เราทั้งสี่นั่งมองน็อตยกน้ำเมาเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่า
ก่อนจะเข้ามาที่นี่กัน ได้ยินน็อตบอกไม้ฟืนว่าวันนี้เขาจะทิ้งตัว แล้วเขาก็ทำอย่างที่ปากว่าจริง ๆ
น็อตทิ้งทุกอย่าง สนใจเพียงเหล้าอย่างเดียว...
“เอาเลยมึง เต็มที่ไปให้สุด”
ทีน่าส่ายหน้าเอือมระอา คงพูดอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะฉันก็ไม่แน่ใจว่ามีใครรู้เรื่องเขากับปีใหม่รึเปล่า
“มันเป็นอะไรน่ะ แดกอย่างกับเมียขอเลิก”
นาราหันหน้าหนีจากกลุ่มเพื่อน เหมือนทุกคนจะปลงกับสภาพของน็อตที่ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก เขาไม่ปล่อยให้แก้วเขาว่างเลยแม้แต่ช่วง
หมดแล้วก็รินใหม่ หมดไปก็รินใส่อีก เป็นอย่างนั้นวกไปวนมา จนตอนนี้ไหล่หนาที่ชอบตั้งตรงก็ตกไปนิดเพราะฤทธิ์เหล้าได้เข้าไปแทรกแซงทั่วร่างกาย
“หรือปีจะขอเลิกจริง ๆ วะ ช่วงนี้นางกำลังเกิด”
นาราเป็นคนเปิดประเด็น ซึ่งฉันเองก็ยังคงมองน็อตเพราะนึกเป็นห่วงว่าเจ้าตัวจะน็อกไปตอนไหน
ขอให้เมาแค่วันนี้นะ น็อตสภาพนี้ช่างดูไม่ดีเอาเสียเลย
“มันรักเมียมันมากนะ แต่ปีใหม่ก็เกินไปปะวะ ถ้าจะขอเลิกด้วยเหตุผลแค่นี้อะ”
ทีน่ามีน้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใยเพื่อน พลางส่งสายตาใส่ฉันอย่างสื่อความหมายเดียวกัน
“มึงต้องเข้าใจเขาด้วย เขาดิ้นไปแคสต์งาน วิ่งไปถ่ายโฆษณาค่าตัวไม่กี่ตังค์เพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่ชื่อเสียงในวงการ คนเขาชอบอะ พอเกิดแล้วมันก็ต้องเสียสละบางอย่าง เดี๋ยวนี้กระแสคู่จิ้นแรงจะตายไป เกิดใครรู้ว่ามีแฟนจริง ๆ ซวยตายห่าพอดี ไม่ทันรุ่งก็ร่วงไปซะละ”
ไม้ฟืนร่ายยาวขยายความให้เพื่อน ๆ ได้เข้าใจ ซึ่งสองคนที่พูดกันก่อนหน้า ก็พยักหน้าพลางเหลียวมองน็อตอย่างปลงตก
คนธรรมดาจะไปมีแฟนเป็นดาราได้ยังไง ดาราก็ต้องคู่ควรกับดารา หรือคนดังในวงการบันเทิงเท่านั้นแหละมั้ง
น็อตเลยย้อมใจขนาดนี้
“แล้วเมื่อวานมันพูดอะไรกับโนบ้าง”
นาราเอ่ยถาม
“ก็บอกว่าปีขอห่าง แล้วก็พึมพำตัดพ้อคนเดียว จากนั้นเราก็แยกกันลงรถ”
เพราะฉันกับน็อตมีที่พักใกล้กัน ถ้าเขาไม่ได้ไปไหนกับใคร ฉันก็มักจะอาศัยซ้อนมอเตอร์ไซด์เขากลับหอเสมอ
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีใครทราบที่อยู่ของน็อตอย่างแท้จริงหรอก เจ้าตัวเขาไม่ค่อยบอกใคร คงจะมีแค่ปีใหม่ที่ได้ย่างกรายเข้าไปในนั้น
ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ!
