No & Not
ฉันถูกปลุกให้ตื่นจากห้วงนิทรา แม้จะเสียงดังแค่ไหนฉันก็สามารถหลับได้อย่างสบายใจเชียวล่ะ แล้วก็เป็นคนที่หลับลึกมาก ๆ ตื่นมาก็ไม่เจอใครแล้ว มีแต่คนที่หิ้วฉันมานั่นล่ะ นั่งหน้าขรึมอยู่อีกมุมหลังจากที่เขาเห็นว่าฉันตื่นแล้ว
“อดหลับอดนอนมาจากไหน”
เขาเอ่ยถาม ขณะที่เรากำลังเดินผ่านเจ้าพวกกีตาร์ที่ห้อยอยู่เต็มร้าน
“ไม่อดแล้วง่วงไม่ได้เหรอ”
ฉันถามกลับตาใส คนเราจำเป็นต้องอดนอนหรือยังไง ถึงจะหลับลึกได้ บอกเลยว่าฉันไม่ใช่ อยากหลับเมื่อไหร่ ฉันก็ล้มพับไปได้ทันทีที่ต้องการเลยล่ะ
“ไม่นึกว่าจะกวนเก่งนะโน”
ฉันทำหน้าเฉย ๆ ใส่เขา คิดจะหิ้วเราไปไหนมาไหนด้วยก็ได้
เอาแต่ใจ! ผู้ชายอะไรนิสัยไม่ดี!
“หิวไหม”
เมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวออกไป เขาก็ชวนคุยในสิ่งที่ฉันเองไม่ค่อยอยากจะตอบ
“โน... ”
เขาก็เลยเรียกฉันอีกรอบ พลางมอบสายตาอันแสนโหดมาให้
แล้วทำไมฉันจะต้องพูดกับเขา หิ้วเรามาไม่คิดว่าเราจะมีธุระหรืออยากมาด้วยไหม บังคับทำไมก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
“ด่ากันในใจอยู่ล่ะสิ”
เขานี่ฉลาดเนอะ
“ใช่”
คราวนี้ฉันตอบ และ ไม่โกหกเลยด้วย
“อโณทัย”
ชื่อเต็มก็มา
“เรียกทำไม”
ฉันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ใส่ อยากเอาแต่ใจ พาไปไหนก็ตามใจเลย ไม่เคยอยากรู้อยู่แล้วนิ ว่าฉันจะรู้สึกยังไง จะทำอะไร จะให้ไปไหนก็ตามแต่ท่านจะนำพาไปเลยจ้า.....
“ไปกินข้าวด้วยกันก่อน แล้วจะพาไปส่งหอ อย่าดื้อเข้าใจไหม”
พูดบอกฉันราวกับเด็กสิบขวบไม่พอ รอยยิ้มล้อเลียนที่ส่งมานั้นยังมีความเยาะหยันเคลือบแฝงอยู่
ถ้าไม่ติดคำว่า 'ชอบเขา' ฉันคงจะตะบันหน้าเขาด้วยหมัดไปแล้วหนึ่งที
เห็นว่าฉันเป็นคนค่อนข้างเงียบแบบนี้ แต่ความจริงนี่ แค่ไม่อยากแสดงนิสัยไม่ดีของตัวเองใส่ใครก็เท่านั้น
คนทุกคนย่อมมีดีและร้าย ไม่มีใครหน้าไหนดีแสนดี ดีล้ำดีเลิศไปหมดหรอก
“ไม่ถามเหรอว่าไปซ้อมดนตรีทำไม”
น็อตเริ่มชวนคุยขณะที่เราสองคนกำลังรอข้าวที่เราพึ่งจะสั่งไป
“อยากบอกก็คงพูดเอง”
ฉันที่เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถมานั่งอยู่สองต่อสองกับน็อตได้ โดยที่หัวใจฉันมันเต้นดี ปกติฉันไม่ค่อยจะได้อยู่กับเขาเพียงลำพังสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่ทำไมตอนนี้ ฉันกลับดูไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด.....
“แล้วต้องบอกด้วยเหรอ”
เขาก่อกวนฉันทางประสาท สายตาเขาบ่งบอกได้ดี ว่าตอนนี้เขาอารมณ์ดีแค่ไหน
เรานั่งเงียบใส่กัน ส่วนฉันก็มองหน้าเขาด้วยใจที่เคืองขุ่น เจ้าของประโยคที่บอกกับฉันว่าให้เราเป็นเพื่อนกันแบบนี้ตลอดไป กำลังทำให้ฉันคนนี้รู้สึกสับสน
“คิดจะทำอะไรอะน็อต”
ฉันตัดสินใจเอ่ยถามออกไป ไม่อยากให้คาใจไปแบบนี้ ฉันก็อยู่ของฉันดี ๆ ทำไมต้องชอบทำตัวให้ฉันคิดเกินเลยด้วย
“ทำอะไร”
สาบานว่าเขาไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ งั้นเหรอ
“ลากออกมาแบบนี้ คิดจะทำอะไร”
ฉันพยายามตั้งสติ ไม่ให้เผลอแสดงความในใจออกไป เอ่ยถามเขาดี ๆ เฉกเช่นปกติที่ควรจะปฏิบัติต่อกัน
“ก็อยากพามา เห็นว่าไม่ค่อยได้ไปไหน เลยอยากหามิตรภาพใหม่ ๆ ให้ก็เท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไรไม่ดีเลย”
“โนไม่ได้อยากสนิทกับใคร”
ที่ฉันยังอยู่กับพวกเขา เพื่อนในกลุ่มเรา ก็เพื่อที่จะได้มองเขา ผู้ชายที่ฉันชอบ ขอแค่นั้น ขอให้ฉันอยู่แบบปกติสุขจะได้ไหม
“ทำไม มีความลับอะไรปิดบังอีก”
คราวนี้เขาเลิ่กคิ้วอย่างสงสัย ความลับอะไร ในเมื่อฉันมันก็แค่เด็กผู้หญิงธรรมดาที่เข้ามาเรียนในเมืองหลวงก็เท่านั้น ฉันจะมีอะไรปิดบังเขากันล่ะ
“กินข้าวเถอะ”
และเมื่อเห็นว่าการคุยกันในครั้งนี้ เหมือนว่าฉันจะเสียเปรียบ เผลอหลุดบอกบางอย่างที่ไม่เหมาะไม่ควรให้เขาได้รู้ ฉันจึงยุติการสนทนานี้ด้วยบอกให้เขารีบหาอะไรลงท้องจะดีกว่า
น็อตเองก็เข้าใจง่ายดี เขาเงียบเขี่ยข้าวในจานเล่นไป ก่อนที่จะลงมือกินข้าวจนหมดจาน ฉันหันมองซ้ายขวา คนมากหน้าหลายตา หลากสังคมที่อยู่ผสมร่วมโลกกันไป
“นอนด้วยดิ ขี้เกียจขับรถไปคืนเจ้าของ”
ฉันหันมองหน้าเขานิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป
เมื่อเห็นว่ารถได้หยุดหน้าหอ แล้วรออะไรล่ะ รีบลงรีบไล่คนอย่างน็อตกลับเสียที
“โน... ”
เขาล็อกรถ กักกันไว้ด้วยน้ำเสียงชวนหาเรื่อง ฉันจึงตัดสินใจ
ไม่อดไม่ทนต่อคนอย่างน็อตแล้ว.....
“เอ๊ะ... มันเป็นยังไงเนี่ยน็อต เป็นอะไร เหงาใช่ไหม เหงาก็ไปเที่ยวไป ไปหานั่งในที่คนเยอะ ๆ นะ จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน รบกวนชาวบ้านที่เรียกว่าเพื่อนแบบนี้ แล้วก็นะ... ขอบคุณมาก ที่ลากไปให้หนวกหู แล้วยังรู้ ว่ากินเวลานานขนาดนั้น คนที่นอนฟังเสียงดนตรีจะหิวมากแค่ไหน วันนี้พอใจแล้วใช่ไหม พอใจแล้วก็กลับไปนะ กลับไปเถอะ หยุดล้อเล่นกับความรู้สึกของโนสักที โนขอแค่นี้ เป็นเพื่อนกันแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว อย่าพยายามทำให้โนรู้สึกอะไรได้ไหม โนไม่ไหวแล้วนะ หยุดทำให้โนรู้สึกดีสักที”
ฉันระบายความอัดอั้นตันใจออกไป โดยไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน คำพูดเหล่านั้นชวนให้น็อตมีความสงสัยเป็นอย่างมาก เขาถึงได้จ้องหน้าฉันแบบอึ้ง ๆ
จากนั้น...
“ไม่ตื่นจะจูบแล้วนะ”
เสียงกระซิบที่ข้างหู รบกวนฉันที่กำลังฝันว่าตัวเองระบายความอึดอัดใส่น็อตอยู่
“วันนั้นเมาเลยจูบ แต่วันนี้จะปลุกด้วยจูบจริง ๆ ไม่ต้องตื่นมาห้ามล่ะ”
“หยุดความคิดเห็นแก่ตัวเอาได้เดี๋ยวนี้เลยนะ”
ฉันรีบลืมตาขึ้นมา ชี้หน้าห้ามน็อตให้ล้มเลิกความคิดที่จะฉวยโอกาสฉันได้แล้ว
แค่แตะจูบแค่นั้น ฉันก็คิดมันไปไกลแล้ว ถ้ามันเลยเถิดไปกว่านี้
ฉันคง.....
เห้อ!
“ฝันดีนะโน”
เขาบอกอีกครั้ง เมื่อฉันตั้งสติได้แล้ว ก็เลยรีบถลาลงจากรถของเขาด้วยอาการหัวใจสั่นไหวอย่างรุนแรง
มโนเก่งสมชื่อโนจริง ๆ เลยเรา
ควรเปลี่ยนชื่อเองเลยดีไหมเนี่ย
คิดบ้าคิดบออะไรยาวเหยียด ปกติไม่ชอบพูดเยอะ แต่ความคิดนี่บานเบอะมาเป็นหน้ากระดาษเชียว
“พรุ่งนี้มารับ”
เขาพูดอีกครั้ง เมื่อฉันยังไม่ยอมเดินจากไป
“ไม่ต้อง”
ปฏิเสธไปอย่างเร็วรี่ ไม่ต้องมาหวังดีกับเพื่อนขนาดนี้หรอกเนอะ
เพื่อนยิ่งคิดไม่ซื่ออยู่!
“จะมา... ไปละ ฝันดี”
หัวใจบ้านี่จะเต้นแรงไปถึงไหน แค่คำว่าฝันดีเองนะอโณทัย
อะ... ฝันดีก็ฝันดี!
แล้วนี่ฉันจะยิ้มทำไมกัน