ลมหายใจของข้าวปั้นขาดห้วงไปในวินาทีที่ปลายจมูกโด่งคมของหมอรามสัมผัสกับปลายจมูกของเธอ มันเป็นสัมผัสที่แผ่วเบาราวกับปีกผีเสื้อ แต่กลับส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทุกอณูของร่างกาย เปลือกตาของเธอปิดลงโดยอัตโนมัติ เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อสถานการณ์ที่สมองไม่สามารถประมวลผลได้ทัน กลิ่นโคโลญจน์สะอาดๆ ปนกับกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ จากสำลีในมือเขาลอยอวลอยู่รอบตัว สร้างบรรยากาศที่ทั้งปลอดเชื้อและเปี่ยมไปด้วยอันตรายในเวลาเดียวกัน
ริมฝีปากของเขาอยู่ห่างจากริมฝีปากของเธอ...ไม่ถึงเซนติเมตร
เธอรอ...รอรับสัมผัสที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าต้องการมันหรือไม่ หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก เสียงเลือดที่ฉีดสูบไปทั่วร่างดังกระหึ่มอยู่ในหูจนแทบไม่ได้ยินเสียงอื่น
หนึ่งวินาที...ผ่านไปราวกับชั่วนิรันดร์
แต่แล้ว...สัมผัสที่เธอคาดหวัง (หรือหวาดหวั่น) ก็ไม่เกิดขึ้น
หมอรามกลับเป็นฝ่ายผละออกไปช้าๆ เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูง ทิ้งระยะห่างระหว่างพวกเขากลับไปเป็นเหมือนเดิม ข้าวปั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างสับสน มองใบหน้าคมคายที่บัดนี้กลับมาเรียบนิ่งสนิทราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
มีเพียงรอยยิ้มมุมปากที่ร้ายกาจ กับแววตาพราวระยับหลังกรอบแว่นเท่านั้น ที่ยืนยันว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง
“ดูเหมือนว่า...ยาจะได้ผลดีเกินคาด” เขาพูดเสียงเรียบ แต่ทุกคำพูดกลับเหมือนการเยาะเย้ย “หัวใจคุณเต้นแรงจนผมได้ยินออกมาข้างนอกเลยนะ...คุณอัญชัญ”
คำพูดนั้นเหมือนน้ำเย็นที่สาดเข้าหน้า! ใบหน้าของข้าวปั้นแดงก่ำยิ่งกว่าลูกตำลึงสุก ความอับอายแล่นปราดขึ้นมาแทนที่ความรู้สึกวาบหวามเมื่อครู่
“มะ...หมอ! คะ...คุณ...คุณแกล้งหนูเหรอ!” เธอตะกุกตะกัก พูดแทบไม่เป็นภาษา จากที่เคยแทนตัวเองว่า ‘หนู’ กับเขามาตลอด ตอนนี้กลับสับสนจนเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก
“แกล้งเหรอครับ?” เขาเลิกคิ้ว “ผมก็แค่กำลังวินิจฉัยอาการ... คนไข้ที่ชอบทำตัวดื้อๆ ต่อหน้าหมอ ก็ต้องโดน ‘เตือน’ กันบ้างเป็นธรรมดา”
เตือน? นี่น่ะเหรอคือการเตือน! มันคือการปั่นหัวกันชัดๆ!
“คุณ...คุณมัน...คุณมันหมอบ้ากาม!” ในที่สุดเธอก็หาคำด่าที่เจ็บแสบที่สุดเท่าที่จะนึกออกในเวลานั้นมาว่าเขาได้
แต่แทนที่จะโกรธ หมอรามกลับหัวเราะในลำคอเบาๆ “ถ้าผมบ้ากามจริง...คุณคงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นเฉยๆ หรอกครับ” เขามองเธอด้วยสายตาที่ทำให้เธอร้อนวูบวาบไปทั้งตัว “ลุกขึ้นได้แล้ว ผมเสียเวลาตรวจคนไข้มามากพอแล้ว”
พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินไปที่ประตู ทิ้งให้ข้าวปั้นนั่งอ้าปากค้างอยู่บนโซฟา เธอรีบลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล รู้สึกเหมือนขาตัวเองไม่มีแรง
นี่เธอเพิ่งจะโดนคุณหมอมาดนิ่งยั่วจนหัวใจแทบวาย แล้วเขาก็เดินจากไปง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ!
“เดี๋ยวสิคะ!” เธอตะโกนเรียกเขาไว้
เขาหันกลับมา มองเธอด้วยสีหน้ารอปัง “อะไรอีกครับ?”
“ทำไม...ทำไมคุณหมอต้องทำแบบนี้ด้วย” เธอถามเสียงสั่น ความสับสน ความอาย ความโกรธ และความหวั่นไหวตีกันมั่วไปหมดในหัว “คุณหมอ...ยั่วเก่งจังเลยนะคะ...ทำแบบนี้ได้ยังไง มาทำร้ายหัวใจกันชัดๆ ดูสิ...ใจเต้นไม่หยุดเลย!”
เธอโพล่งสิ่งที่อยู่ในใจออกไปโดยไม่ทันได้ไตร่ตรอง พอรู้ตัวอีกทีก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตาย
หมอรามมองเธอนิ่งไปอึดใจหนึ่ง แววตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย...ความขบขันเมื่อครู่จางหายไป ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ลึกซึ้งและอ่านยากกว่าเดิม
เขาไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่กลับก้าวเข้ามาชิดจนเธอต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ถ้าใจเต้นแรงมาก...ก็ต้องตรวจเพิ่ม” เขากระซิบเสียงพร่า ก่อนจะทำในสิ่งที่เธอไม่คาดฝันอีกครั้ง
มือใหญ่ข้างหนึ่งของเขายื่นออกมา...แต่ไม่ได้สัมผัสตัวเธอ เขากลับสอดมือเข้ามาใต้สาบเสื้อเชิ้ตของเธออย่างรวดเร็วและแม่นยำ ฝ่ามืออุ่นจัดของเขาทาบลงบนตำแหน่งของหัวใจ...บนผิวเนื้อเปลือยเปล่าใต้ชั้นเสื้อในพอดี!
“อ๊ะ!” ข้าวปั้นอุทานเสียงหลง ร่างกายแข็งทื่อไปในทันที
ฝ่ามือของเขานิ่งอยู่ตรงนั้น...สัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่รัวเร็วราวกับกลองศึกของเธอได้อย่างชัดเจน ความอุ่นร้อนจากมือของเขากำลังแผ่ซ่านไปทั่วทั้งทรวงอก ปลุกปั่นความรู้สึกปั่นป่วนให้ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นร้อยเท่า
“อืม...เต้นแรงจริงด้วย” เขาพึมพำกับตัวเอง แต่สายตากลับจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ “แบบนี้ต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด...บางทีอาจจะต้องให้ยาชนิดพิเศษ”
“ยา...ยาอะไรคะ” เธอถามเสียงแผ่ว สมองเบลอไปหมดแล้ว
เขายิ้ม...เป็นรอยยิ้มที่ร้ายกาจและเซ็กซี่ที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น นิ้วหัวแม่มือของเขาที่วางอยู่บนเนินอกของเธอ ขยับ...ลูบไล้ผิวเนื้อเนียนละเอียดของเธอเบาๆ ผ่านเนื้อผ้าของบราเซีย
“เป็นยาที่ไม่มีในตำราแพทย์น่ะครับ” เขากระซิบ ชิดริมฝีปากของเธอมากขึ้น “แต่ได้ผลดีกับคนไข้ดื้อๆ อย่างคุณ...โดยเฉพาะ”
ปลายนิ้วของเขายังคงลูบไล้อยู่ที่เดิม สร้างความรู้สึกซ่านสยิวจนเธอเผลอแอ่นอกรับสัมผัสนั้นโดยไม่รู้ตัว ลมหายใจของเธอหอบกระชั้นขึ้นเรื่อยๆ
นี่มันไม่ใช่การตรวจ...มันไม่ใช่การเตือน...แต่มันคือการลงทัณฑ์ที่แสนหวาน!
หมอรามมองปฏิกิริยาของเธอด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะค่อยๆ ชักมือกลับออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ทิ้งไว้เพียงความร้อนรุ่มและจังหวะหัวใจที่ยังคงเต้นระรัวไม่ยอมสงบ
“ไปได้แล้วครับ” เขาบอกเสียงเรียบ กลับเข้าสู่โหมดคุณหมอมาดนิ่งอีกครั้ง “ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ...แล้วเริ่ม ‘การรักษา’ จริงๆ จังๆ ตรงนี้”
ข้าวปั้นไม่ต้องรอให้เขาพูดซ้ำสอง เธอรีบหมุนตัวแล้วเผ่นออกจากห้องพักแพทย์ไปอย่างไม่คิดชีวิต ทิ้งเสียงหัวเราะทุ้มในลำคอของเขาไว้เบื้องหลัง
คืนนั้น...ข้าวปั้นนอนไม่หลับทั้งคืน สัมผัสจากฝ่ามือของเขายังคงตราตรึงอยู่ที่หน้าอกของเธอ...
เธอรู้แล้วว่าสิ่งที่เธอกลัวที่สุดในโรงพยาบาลแห่งนี้...มันไม่ใช่เข็มฉีดยาอีกต่อไปแล้ว...แต่เป็นคุณหมอเจ้าของมือคู่นั้นต่างหาก