“แล้วจะปล่อยให้น็อตเมาอย่างนี้เหรอ”
ไม่รู้ว่าน้ำเสียงของฉันมันออกอาการร้อนรนแค่ไหน ส่งผลให้นาราหันมาจ้องฉันเขม็ง แต่แล้วเธอก็มองผ่านไป ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ปล่อยมันเถอะ กูเก็บซากมันเอง”
ไม้ฟืนอาสา ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเป็นอันว่าตกลง
คงจะมีแค่ฉันที่ห่วงใยคนเมามากเกินไป เลยอยากตามมาดูให้เห็นกับตา ว่าน็อตจะไม่แผลงฤทธิ์อะไรใส่ไม้ฟืนอีก
เพราะกว่าที่แท็กซี่จะจอดรับพวกเราหน้าร้านเหล้า ก็เล่นเอาคนที่พยุงปีกเขาเกือบเปรอะไปทั้งตัว
น็อตทั้งทิ้งตัว ทั้งยังอ้วกใส่ทีน่าอีก จนทุกคนเลยต้องหอบกันมาอยู่ที่หอไม้ฟืนกันหมด
“กูพามันไปล้างปากก่อนละกัน เดี๋ยวนากับโนก็ค่อยเช็ดตัวให้มันนะ”
เราสองคนเออออไปตามกัน ก็คงต้องทำหน้าที่พยาบาลจำเป็นไปทั้งคู่
เพื่อนเมา ก็ต้องดูแลกัน
นี่ล่ะเพื่อน.....
“เก็บอาการหน่อย”
นารากระซิบเบา ๆ ก่อนที่เธอจะเดินหายไปไหนสักที่ ที่น่าจะเป็นครัว เพื่อเตรียมกาละมังเตรียมน้ำมารอเช็ดชำระคนเมา
ให้ตาย!
ฉันเผลอตัวอีกแล้ว ดีนะที่เจ้าตัวเขาไม่รู้ ฉันไม่เคยคิดจะปิดบังความรู้สึกของตัวเองกับใคร แค่ไม่อยากให้น็อตคนเดียวเท่านั้นที่ทราบ
ว่าฉันชอบเขา!
“ซื้อมาได้แค่นี้ อะ..ยา เช็ดแล้วเอาให้มันกินหน่อย”
ทีน่าที่ตามหลังเพื่อนมา ยื่นแผงยาแก้ปวดกับขนมหวานชนิดหนึ่งมาให้เพื่อที่คนกินยาจะได้กลืนง่ายขึ้นเมื่อจำเป็นต้องกินเข้าไป
ฉันมองหน้าคนเมาที่ตอนนี้แก้มแดงหูแดงไปหมด รักเธอขนาดนี้เลยเหรอ ฉันได้คิดในใจ ข่มความเสียใจเอาไว้ลึกที่สุด
หลังจากทำการทำความสะอาดคนเมาเสร็จแล้ว ไม้ฟืนหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ ก่อนจะทิ้งคนเมาไว้ในห้องนอนแล้วค่อยออกมานั่งรวมกลุ่มกับพวกเราที่มีหม้อมาม่าตั้งวางอยู่ตรงกลาง
“ค้างนี่ได้ปะมึง”
ทีน่าเองก็เมาไม่แพ้ใคร ซดน้ำต้มยำกุ้งคำใหญ่ พลางคีบเส้นเข้าปากอย่างกับหิวโหยนักหนา
“ตามสบาย นอนไหนได้ก็นอน”
เจ้าของห้องอนุญาต เป็นอันว่าเต็มที่ได้ทุกซอกทุกมุมทุกตารางเมตร
แม้พื้นที่จะไม่กว้างนัก แต่ก็ว่างพอที่พวกเราทั้งสี่จะอัดกันนอนที่นี่ได้สบาย
“ใครไหวก็หมั่นเข้าไปดูไอ้น็อตด้วยนะ วันนี้กูขอลา”
เมื่อท้องอิ่ม ทีก็ทิ้งตัวลงนอนก่อนใคร
“ฝากมันด้วยนะโน เธอไม่ค่อยดื่มหนิวันนี้”
ไม้ฟืนคิดอะไรทำไมต้องฝากแบบเจาะจงชื่อฉันด้วย
“ถ้าเห็นมันตื่น อย่าลืมเอายาไปกรอกปากมันด้วยล่ะ”
นาราเองก็ทิ้งตัวลงไปนอนข้างทีน่าแล้วสวมกอดเพื่อนชายแต่ในใจเป็นหญิงแบบสบายใจเฉิบ
คราวนี้ก็เหลือแต่ฉันที่ยังห่วงเขาอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก...
ฉันเก็บทุกอย่างไปล้างจนหมดเกลี้ยง เมียงมองไปทางเพื่อน ๆ ก็เห็นว่าทุกคนไปเดินเล่นในห้วงนิทรากันหมด
โอ๊ก!!!
คนข้างในห้องส่งเสียงโอ๊กอ้ากดังมาจากห้องน้ำ
“ไหวไหม”
ฉันลูบแผ่นหลังอันกว้าง ไหล่แข็ง ๆ หดยืดขึ้นลงตามความโก่งโค้งของร่างกายเขาที่ก้มลงไปอ้วกเพื่อขับเอาของเสียออกจากกระเพาะอาหาร
“ปล่อยเรา”
เขาเหวี่ยงใส่ฉันนิดหน่อย ก่อนจะหวิดน้ำเข้าใส่ใบหน้าตัวเองอย่างกับต้องการจะแก้เมาจากน้ำเย็น ๆ
“ก็ดื่มเยอะทำไมล่ะ ดูสังขารตัวเองหน่อย”
พอเห็นอาการเหวี่ยงก็นึกไม่ชอบใจ ฉันก็เลยใส่คำพูดไป ให้เขาได้สำนึกว่าวันนี้เขามันตัวภาระของเพื่อนขนาดไหน
“ไม่พอใจก็ออกไปสิ ไม่ต้องมาแตะ”
ความเมายังคงอยู่เต็ม น็อตผู้แสนใจดีกับฉันเลยแสดงความถ่อยออกมาเหมือนไม่รู้ตัว
“น็อต”
ฉันตะโกนชื่อเขาดัง ๆ
“อะไร”
เขาเหวี่ยงกลับมาแบบเต็มอารมณ์
“ถ้าไม่ห่วงจะมาดูแลไหม”
ฉันพูดบอกไปอย่างเหลืออด คนหวังดีก็ยังจะมาดุ
“รักคนอื่นได้แต่ทำไมไม่รู้จักรักตัวเองบ้าง”
ฉันมองหน้าเขา ขณะที่เขาเองก็จ้องตอบด้วยแววตาที่คล้ายจะสร่างแล้ว
“เขาไม่รักแล้วก็แค่ตัดใจมันยากตรงไหน”
แม้ฉันจะพูดได้ แต่รู้ตัวดีว่าตัวเองก็ไม่มีวันทำได้
แต่มันคงเป็นคำปลอบใจที่สวนทางกับใจฉันตอนนี้มาก ๆ เลย
“ไม่พูดแล้ว... อะนี่ยา กินแล้วก็นอนซะ... อือ”
ดวงตาฉันเบิกโต ใบหน้าเราแนบชิด ริมฝีปากเราแนบสนิท ร่างกายเราสองคนเข้ามาเกาะติดกันโดยฝีมือของคนเมา
“พูดมากว่ะ”
เขาว่าให้ฉัน ก่อนที่เขาจะหยิบยาไปจากฝ่ามือของฉัน แล้วหันหลังเดินออกไปจากนี่ ทิ้งฉันไว้ตรงนี้ ที่ยังนิ่งค้างกับการโดน... จูบ!