชายหนุ่มจึงถลาไปหาหญิงสาวที่เตียง ดึงกระโปรงที่ถูกถลกขึ้นเหนือขาอ่อนลง แล้วรีบรวบตัวหล่อนเข้ามากอดเอาไว้แน่น                                                  เกือบไป...เกือบไปแล้วจริง ๆ! นี่หากเขามองหารถเก๋งคันสีฟ้าที่จอดอยู่บ้านหลังนี้ไม่พบ พะนอขวัญจะต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตไปแล้วแน่ ๆ                                                                          "ใบ้..." หล่อนฝืนเรียกด้วยน้ำเสียงเกือบแหบแห้ง เมื่อผ่านพ้นความความหวาดกลัวสุดขีด และความเจ็บทำให้หล่อนรู้สึกวางใจขึ้น อย่างน้อยคนที่อยู่ตรงนี้ก็เป็นนายใบ้ ที่หล่อนซึมซับถึงความอบอุ่นและปลอดภัยกว่าสุรทินผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลุงแท้ ๆ เป็นไหน ๆ ก่อนดวงตาทั้งสองของหล่อนจะปิดลง เพราะความล้าของร่างกายและจิตใจ แว่ว...เหมือนเสียงทุ้มนั้นก็พยายามเรียกหล่อนให้มีสติเอาไว้อีกเช่นกันว่า                                                                                               "ขวัญ! ขวัญ!"                                                                            แล้วตัวของหญิงสาวก็ฟุบลงไปกับอ้อมกอดของชายหนุ่มทันที!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD