ความรู้สึกแรกที่ข้าวปั้นรับรู้ได้คือความนุ่มสบายของเบาะที่รองรับร่างกาย ตามมาด้วยการสั่นสะเทือนเบาๆ อย่างสม่ำเสมอราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในเปล เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า ภาพตรงหน้ายังคงพร่ามัวและหมุนคว้างจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ยังตกค้างอยู่
เธอพยายามกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัส แล้วภาพแรกที่ปรากฏชัดขึ้นมา...ก็ทำให้เธอต้องขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
...ใบหน้าด้านข้างของหมอราม...
ทำไม...ทำไมหมอคนหล่อถึงมาอยู่ในฝันของเธอได้ล่ะ?
เขายังคงสวมแว่นเหมือนเคย แสงไฟจากท้องถนนยามค่ำคืนที่สาดส่องเข้ามาในรถเป็นระยะๆ ทำให้โครงหน้าด้านข้างของเขาดูคมคายและน่ามองเป็นพิเศษ สันจมูกโด่ง...ริมฝีปากหยักได้รูปที่เม้มเป็นเส้นตรง...และสายตาที่จดจ่ออยู่กับการขับรถข้างหน้า...
‘ฝันดีจัง...’ ข้าวปั้นคิดอย่างเคลิบเคลิ้ม ‘ฝันว่าได้นั่งรถไปกับคุณหมอด้วย...’
เธอที่ยังคงคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ เริ่มปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความรู้สึกนึกคิดของตัวเองอย่างเต็มที่ เธอมองเขาไม่วางตา แล้วก็เริ่มบ่นงึมงำกับตัวเองเบาๆ
“หมอราม...คนบ้า...” เธอพูดเสียงอู้อี้ “ชอบแกล้ง...ชอบทำหน้าขรึมให้คนอื่นใจสั่นอยู่เรื่อยเลย...รู้มั้ยว่ามันเหนื่อยนะที่ต้องคอยห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดถึงน่ะ...”
คำพูดที่หลุดออกมาจากใจจริงทำให้คนที่กำลังตั้งใจขับรถอยู่ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย มุมปากของรามินทร์ยิ้มขึ้นอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัว...อาการของคนไข้คนนี้...น่าสนใจกว่าที่คิดไว้เยอะ
...“หมอบ้า...ฮื่อ...” ข้าวปั้นยังคงบ่นพึมพำต่อไป น้ำเสียงติดจะงอแงเหมือนเด็กๆ “ทำไมต้องมาทำดีด้วยล่ะ...ทำไมต้องมาทำเหมือนใส่ใจด้วย...ถ้าจะไปเดทกับคนอื่นน่ะ...ก็ไม่ต้องมายุ่งกันเลย...คนใจร้าย...”
ประโยคสุดท้ายที่แฝงไปด้วยความน้อยใจอย่างปิดไม่มิด ทำให้รามินทร์ต้องหันมามองเธอแวบหนึ่ง เขาเห็นหยดน้ำตาเล็กๆ คลออยู่ที่หางตาของเธอ...คนขี้เมาคนนี้...กำลังจะร้องไห้เพราะเขาเหรอ?
ความรู้สึกบางอย่างแล่นเข้ามาในอกของเขา...มันไม่ใช่ความขบขันหรือความอยากแกล้งอีกต่อไป แต่เป็นความรู้สึก...อยากจะปลอบโยน...อยากจะดึงร่างเล็กๆ นั้นเข้ามากอดแล้วบอกว่าเธอเข้าใจผิดไปหมด
“หมอตัวจริงก็นั่งอยู่นี่ไงครับ”
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบในรถ น้ำเสียงทุ้มต่ำและเรียบนิ่งของเขา ทำให้คนที่กำลังจมอยู่ในโลกแห่งความฝันถึงกับชะงัก
ข้าวปั้นหันขวับมามองเขาเต็มๆ ตา เธอกะพริบตาปริบๆ สมองที่ถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์ครอบงำพยายามประมวลผลอย่างหนัก
“ฝัน...ฝันพูดได้ด้วยเหรอ” เธอเอียงคอถามอย่างงุนงง ท่าทางนั้นน่าเอ็นดูจนรามินทร์เผลอยิ้มออกมาอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรก
“หรืออยากให้หมอฉีดยาสักเข็มไหมครับ จะได้ตื่น” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอเล็กน้อย แววตาหลังกรอบแว่นทอประกายขี้เล่น “หืมม?”
ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่รินรดอยู่บนใบหน้า ทำให้สติที่กระจัดกระจายของข้าวปั้นเริ่มกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง...นี่มันไม่ใช่ฝัน! กลิ่นโคโลญจน์ของเขา...ความรู้สึกอุ่นๆ ในรถ...ทุกอย่างมันจริงเกินไป!
“คุณ...คุณหมอ!” เธออุทานออกมาเสียงดัง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจและอับอายสุดขีด “นี่...นี่มันเรื่องจริงเหรอ! แล้ว...แล้วเมื่อกี๊...หนูพูดอะไรออกไปบ้าง!”
ใบหน้าของเธอแดงก่ำราวกับลูกมะเขือเทศสุก เธอแทบอยากจะเปิดประตูรถแล้วกระโดดหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด!
รามิลหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองถนนตามเดิม “ก็ไม่เยอะเท่าไหร่หรอกครับ...แค่บ่นว่ามีหมอบ้าคนหนึ่งชอบมาทำให้ใจสั่น...แล้วก็ตัดพ้อว่าหมอคนนั้นใจร้าย...ไปเดทกับคนอื่น”
ทุกคำที่เขาพูดเหมือนมีดที่กรีดลงมาบนหน้าของเธอ!
“หนู...หนูไม่ได้พูด!” เธอเถียงข้างๆ คูๆ เสียงสั่น
“ครับ...คุณไม่ได้พูด” เขาตอบรับอย่างว่าง่าย แต่รอยยิ้มที่มุมปากนั้นมันฟ้องทุกอย่าง “เอาล่ะ...เลิกเพ้อเจ้อแล้วบอกมาได้รึยัง ว่าบ้านคุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมจะไปส่ง”
“บ้าน?” ข้าวปั้นทวนคำอย่างงงๆ “ทำไมต้องไปส่งด้วยล่ะคะ! หนู...หนูกลับเองได้นี่นา! จอดตรงนี้เลยก็ได้ค่ะ!”
“ในสภาพที่คุณยืนเองยังแทบไม่ไหวน่ะเหรอครับ” เขาสวนกลับเรียบๆ “อย่าดื้อให้มากได้ไหมคุณข้าวปั้น ผมไม่อยากให้คนไข้ของผมไปนอนหมดสภาพอยู่ข้างถนนหรอกนะ”
แม้จะเป็นประโยคที่ฟังดูดุ แต่ในน้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างชัดเจน ข้าวปั้นที่กำลังจะอ้าปากเถียงถึงกับต้องเงียบลง ปากบ่นงึมงำว่าไม่อยากให้เขาไปส่ง แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างประหลาด...การได้นั่งอยู่ข้างๆ เขาแบบนี้...มันก็ดีเหมือนกัน
เธอค่อยๆ บอกทางไปคอนโดของตัวเองให้เขาแต่โดยดี ตลอดทางไม่มีใครพูดอะไรอีก มีเพียงเสียงเพลงแจ๊สเบาๆ ที่คลออยู่ในรถ แต่ความเงียบนั้นกลับไม่ได้น่าอึดอัดเลยแม้แต่น้อย ข้าวปั้นแอบลอบมองใบหน้าด้านข้างของเขาเป็นระยะๆ หัวใจที่เคยเต้นระรัวเพราะความตกใจ บัดนี้กลับเต้นเป็นจังหวะที่นุ่มนวลและสม่ำเสมอ...
‘ทำไม...พออยู่ใกล้ๆ เขาแล้วมันรู้สึกดีจังนะ’
ไม่นานนัก รถของรามินทร์ก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าล็อบบี้คอนโดของเธอ
“ถึงแล้วครับ” เขาบอกพลางปลดล็อกประตู
ข้าวปั้นยังคงนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกใจหายอย่างประหลาดที่ต้องลงจากรถแล้ว
“ขะ...ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เธอพูดเสียงเบา ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาเขา
“ไม่เป็นไร”
เธอกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ แต่แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“คุณหมอคะ”
“ครับ?”
“เรื่องที่หนูพูดในรถเมื่อกี๊...ลืมๆ มันไปได้ไหมคะ หนู...หนูเมา...พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลย” เธอขอร้องเสียงอ่อย
รามินทร์หันมามองเธอเต็มๆ ตา เขายื่นมือมาเชยคางของเธอให้เงยหน้าขึ้นสบตากับเขาตรงๆ สัมผัสอุ่นๆ ที่ปลายนิ้วของเขาทำให้หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง
“เรื่องไหนล่ะครับ” เขากระซิบถาม “เรื่องที่ว่าผมชอบทำให้คุณใจสั่น...หรือเรื่องที่ว่าผมใจร้าย”
“...” ข้าวปั้นพูดอะไรไม่ออก ได้แต่จ้องมองเข้าไปในดวงตาคมกริบคู่นั้น
“เรื่องแรก...ผมอาจจะช่วยลืมให้ไม่ได้” เขายิ้มมุมปาก “เพราะผมตั้งใจ...ที่จะทำให้คุณใจสั่นมากกว่านี้อีก”
หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้น...
“แต่เรื่องที่สอง...ผมยืนยันได้ว่าผมไม่ได้ใจร้าย” เขาพูดต่อ “และผมก็ไม่ได้ไปเดทกับใคร...คนที่ผมอยากใช้เวลาในคืนวันศุกร์ด้วย...ก็นั่งหน้าแดงอยู่ตรงหน้าผมนี่ไงครับ”
พูดจบ เขาก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมา...ประทับริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา... มันเป็นจูบที่นุ่มนวลและอ่อนหวานกว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้หลายร้อยเท่า... ไม่มีแอลกอฮอล์แก้วไหนในโลก...ที่จะทำให้เธอเมามายได้เท่ากับจูบนี้อีกแล้ว