ตอนที่ 2 ผู้หญิงกับต้นไม้

1671 Words
ศาสตราวุธยืนฉีดน้ำจากกระบอกเบาๆ ใส่ต้นกล้วยไม้ที่ระเบียงหน้าบ้านแล้วยิ้มไปด้วยอย่างมีความสุข “ดอกกำลังจะบานพรุ่งนี้สินะ งั้นเดี๋ยวจะฉีดละอองน้ำเบาๆ ให้ไม่ช้ำก็แล้วกัน” ศาสตราวุธพูดกับกล้วยไม้ของเขาอย่างอ่อนโยน แล้วขยับไปฉีดน้ำที่กล้วยไม้ที่ห้อยไว้บนกิ่งไม้ใหญ่หน้าบ้านอีกฝั่ง “นี่เริ่มมีเพลี้ยไฟมาเกาะใบแล้ว เดี๋ยวต้องเด็ดใบที่มีเพลี้ยทิ้งแล้วผสมยามาฉีดกำจัดให้ รอก่อนนะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปล่ะ” ศาสตราวุธบอกแล้วดูแลดอกกล้วยไม้และดอกไม้บริเวณรอบบ้านอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินเข้าบ้านเพื่อทานอาหารเช้าและเตรียมตัวไปทำงาน โดยไม่ทันสังเกตว่ารติชานั้นแอบมองเขาอยู่ ‘ฉันต้องจีบคนบ้าที่พูดกับต้นไม้จริงๆ นะเหรอ’ รติชาบ่นในใจแล้วทิ้งช่วงห่างสักพัก แล้วค่อยถือตะกร้าของฝากเดินเข้าไปในบ้าน โดยมีเด็กรับใช้ออกมาต้อนรับและช่วยถือของเข้าไปให้ “สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า คุณแม่ฝากขนมมาให้ค่ะ” รติชาไหว้ทักทายยุทธนากับศศิประภาบนโต๊ะอาหาร แล้วยิ้มให้เจ้าบ้านด้วยความสุภาพแล้วนอบน้อม และถูกเชิญให้ร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วย “นั่งตรงนี้สิลูก ทานอาหารเช้าด้วยกันก่อน” ศศิประภาบอกแล้วยิ้มอย่างพอใจที่รติชามาหาถึงที่นี่ รติชานั่งลงตามคำเชิญแล้วมองหาศาสตราวุธที่เพิ่งเดินเข้ามาก่อนหน้าเธอ “พี่เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวก็ลงมาแล้ว” ศศิประภาบอกอย่างรู้ใจ จนรติชาเขินเมื่อถูกจับได้ สักพักศาสตราวุธก็เดินลงมา เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อรติชาอยู่ร่วมโต๊ะอาหารด้วย แล้วส่งยิ้มหวานมาให้เขาเหมือนอย่างเมื่อวาน “สวัสดีค่ะพี่วุธ น้ำชาเอาขนมมาฝากคุณลุงคุณป้ากับพี่วุธค่ะ” รติชาบอกเขา แล้วพยายามพูดจาให้น่ารักเพื่อให้เขาประทับใจ “ครับ” ศาสตราวุธพูดสั้นๆ แล้วนั่งลงข้างๆ เธอตรงที่แม่บ้านจัดโต๊ะไว้ให้ “วันนี้น้ำชาขออยู่ดูไร่สตรอเบอรี่กับพี่วุธได้หรือเปล่าคะ” รติชาถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่ารัก “ครับ” ศาสตราวุธตอบรับสั้นๆ รติชาเลยยิ้มบางๆ ให้เขา “พอดีเลย พาน้องออกไปดูไร่สตรอเบอรี่ และไปชิมไอศกรีมของไร่เราที่วุธเป็นคนคิดสูตรด้วยสิน้องน่าจะชอบ” ศศิประภาบอกลูกชายด้วยท่าทางที่ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ “ครับ” ศาสตราวุธตอบสั้นๆ เหมือนอย่างเคย จนรติชารู้สึกหมั่นไส้ ‘ทีคุยกับต้นไม้ พูดซะเยอะเชียว ทีคุยกับเราแค่ ครับ คำเดียวเนี่ยนะ’ รติชาคิดในใจ แต่ก็ยังปั้นหน้ายิ้มเอาใจเขาอยู่ ********************* ศาสตราวุธพารติชาออกไปดูงานที่ไร่สตรอเบอรี่ด้วย ก่อนออกมานั้นศศิประภาให้คนเอาร่มใส่หลังรถมาด้วย