รามินทร์จูงมือข้าวปั้นเดินผ่านโถงทางเดินที่เริ่มเงียบสงัด เขาไม่ได้พาเธอไปยังห้องพักรวมที่อาจมีแพทย์คนอื่นอยู่ แต่กลับเลี้ยวไปยังโซนห้องตรวจส่วนตัวของเขาที่อยู่ไม่ไกลแทน ที่นั่น...มีห้องเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังซึ่งจัดไว้สำหรับให้แพทย์ได้พักผ่อนเป็นการส่วนตัว
ภายในห้องขนาดกะทัดรัดมีเพียงโซฟาเบดตัวเล็กๆ โต๊ะทำงาน และตู้ล็อกเกอร์สำหรับเก็บของส่วนตัว แต่สำหรับคนสองคนในตอนนี้ มันกลับให้ความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากกว่าที่ไหนๆ
ทันทีที่ประตูปิดลง รามินทร์ก็ถอดแมสก์ออก เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาแต่ก็ฉายแววเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดแรง ก่อนจะเอนหลังพิงกับพนักพิงแล้วหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย
ข้าวปั้นมองภาพนั้นด้วยความสงสารและเป็นห่วงจับใจ เธอวางถุงขนมลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เขาอย่างเงียบๆ
“หมอขา...” เธอเรียกเขาเสียงเบา
“ครับ...” เขาตอบรับในลำคอโดยที่ยังไม่ลืมตา
“เหนื่อยมั้ยคะ...วันนี้” เธอยื่นมือไปลูบผมของเขาเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย...ความรู้สึกอยากจะดูแล...อยากจะปลอบโยน
รามินทร์ลืมตาขึ้นมามองเธอ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก “เหนื่อยสิครับ...ผ่าตัดไปเกือบห้าชั่วโมง...ยืนจนขาจะแข็งอยู่แล้ว”
“งั้น...เหนื่อยแบบนี้คงหมดแรงแล้วสิท่า” ข้าวปั้นแกล้งแซวเขาเบาๆ พลางยิ้มอย่างขี้เล่น เพื่อทำให้อาการดูผ่อนคลายขึ้น
รามินทร์หัวเราะในลำคอเบาๆ กับคำพูดหยอกล้อนั้น เขาเอื้อมมือไปดึงเอวของเธอให้เข้ามานั่งชิดกันมากขึ้น จนร่างของเธอแทบจะเกยขึ้นมาอยู่บนตักของเขา
“หมดแรงเรื่องงาน...แต่ไม่ได้หมดแรงเรื่องอื่นนะครับ” เขากระซิบเสียงพร่าชิดริมหูของเธอ ก่อนจะฝังจมูกโด่งลงบนซอกคอขาวผ่องของเธอแล้วสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ เข้าเต็มปอด “แค่ได้กลิ่นคุณ...พลังของผมก็กลับมาเกินร้อยแล้ว”
ลมหายใจอุ่นๆ และคำพูดสองแง่สองง่ามของเขาทำให้ข้าวปั้นขนลุกซู่ เธอหัวเราะคิกคักพลางเบี่ยงตัวหนีอย่างจั๊กจี้
“คุณหมอบ้า! เพิ่งผ่าตัดเสร็จมาเหนื่อยๆ ยังจะมาทะลึ่งอีก!” เธอตีที่แขนเขาเบาๆ “กินข้าวก่อนเลยค่ะ! ปั้นซื้อแซนด์วิชกับขนมปังเจ้าโปรดของคุณหมอมาด้วยนะ”
“ไม่เอา...ยังไม่หิวข้าว” เขาพูดเสียงอู้อี้ ใบหน้ายังคงซุกไซ้อยู่ที่ซอกคอของเธอไม่ยอมห่าง “ตอนนี้อยากกินอย่างอื่นมากกว่า”
“กินอะไรคะ?” เธอถามอย่างไม่ทันคิด
เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอ แววตาของเขาที่เคยอ่อนล้าเมื่อครู่ บัดนี้กลับทอประกายลุ่มลึกและเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างปิดไม่มิด
“กิน...ของหวาน...ที่นั่งอยู่บนตักผมนี่ไงครับ”
พูดจบ เขาก็ไม่รอให้เธอได้ตั้งตัว เขากดท้ายทอยของเธอให้โน้มลงมา แล้วประทับริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็ว มันเป็นจูบที่ทั้งดุดันและโหยหา ราวกับคนที่ขาดน้ำมานานแล้วเพิ่งจะเจอกับโอเอซิส ลิ้นร้อนของเขาแทรกเข้ามาในโพรงปากของเธออย่างง่ายดาย ไล่ต้อนชิมความหวานไปทั่วทุกซอกทุกมุมอย่างหิวกระหาย
“อื้อ...คุณหมอ...ที่นี่...โรงพยาบาลนะคะ” ข้าวปั้นครางประท้วงในลำคอเมื่อเขายอมถอนจูบออกให้เธอได้หายใจ พยายามจะเตือนสติเขาและตัวเอง
“ก็เพราะที่นี่คือโรงพยาบาลไงครับ” เขาสวนกลับทันที “คนไข้ของหมอต้องการ ‘ยา’ เป็นการด่วน...และยาขนานที่ดีที่สุดสำหรับผมตอนนี้...ก็คือคุณ”
เขาก้มลงไปจูบเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้มือไม้ของเขาก็ไม่ได้อยู่เฉยอีกต่อไป มือใหญ่ข้างหนึ่งเริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของเธออย่างเชี่ยวชาญ ในขณะที่อีกข้างก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอออกทีละเม็ด...ทีละเม็ด...อย่างใจเย็น
ข้าวปั้นพยายามจะขัดขืนในตอนแรก แต่สัมผัสที่ร้อนแรงและจูบที่แสนหวานของเขาก็กำลังละลายเรี่ยวแรงและความคิดที่จะต่อต้านของเธอไปจนหมดสิ้น ร่างกายของเธอกำลังตอบสนองต่อเขาราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง
เมื่อกระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลดออก เขาก็ผละริมฝีปากออกชั่วครู่เพื่อมองผลงานของตัวเอง เสื้อเชิ้ตของเธอแหวกออก เผยให้เห็นบราเซียลูกไม้สีอ่อนที่ห่อหุ้มทรวงอกอวบอิ่มเอาไว้ เขาเลียริมฝีปากอย่างกระหาย ก่อนจะก้มลงไปจูบที่ร่องอกของเธออย่างจงใจ ปล่อยให้ลมหายใจร้อนๆ เป่ารดผิวเนื้อที่อยู่ใต้บราจนมันแข็งชูชันขึ้นมา
“ฮื่อ...อย่าค่ะ...เดี๋ยวมีคนเข้ามา...” เธอยังคงพยายามทักท้วงด้วยสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด
“ไม่มีใครเข้ามาหรอกน่า...ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัว” เขาพูดพลางปลดตะขอบราของเธอออกอย่างง่ายดายด้วยมือเพียงข้างเดียว ทรวงอกที่สมบูรณ์แบบได้รูปก็เด้งออกมาอวดสายตาทันที
เขาไม่รอช้า...ก้มลงใช้ริมฝีปากและลิ้นร้อนๆ เข้าครอบครองยอดอกสีชมพูระเรื่อข้างหนึ่งทันที ดูดดึงอย่างรุนแรงราวกับเด็กทารกที่หิวนมมาทั้งวัน
“อ๊ะ! อ๊า...พี่หมอ...” ข้าวปั้นเผลอหลุดเรียกชื่อที่เคยใช้บนเตียงออกมาอย่างลืมตัว เธอแอ่นอกรับสัมผัสจากเขาอย่างเต็มที่ มือเล็กๆ ขยุ้มลงบนชุดสครับสีเขียวของเขาจนยับยู่ยี่
รามินทร์สลับไปปรนเปรออีกข้างอย่างเท่าเทียม ในขณะที่มือที่ว่างอยู่ก็เลื่อนต่ำลงไป...ลูบไล้ผ่านกระโปรงทำงานของเธอ...แล้วค่อยๆ สอดเข้าไปใต้กระโปรง...สัมผัสกับต้นขาด้านในที่เนียนนุ่ม...
ปลายนิ้วของเขาค่อยๆ เคลื่อนสูงขึ้น...สูงขึ้น...จนกระทั่งสัมผัสเข้ากับเป้ากางเกงชั้นในตัวจิ๋วที่เริ่มเปียกชื้นขึ้นมาแล้ว
เขากดปลายนิ้วลงบนส่วนที่อ่อนไหวที่สุดผ่านเนื้อผ้าบางๆ บดคลึงเบาๆ เป็นวงกลม...
“อ๊ะ...อื้อ...อย่า...ค่ะ...ตรงนั้น...” ข้าวปั้นบิดตัวเร่าด้วยความเสียวซ่านที่จู่โจมเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งน่าอายและน่าตื่นเต้นที่ถูกกระทำในสถานที่แบบนี้
แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้...
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทำให้ร่างของคนทั้งสองแข็งทื่อไปในทันที!
รามินทร์สบถออกมาในลำคออย่างหัวเสียสุดขีด เขาจำใจต้องละริมฝีปากออกจากยอดอกที่บวมเจ่อ แต่ก็ยังไม่ยอมเอามือออกจากใต้กระโปรงของเธอ!
“ใคร!” เขาตะโกนถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดอย่างไม่ปิดบัง
“แพรเองค่ะคุณพี่รามินทร์!” เสียงของหมอแพรดังตอบกลับมาอย่างทะเล้น “เห็นไฟห้องเปิดอยู่ เลยจะมาชวนไปกินข้าว...หรือไม่ก็...มากิน ‘ของหวาน’ ที่น้องเขาเอามาฝากด้วยคน! ฮ่าๆๆ”
สิ้นเสียงของหมอแพร...ข้าวปั้นก็แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี! เธอรีบผลักรามินทร์ออก แล้วรีบจัดแจงติดกระดุมเสื้อกับตะขอบราของตัวเองอย่างลนลาน หน้าแดงก่ำจนแทบจะระเบิด
รามินทร์ได้แต่มองตามด้วยสายตาที่เสียดายสุดขีด ก่อนจะตะโกนกลับไปที่ประตู
“ไสหัวไปเลยไป! ไม่ต้องมายุ่ง!”
ดูเหมือนว่า...การ ‘ชาร์จพลัง’ ของเขาในวันนี้...จะโดนขัดจังหวะเสียแล้ว...แต่ไม่เป็นไร...คืนนี้...ยังอีกยาวไกล...