เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับโกหก เผลอแป๊บเดียว วันสิ้นเดือนอันน่าสะพรึงกลัวก็เวียนมาบรรจบอีกครั้ง ข้าวปั้นนั่งหน้ามุ่ยอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในออฟฟิศ นิ้วจิ้มคีย์บอร์ดอย่างขอไปที แต่ในหัวกลับไม่ได้มีเรื่องงานอยู่เลยแม้แต่น้อย มันมีแต่ภาพของคุณหมอหนุ่มมาดนิ่งกับสัมผัสร้ายกาจของเขาที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา
“ทำไมเวลาแห่งความสุขมันผ่านไปเร็วจังวะ แต่เวลารอไปขึ้นเขียงนี่มันนานชะมัด” เธอพึมพำกับตัวเอง พลางเหลือบมองนาฬิกาบนหน้าจอที่ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้เวลานัดหมาย
‘ไปดีมาดีนะน้องปั้น’ เสียงพี่ๆ ในแผนกตะโกนแซวมาแต่ไกลเมื่อเห็นเธอหยิบกระเป๋าเตรียมตัวออกจากออฟฟิศ ทุกคนต่างรู้กิตติศัพท์ความปอดแหกของเธอดี และดูเหมือนจะสนุกกับการได้ลุ้นระทึกไปกับชะตากรรมของเธอในทุกๆ เดือน
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” ข้าวปั้นหันไปทำหน้ายู่ใส่กลุ่มเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะเดินคอตกออกจากออฟฟิศไป
บรรยากาศที่คุ้นเคยของโรงพยาบาลยังคงต้อนรับเธอด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์เช่นเคย แต่ครั้งนี้ ข้าวปั้นกลับรู้สึกแปลกไป... ความกลัวที่เคยมีอยู่เต็มอกมันไม่ได้หายไปไหน แต่มันถูกแทรกแซงด้วยความรู้สึกประหม่าและ...ตื่นเต้นอย่างน่าประหลาด ราวกับกำลังจะไปเดทแรกมากกว่าจะไปตรวจสุขภาพ
เธอเดินตรงไปยังห้องตรวจหมายเลข 12 โดยไม่ต้องรอให้พยาบาลประกาศเรียก เมื่อไปถึงหน้าห้อง เธอกลับพบว่าประตูแง้มอยู่เล็กน้อย ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ข้าวปั้นจึงถือวิสาสะแอบมองเข้าไปผ่านช่องว่างนั้น
ภาพที่เห็นคือแผ่นหลังกว้างของหมอรามที่กำลังยืนอยู่ข้างเตียงตรวจ เขากำลังพูดคุยกับคนไข้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่นั่งร้องไห้จ้าอยู่บนเตียง
“หนูไม่ฉีด! ฮือออ...มันเจ็บ!” เด็กน้อยสะอื้นจนตัวโยน
ข้าวปั้นเห็นหมอรามนั่งยองๆ ลงให้ความสูงของเขาอยู่ในระดับเดียวกับสายตาของเด็กหญิง เขาไม่ได้มีสีหน้าดุดันเหมือนตอนที่อยู่กับเธอ แต่กลับดูอ่อนโยนลงอย่างไม่น่าเชื่อ
“คนเก่งไม่ร้องไห้นะครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าปกติ “ลุงหมอมีเวทมนตร์เสกให้มดกัดเจ็บน้อยลง เอาไหม?”
เขาชูนิ้วก้อยขึ้นมาตรงหน้าเด็กหญิง “เกี่ยวก้อยสัญญากันก่อน ว่าจะมองไปที่ตุ๊กตาหมีตัวนั้น แล้วนับ 1 ถึง 5 ช้าๆ พอนับจบปุ๊บ ความเจ็บก็จะหายไปเลย ดีไหมครับ?”
เด็กน้อยมองหน้าเขาตาแป๋ว ก่อนจะค่อยๆ ยื่นนิ้วก้อยเล็กๆ ของตัวเองไปเกี่ยวกับนิ้วของเขาอย่างลังเล
ภาพนั้นทำให้หัวใจของข้าวปั้นกระตุกวูบ...เธอไม่เคยเห็นหมอรามในมุมนี้มาก่อน มุมที่ดูอบอุ่นและใจดี มันช่างแตกต่างจากภาพคุณหมอปากร้ายมาดนิ่งที่เธอคุ้นเคยราวกับเป็นคนละคน
เธอเผลอยืนมองภาพนั้นนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งพยาบาลเดินออกมาเปิดประตูให้คนไข้รายต่อไป
“อ้าว คุณอัญชัญ มาแล้วเหรอคะ เชิญข้างในเลยค่ะ”
ข้าวปั้นสะดุ้ง รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเดินเข้าไปในห้อง หมอรามเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มประวัติคนไข้ สายตาของเขากลับมาเรียบนิ่งและเย็นชาเหมือนเดิม ราวกับว่าภาพที่เธอเห็นเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา
“มาตรงเวลาดีนี่ครับ” เขาเอ่ยทักทายเรียบๆ
“ก็...กลัวจะโดนคุณหมอดุนี่คะ” เธอตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “รู้ตัวก็ดีแล้ว” ก่อนจะพยักพเยิดไปทางเตียงตรวจ “วันนี้ไม่ต้องให้บอกซ้ำนะครับ”
ให้ตายสิ! โหมดซาตานกลับมาทำงานเร็วจริงๆ!
ข้าวปั้นเดินไปที่เตียงอย่างจำยอม แต่ครั้งนี้เธอตัดสินใจทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป...เธอนั่งหันข้างให้เขาเหมือนครั้งก่อน แต่ไม่ได้รอให้เขาสั่ง เธอกลับเป็นฝ่ายรวบรวมความกล้า ช้อนชายกระโปรงของตัวเองขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นผิวเนื้อบริเวณสะโพกด้านขวาที่เธอเตรียมใจไว้แล้ว
เป็นการแสดงออกว่า ‘ฉันพร้อมแล้วนะ!’
หมอรามมองการกระทำของเธอด้วยแววตาที่ฉายแววประหลาดใจระคนขบขัน เขาเดินเข้ามาใกล้ ในมือถือไซริงค์ที่เตรียมไว้พร้อมแล้ว
“กล้าขึ้นเยอะนี่ครับ” เขาเอ่ยชม แต่ฟังดูเหมือนประชดมากกว่า
“ก็แค่ไม่อยากโดนใครบางคนขู่ว่าจะให้พยาบาลมาจับอีก” เธอสวนกลับไปโดยไม่มองหน้า
“ดีแล้วครับ” เขาตอบสั้นๆ ก่อนที่ฝ่ามืออุ่นๆ ข้างหนึ่งของเขาจะวางลงบนเอวของเธอ...ตำแหน่งเหนือสะโพกที่เขาจะทำการฉีดยา
สัมผัสที่คุ้นเคยนั้นทำให้ข้าวปั้นสะดุ้งเฮือกอีกครั้งเหมือนเคย แต่ครั้งนี้...มันแตกต่างออกไป
มือของเขากำลังออกแรงกดลงมามากกว่าปกติ...มันไม่ใช่การกดแบบรุนแรง แต่เป็นแรงกดที่หนักแน่นและมั่นคงราวกับจะยึดเธอไว้ไม่ให้หนีไปไหน นิ้วหัวแม่มือของเขาวางพาดอยู่บนส่วนโค้งของเอว ส่วนนิ้วที่เหลือก็โอบรอบมาทางด้านหน้าท้องน้อยของเธอ
มันเป็นการจับที่...แนบแน่นเกินความจำเป็น!
“คุณหมอ...จะ...จับแน่นไปไหมคะ” เธอท้วงเสียงสั่น หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ
“กันคุณดิ้นน่ะครับ” เขาตอบกลับมาหน้าตาเฉย เสียงทุ้มๆ ของเขาดังอยู่ข้างหู “รอบที่แล้วคุณเกร็งตัวมาก ผมไม่อยากให้กล้ามเนื้ออักเสบอีก”
ฟังดูมีเหตุผล...แต่การกระทำของเขามันไม่มีเหตุผลเลย!
ปลายนิ้วเย็นๆ ที่ชุบแอลกอฮอล์เริ่มลากไล้บนผิวเนื้อของเธออีกครั้ง แต่คราวนี้ นิ้วหัวแม่มือที่วางอยู่บนเอวของเขากลับขยับ...มันลูบไล้ผิวเนื้อบริเวณเอวของเธอผ่านเนื้อผ้าเดรสเบาๆ เป็นการเคลื่อนไหวที่แทบจะสังเกตไม่เห็น แต่กลับส่งผลต่อความรู้สึกของเธออย่างมหาศาล
“อึก...” ข้าวปั้นเผลอกลั้นหายใจ สมองของเธอขาวโพลนไปหมด เธอรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แล่นปราดจากเอวลงไปจนถึงสะโพก
“ผ่อนคลายครับ” เสียงกระซิบพร่าดังขึ้นอีก “ยิ่งเกร็ง...มือผมอาจจะต้องยิ่งจับให้แน่นขึ้นนะ”
นั่นมันคำขู่ชัดๆ!
เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะทำตัวให้ผ่อนคลาย แต่ยิ่งพยายาม ร่างกายก็ยิ่งต่อต้าน เธอรู้สึกได้ถึงแรงบีบที่ฝ่ามือของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็นการเตือนกลายๆ นิ้วหัวแม่มือของเขายังคงลูบวนอยู่ที่เดิมอย่างเชื่องช้า แต่มันกลับเหมือนการจุดไฟที่ลามเลียไปทั่วทั้งตัว
ในที่สุด เธอก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ปลายเข็มแทงเข้ามา แต่มันเป็นความเจ็บที่ห่างไกลจากจุดสนใจของเธอโดยสิ้นเชิง สติทั้งหมดของเธอกำลังจดจ่ออยู่กับสัมผัสรัญจวนจากฝ่ามือและปลายนิ้วของเขา...
ยาถูกฉีดเข้ามาจนหมด แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ...
หลังจากถอนเข็มออกไปแล้ว เขาใช้สำลีกดลงบนแผลตามปกติ แต่ฝ่ามือที่โอบอยู่รอบเอวเธอนั้นกลับกระชับแน่นขึ้นอีกนิดหนึ่ง ก่อนที่เขาจะจงใจ...ลากปลายนิ้วหัวแม่มือลงมาตามแนวโค้งของสะโพกอย่างเชื่องช้า...และหยุดลงที่รอยบุ๋มข้างสะโพกพอดี
“อ๊ะ!” ข้าวปั้นสะดุ้งสุดตัว ขนลุกซู่ไปทั้งร่าง
“เรียบร้อย” เขากระซิบเบาๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากเอวของเธอในที่สุด
ข้าวปั้นแทบจะถลาลงจากเตียง เธอรีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ด้วยมือไม้ที่สั่นเทา ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปสบตาเขาตรงๆ
“ขะ...ขอบคุณค่ะ” เธอพูดเสียงเบาหวิว เตรียมจะเผ่นออกจากห้องอีกตามเคย
“เดี๋ยว” เขาเรียกไว้ได้ทัน
เธอหันกลับไปมองอย่างหวาดระแวง
หมอรามยืนกอดอกพิงโต๊ะทำงานของเขา สายตาคมกริบคู่นั้นมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าแดงก่ำของเธอ
“ครั้งหน้า...ไม่ต้องรีบถอดเองก็ได้นะครับ” เขายิ้มมุมปาก “ผมชอบทำให้เองมากกว่า”