พอลงจากรถศาสตราวุธก็เดินไปหยิบร่มมาถือไว้ รติชาอมยิ้ม อย่างน้อยเขาก็มีความเป็นสุภาพบุรุษที่เดินถือร่มมาด้วย เพราะอีกสักพักแดดจะเริ่มแรง เขาคงเตรียมตัวจะกางร่มให้เธออย่างที่ควรทำ ศาสตราวุธเดินนำรติชาไปดูสตรอเบอรี่และสอนวิธีเก็บผลสตรอเบอรี่ที่ถูกวิธีให้แก่เธอ เขาพาเธอเดินไปดูต้นกล้าที่เพาะเอาไว้ และบอกวิธีเอาลงดินและการดูแลรักษาคร่าวๆ แก่เธอ “แดดเริ่มร้อนแล้วนะคะ” รติชาพูดพลางเอามือป้องแดด “ครับ” ศาสตราวุธคล้อยตามเธอ รติชาสังเกตว่าหากเป็นเรื่องต้นไม้ ศาสตราวุธจะพูดได้เยอะเป็นพิเศษ แต่หากเธอถามเขาถึงเรื่องทั่วไปเขาจะไม่ค่อยตอบอะไร “น้ำชาแย่จัง ลืมเอาหมวกมาด้วย” รติชาพูดเป็นนัยว่าอยากให้เขากางร่มให้เธอ “งั้นเราเดินไปพักตรงนั้นก่อนก็ได้ครับ” ศาสตราวุธพูดแล้วเดินนำเธอไปตรงซุ้มขายไอศกรีม เขาให้พนักงานตักไอศกรีมให้รติชาหนึ่งถ้วยแล้วนำมาให้เธอลองชิม รติชารับไปแล้วชิมไอศกรีมตรงหน้า แล้วยิ้มออกมาเมื่อได้รับรสชาติที่หวานอมเปรี้ยวเย็นชื่นใจนั้น “อร่อยจังเลยค่ะ เนื้อเนียนนุ่มมาก” รติชาชมแล้วยิ้มให้เขา ศาสตราวุธยิ้มอย่างพอใจที่รติชาชมไอศกรีมของเขา แล้วชวนเธอเดินกลับไปที่รถ เพราะเขามีงานที่ต้องทำต่อ “แดดแรงจังเลยค่ะ กว่าจะเดินไปถึงรถก็คงหน้าไหม้พอดี” รติชาพูดเป็นเชิงให้เขารู้ตัวว่าควรกางร่มให้เธอได้แล้ว ศาสตราวุธมองเธอแล้วนึกในใจว่าเป็นลูกสาวชาวไร่ที่ไม่มีความอดทนต่อสภาพอากาศเอาเสียเลย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เกี่ยวกับเรื่องนั้น เขามองไปยังกระถางต้นคล้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ที่วางประดับอยู่หน้าซุ้ม ใบเริ่มสีจางลงเพราะถูกแดดจ้า ต้นไม้ประดับชนิดนี้ถ้าอยู่ในร่มใบจะสีเข้มสวยกว่านี้ “ยังไม่บอกคนงานมาช่วยยกเข้าร่มเหรอครับ” ศาสตราวุธหันไปถามพนักงานขายของในซุ้มไอศกรีม “บอกแล้วค่ะ พี่คมบอกว่าจะพาคนมาช่วยกันยกตอนเลิกงานวันนี้ค่ะ” พนักงานสาววัยยี่สิบต้นๆ บอกเขาด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ ศาสตราวุธมองร่มในมือแล้วกางออก นั่งคุกเข่าข้างเดียว วางร่มบังแดดให้กับต้นไม้ของเขาในทันที แล้วยิ้มให้กับพวกมันอย่างอ่อนโยน “พวกเธออยู่ในร่มจะสวยกว่านี้ รออีกหน่อยนะ ตอนเย็นก็จะได้เข้าร่มแล้ว” ศาสตราวุธบอก แล้วลุกขึ้นหันมายิ้มให้กับรติชาที่มองร่มตรงพื้นอย่างตะลึง “เรากลับกันเถอะ” ศาสตราวุธบอกแล้วเดินนำหน้าเธอไป “นี่กางร่มให้ต้นไม้ ฉันตาไม่ฝาดใช่ไหม” รติชาพึมพำออกมาแล้วทำหน้าเหวอไปสักพัก ก่อนจะรีบปรับสีหน้าแล้วเดินตามเขาไปขึ้นรถ เธอหันไปมองหน้าศาสตราวุธเป็นระยะ ไม่เข้าใจว่าเขานั้นรักต้นไม้จริงๆ หรือจงใจไม่กางร่มให้เธอเพื่อไล่เธอทางอ้อมกันแน่ แต่เมื่อคิดถึงตอนที่เขาคุยกับกล้วยไม้เมื่อเช้าแล้ว ก็เลยสรุปเองว่า เขาคงพอใจที่จะดูแลต้นไม้มากกว่าดูแลเธอ ‘เราต้องแต่งงานกับคนแบบนี้จริงๆ นะเหรอ’ รติชาคิดในใจ แต่พอนึกถึงหน้าพ่อเลี้ยงคำปองก็ฮึดสู้ขึ้นมาทันที “วันนี้น้ำชาได้ความรู้จากพี่วุธมากเลย ขอบคุณมากนะคะ” รติชาบอกเขาแล้วยิ้มหวานให้ “ครับ” เขาตอบเธอสั้นๆ แล้วตั้งใจขับรถต่อไปไม่ว่อกแว่ก “พรุ่งนี้น้ำชาอยากไปดูสวนลำไยของพี่วุธ รบกวนพี่วุธช่วยพาชมสวนได้หรือเปล่าคะ” รติชาถามเขาเสียงอ้อน “งั้นไปดูตอนนี้เลยไหม พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องมาให้เสียเวลา” ศาสตราวุธพูดออกไปตามซื่อ รติชาอึ้งที่เขานั้นพูดเหมือนว่าไม่อยากให้เธอมาหาเขาบ่อยๆ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าถูกเขารำคาญ ‘อดทนไว้น้ำชา อดทนไว้’ รติชาเตือนสติตัวเอง “วันนี้น้ำชาเหนื่อยแล้วค่ะ แดดก็ร้อน เอาไว้พรุ่งนี้น้ำชามาใหม่ เราจะได้เจอกันบ่อยๆ ไงคะ” รติชาบอกเขา รู้สึกเหมือนว่าตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงไร้ยางอาย ตามตื๊อผู้ชายเหมือนอย่างนางร้ายในละคร ศาสตราวุธนั้นถึงกับอึ้ง เมื่อโดนผู้หญิงรุกมาขนาดนี้ เขาไม่รู้ว่าควรจัดการเรื่องนี้อย่างไร กับเรื่องผู้หญิงเขานั้นยอมรับว่าอ่อนหัดอยู่มาก “น้ำชาเป็นลูกสาวเจ้าของไร่ชานี่ครับ พี่นึกว่าจะไม่กลัวแดดเสียอีก” ศาสตราวุธพยายามชวนเธอคุย แต่ประโยคที่ชวนคุยนั้นแทงใจดำรติชาเข้าอย่างจัง เธอกำมือแน่นเหมือนโดนสาดน้ำใส่หน้าเมื่อโดนเขาถามมาอย่างนี้ “ก็ส่วนมากน้ำชาดูเอกสารอยู่แต่ในออฟฟิศนี่คะ ไม่เคยเข้าไร่เสียที นี่ก็เพราะอยากเรียนรู้งานกับพี่วุธ น้ำชาถึงได้พยายามอย่างนี้ และมันก็คุ้มค่าจริงๆ นะคะ เพราะว่าน้ำชามีความสุขมากเลยวันนี้ ที่ได้อยู่กับพี่วุธ” รติชาพูดออกมาตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ทำเอาศาสตราวุธคิดหาคำพูดมาสนทนากับเธอแทบไม่ออกเมื่อเจอเธอพูดอย่างนี้ “เอ่อ น้ำชาคงหมายถึง มีความสุขที่ได้เรียนรู้งานจากพี่ ใช่หรือเปล่าครับ” ศาสตราวุธถามเธอ พยายามพูดให้ปกติไม่ให้เสียงสั่น น้ำเสียงจึงออกมาเป็นน้ำเสียงที่ราบเรียบและไร้ความรู้สึกสำหรับรติชา “น้ำชาหมายถึง มีความสุขที่ได้อยู่กับพี่วุธ สองต่อสองอย่างนี้ ต่างหากล่ะคะ” รติชาพูดตรงๆ จนต้องเขินตัวเองที่กล้าพูดประโยคชวนให้เลี่ยนอย่างนั้นออกไป ศาสตราวุธไม่พูดอะไร ยิ่งเขาพูดเธอก็ยิ่งตอบกลับมาในสิ่งที่ทำให้เขาอึดอัด เลยตัดสินใจที่จะเงียบ รติชารู้ว่าเขาคงไม่ชอบให้เธอรุกเขาหนักขนาดนี้ แต่เธอจำเป็นต้องรีบมัดใจเขา ก่อนที่บิดาจะจับเธอแต่งงานกับคนที่เขาเลือกเอาไว้ ซึ่งตอนนี้แม่เลี้ยงกานดากำลังถ่วงเวลาช่วยเธออยู่ ‘ฉันจะไม่ยอมแพ้หรอกนะคะ คุณศาสตราวุธ ...ฟังชื่อครั้งแรก ไอ้เราก็นึกว่าจะแมนๆ เข้มๆ แต่นี่ดันเป็นคนบ้าชอบคุยกับต้นไม้ซะงั้น โอ๊ย จะบ้าตาย’ รติชาคิดในใจอย่างไม่สบอารมณ์ *********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD