Chapter 10 / ยิ้มทำไม

1289 Words
No & Not ฉันถูกปลุกให้ตื่นจากห้วงนิทรา แม้จะเสียงดังแค่ไหนฉันก็สามารถหลับได้อย่างสบายใจเชียวล่ะ แล้วก็เป็นคนที่หลับลึกมาก ๆ ตื่นมาก็ไม่เจอใครแล้ว มีแต่คนที่หิ้วฉันมานั่นล่ะ นั่งหน้าขรึมอยู่อีกมุมหลังจากที่เขาเห็นว่าฉันตื่นแล้ว “อดหลับอดนอนมาจากไหน” เขาเอ่ยถาม ขณะที่เรากำลังเดินผ่านเจ้าพวกกีตาร์ที่ห้อยอยู่เต็มร้าน “ไม่อดแล้วง่วงไม่ได้เหรอ” ฉันถามกลับตาใส คนเราจำเป็นต้องอดนอนหรือยังไง ถึงจะหลับลึกได้ บอกเลยว่าฉันไม่ใช่ อยากหลับเมื่อไหร่ ฉันก็ล้มพับไปได้ทันทีที่ต้องการเลยล่ะ “ไม่นึกว่าจะกวนเก่งนะโน” ฉันทำหน้าเฉย ๆ ใส่เขา คิดจะหิ้วเราไปไหนมาไหนด้วยก็ได้ เอาแต่ใจ! ผู้ชายอะไรนิสัยไม่ดี! “หิวไหม” เมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวออกไป เขาก็ชวนคุยในสิ่งที่ฉันเองไม่ค่อยอยากจะตอบ “โน... ” เขาก็เลยเรียกฉันอีกรอบ พลางมอบสายตาอันแสนโหดมาให้ แล้วทำไมฉันจะต้องพูดกับเขา หิ้วเรามาไม่คิดว่าเราจะมีธุระหรืออยากมาด้วยไหม บังคับทำไมก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ “ด่ากันในใจอยู่ล่ะสิ” เขานี่ฉลาดเนอะ “ใช่” คราวนี้ฉันตอบ และ ไม่โกหกเลยด้วย “อโณทัย” ชื่อเต็มก็มา “เรียกทำไม” ฉันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ใส่ อยากเอาแต่ใจ พาไปไหนก็ตามใจเลย ไม่เคยอยากรู้อยู่แล้วนิ ว่าฉันจะรู้สึกยังไง จะทำอะไร จะให้ไปไหนก็ตามแต่ท่านจะนำพาไปเลยจ้า..... “ไปกินข้าวด้วยกันก่อน แล้วจะพาไปส่งหอ อย่าดื้อเข้าใจไหม” พูดบอกฉันราวกับเด็กสิบขวบไม่พอ รอยยิ้มล้อเลียนที่ส่งมานั้นยังมีความเยาะหยันเคลือบแฝงอยู่ ถ้าไม่ติดคำว่า 'ชอบเขา' ฉันคงจะตะบันหน้าเขาด้วยหมัดไปแล้วหนึ่งที เห็นว่าฉันเป็นคนค่อนข้างเงียบแบบนี้ แต่ความจริงนี่ แค่ไม่อยากแสดงนิสัยไม่ดีของตัวเองใส่ใครก็เท่านั้น คนทุกคนย่อมมีดีและร้าย ไม่มีใครหน้าไหนดีแสนดี ดีล้ำดีเลิศไปหมดหรอก “ไม่ถามเหรอว่าไปซ้อมดนตรีทำไม” น็อตเริ่มชวนคุยขณะที่เราสองคนกำลังรอข้าวที่เราพึ่งจะสั่งไป “อยากบอกก็คงพูดเอง” ฉันที่เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถมานั่งอยู่สองต่อสองกับน็อตได้ โดยที่หัวใจฉันมันเต้นดี ปกติฉันไม่ค่อยจะได้อยู่กับเขาเพียงลำพังสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่ทำไมตอนนี้ ฉันกลับดูไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด..... “แล้วต้องบอกด้วยเหรอ” เขาก่อกวนฉันทางประสาท สายตาเขาบ่งบอกได้ดี ว่าตอนนี้เขาอารมณ์ดีแค่ไหน เรานั่งเงียบใส่กัน ส่วนฉันก็มองหน้าเขาด้วยใจที่เคืองขุ่น เจ้าของประโยคที่บอกกับฉันว่าให้เราเป็นเพื่อนกันแบบนี้ตลอดไป กำลังทำให้ฉันคนนี้รู้สึกสับสน “คิดจะทำอะไรอะน็อต” ฉันตัดสินใจเอ่ยถามออกไป ไม่อยากให้คาใจไปแบบนี้ ฉันก็อยู่ของฉันดี ๆ ทำไมต้องชอบทำตัวให้ฉันคิดเกินเลยด้วย “ทำอะไร” สาบานว่าเขาไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ งั้นเหรอ “ลากออกมาแบบนี้ คิดจะทำอะไร” ฉันพยายามตั้งสติ ไม่ให้เผลอแสดงความในใจออกไป เอ่ยถามเขาดี ๆ เฉกเช่นปกติที่ควรจะปฏิบัติต่อกัน “ก็อยากพามา เห็นว่าไม่ค่อยได้ไปไหน เลยอยากหามิตรภาพใหม่ ๆ ให้ก็เท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไรไม่ดีเลย” “โนไม่ได้อยากสนิทกับใคร” ที่ฉันยังอยู่กับพวกเขา เพื่อนในกลุ่มเรา ก็เพื่อที่จะได้มองเขา ผู้ชายที่ฉันชอบ ขอแค่นั้น ขอให้ฉันอยู่แบบปกติสุขจะได้ไหม “ทำไม มีความลับอะไรปิดบังอีก” คราวนี้เขาเลิ่กคิ้วอย่างสงสัย ความลับอะไร ในเมื่อฉันมันก็แค่เด็กผู้หญิงธรรมดาที่เข้ามาเรียนในเมืองหลวงก็เท่านั้น ฉันจะมีอะไรปิดบังเขากันล่ะ “กินข้าวเถอะ” และเมื่อเห็นว่าการคุยกันในครั้งนี้ เหมือนว่าฉันจะเสียเปรียบ เผลอหลุดบอกบางอย่างที่ไม่เหมาะไม่ควรให้เขาได้รู้ ฉันจึงยุติการสนทนานี้ด้วยบอกให้เขารีบหาอะไรลงท้องจะดีกว่า น็อตเองก็เข้าใจง่ายดี เขาเงียบเขี่ยข้าวในจานเล่นไป ก่อนที่จะลงมือกินข้าวจนหมดจาน ฉันหันมองซ้ายขวา คนมากหน้าหลายตา หลากสังคมที่อยู่ผสมร่วมโลกกันไป “นอนด้วยดิ ขี้เกียจขับรถไปคืนเจ้าของ” ฉันหันมองหน้าเขานิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป เมื่อเห็นว่ารถได้หยุดหน้าหอ แล้วรออะไรล่ะ รีบลงรีบไล่คนอย่างน็อตกลับเสียที “โน... ” เขาล็อกรถ กักกันไว้ด้วยน้ำเสียงชวนหาเรื่อง ฉันจึงตัดสินใจ ไม่อดไม่ทนต่อคนอย่างน็อตแล้ว..... “เอ๊ะ... มันเป็นยังไงเนี่ยน็อต เป็นอะไร เหงาใช่ไหม เหงาก็ไปเที่ยวไป ไปหานั่งในที่คนเยอะ ๆ นะ จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน รบกวนชาวบ้านที่เรียกว่าเพื่อนแบบนี้ แล้วก็นะ... ขอบคุณมาก ที่ลากไปให้หนวกหู แล้วยังรู้ ว่ากินเวลานานขนาดนั้น คนที่นอนฟังเสียงดนตรีจะหิวมากแค่ไหน วันนี้พอใจแล้วใช่ไหม พอใจแล้วก็กลับไปนะ กลับไปเถอะ หยุดล้อเล่นกับความรู้สึกของโนสักที โนขอแค่นี้ เป็นเพื่อนกันแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว อย่าพยายามทำให้โนรู้สึกอะไรได้ไหม โนไม่ไหวแล้วนะ หยุดทำให้โนรู้สึกดีสักที” ฉันระบายความอัดอั้นตันใจออกไป โดยไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน คำพูดเหล่านั้นชวนให้น็อตมีความสงสัยเป็นอย่างมาก เขาถึงได้จ้องหน้าฉันแบบอึ้ง ๆ จากนั้น... “ไม่ตื่นจะจูบแล้วนะ” เสียงกระซิบที่ข้างหู รบกวนฉันที่กำลังฝันว่าตัวเองระบายความอึดอัดใส่น็อตอยู่ “วันนั้นเมาเลยจูบ แต่วันนี้จะปลุกด้วยจูบจริง ๆ ไม่ต้องตื่นมาห้ามล่ะ” “หยุดความคิดเห็นแก่ตัวเอาได้เดี๋ยวนี้เลยนะ” ฉันรีบลืมตาขึ้นมา ชี้หน้าห้ามน็อตให้ล้มเลิกความคิดที่จะฉวยโอกาสฉันได้แล้ว แค่แตะจูบแค่นั้น ฉันก็คิดมันไปไกลแล้ว ถ้ามันเลยเถิดไปกว่านี้ ฉันคง..... เห้อ! “ฝันดีนะโน” เขาบอกอีกครั้ง เมื่อฉันตั้งสติได้แล้ว ก็เลยรีบถลาลงจากรถของเขาด้วยอาการหัวใจสั่นไหวอย่างรุนแรง มโนเก่งสมชื่อโนจริง ๆ เลยเรา ควรเปลี่ยนชื่อเองเลยดีไหมเนี่ย คิดบ้าคิดบออะไรยาวเหยียด ปกติไม่ชอบพูดเยอะ แต่ความคิดนี่บานเบอะมาเป็นหน้ากระดาษเชียว “พรุ่งนี้มารับ” เขาพูดอีกครั้ง เมื่อฉันยังไม่ยอมเดินจากไป “ไม่ต้อง” ปฏิเสธไปอย่างเร็วรี่ ไม่ต้องมาหวังดีกับเพื่อนขนาดนี้หรอกเนอะ เพื่อนยิ่งคิดไม่ซื่ออยู่! “จะมา... ไปละ ฝันดี” หัวใจบ้านี่จะเต้นแรงไปถึงไหน แค่คำว่าฝันดีเองนะอโณทัย อะ... ฝันดีก็ฝันดี! แล้วนี่ฉันจะยิ้มทำไมกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD