ภายใต้แสงไฟสีขาวสว่างจ้าในห้องทำงานส่วนตัวอันเงียบสงบ นายแพทย์รามินทร์ วงศ์วริศ กำลังนั่งจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงผลการวิจัยทางการแพทย์ล่าสุด แต่ในหัวของเขา...กลับไม่ได้มีเรื่องสารประกอบทางเคมีหรือสถิติผู้ป่วยอยู่เลยแม้แต่น้อย
ภาพที่ฉายวนซ้ำอยู่ในความคิดของเขา คือภาพของหญิงสาวร่างเล็กในชุดเดรสลายดอก ที่ทำหน้าเหมือนลูกแมวถูกขัดใจ ดวงตากลมโตที่ฉายแววดื้อรั้นแต่ก็แฝงไปด้วยความหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน ริมฝีปากอิ่มที่เม้มแน่นทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ และปฏิกิริยาสะดุ้งเฮือกที่น่าเอ็นดูทุกครั้งที่เขา ‘เผลอ’ สัมผัสตัวเธอ
คุณอัญชัญ อิงครัต...คนไข้ที่สร้างความปั่นป่วนให้เขาได้มากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มทำงานเป็นแพทย์มา
รามินทร์ถอดแว่นตาออก วางลงบนโต๊ะแล้วยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ เขายอมรับกับตัวเองอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักว่า ช่วงหลังมานี้ สมาธิในการทำงานของเขาลดลงไปอย่างน่าใจหาย โดยมีสาเหตุมาจากคนไข้เพียงคนเดียว
ตอนแรกที่เขาเห็นชื่อเธอในแฟ้มประวัติ พร้อมกับหมายเหตุตัวแดงจากพยาบาลว่า ‘กลัวเข็มมาก, เคยเป็นลม’ เขาก็แค่คิดว่าเป็นอีกหนึ่งเคสที่ต้องรับมือด้วยความใจเย็นและเด็ดขาดตามสไตล์ของเขา แต่เมื่อได้เจอตัวจริง...ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่คิด
ความโก๊ะและความโวยวายแบบเด็กๆ ของเธอไม่ได้ทำให้เขารำคาญใจอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม...มันกลับทำให้เขารู้สึก...ขบขันและอยากจะแกล้งขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ยิ่งได้เห็นเธอพยายามทำใจดีสู้เสือ เถียงคำไม่ตกฟากทั้งที่ขาสั่นไปหมด มันก็ยิ่งปลุกสัญชาตญาณดิบบางอย่างในตัวเขา...สัญชาตญาณของนักล่าที่เจอเหยื่อที่น่าสนใจ
‘คุณมันหมอบ้ากาม!’
‘ทำไมคุณหมอต้องทำแบบนี้ด้วย...ยั่วเก่งจังเลยนะคะ!’
คำพูดของเธอในวันนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหู เขายกยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงใบหน้าแดงก่ำและแววตาสั่นระริกราวกับจะร้องไห้ของเธอในตอนนั้น...น่ารัก...น่ารักจนเขาอยากจะรวบตัวเข้ามากอดแล้วฟัดให้แก้มช้ำไปข้างหนึ่ง
เขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน ตลอดชีวิตที่ผ่านมา รามินทร์คือชายหนุ่มผู้ยึดมั่นในกฎระเบียบและเหตุผล ความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้คือเส้นแบ่งที่เขาไม่เคยคิดจะก้าวข้าม แต่กับผู้หญิงคนนี้...เส้นแบ่งนั้นมันดูเลือนลางลงไปทุกที
ความคิดของเขาถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตูเบาๆ
“คุณหมอรามคะ คนไข้นัดบ่ายสองมาแล้วค่ะ” เสียงพยาบาลดังมาจากหน้าห้อง
รามินทร์เหลือบมองนาฬิกา...บ่ายสองพอดี เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เรียกสมาธิและความเยือกเย็นกลับคืนมา สวมแว่นตาแล้วปรับสีหน้าให้เรียบนิ่งเหมือนเดิม
“ให้เข้ามาได้เลยครับ”
ประตูเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของร่างที่เขาเพิ่งจะนึกถึงเมื่อครู่...คุณอัญชัญ อิงครัต
วันนี้เธอมาในชุดเสื้อเบลาส์สีขาวกับกระโปรงสีฟ้าอ่อน ดูเรียบร้อยน่ารัก แต่ใต้ตาที่ดูคล้ำเล็กน้อยนั้นบ่งบอกว่าเธอคงไม่ได้นอนหลับสบายอย่างที่ควรจะเป็น...ซึ่งเขาก็พอจะเดาสาเหตุได้
“สวัสดีค่ะคุณหมอ” เธอทักทายเสียงเรียบ พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แต่การที่เธอไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ นั้น เป็นการฟ้องทุกอย่าง
“สวัสดีครับ เชิญนั่ง” เขาตอบกลับเสียงเรียบเช่นกัน ผายมือไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
เธอนั่งลงอย่างว่าง่าย กอดกระเป๋าถือไว้บนตักแน่นเหมือนเคย เป็นท่าทางป้องกันตัวที่เขาเริ่มจะคุ้นตา
“วันนี้ไม่มีเรื่องด่วนอะไรใช่ไหมครับ ถึงได้มาตรงตามนัดได้” เขาเปิดประเด็นด้วยการแขวะเธอเบาๆ ตามสไตล์
ข้าวปั้นช้อนตาขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ติดจะประชดประชันเล็กน้อย “ก็ไม่อยากโดนใครบางคนหาว่าดื้อน่ะสิคะ เลยต้องรีบมา”
รามินทร์ยกยิ้มในใจ...แม่สาวจอมแก่นเริ่มเผยฤทธิ์เดชออกมาแล้ว
“ดีแล้วครับที่คิดได้” เขายืนขึ้นเต็มความสูง “มาครับ เริ่มตรวจกันเลยดีกว่า”
เขาเดินนำเธอไปที่เตียงตรวจเหมือนทุกครั้ง ข้าวปั้นเดินตามมาอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ยังคงทิ้งระยะห่างจากเขาเล็กน้อย
“วันนี้วัดชีพจรก่อนแล้วกัน” เขาบอกพลางหยิบนาฬิกาจับเวลาเรือนเล็กขึ้นมา
“คะ? ปกติวัดความดันก่อนไม่ใช่เหรอคะ” เธอถามอย่างสงสัย
“วันนี้ผมอยากเปลี่ยนลำดับบ้าง...หรือคุณมีปัญหา?” เขาหรี่ตามองเธอผ่านกรอบแว่น
“มะ...ไม่มีค่ะ” เธอตอบเสียงอ่อย ยอมทำตามแต่โดยดี
“ยื่นข้อมือซ้ายมาครับ”
เธอค่อยๆ ยื่นแขนออกมาให้เขาอย่างลังเล รามิลรับข้อมือเล็กๆ นั้นไว้ในอุ้งมือของเขา ผิวเนื้อเนียนละเอียดและอุ่นจัดของเธอทำให้เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการควบคุมสีหน้าให้เรียบนิ่ง
เขาพลิกข้อมือเธอหงายขึ้น ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทาบลงบนตำแหน่งของเส้นเลือดแดงเรเดียลอย่างแม่นยำตามหลักการแพทย์ทุกประการ...แต่ในใจของเขานั้นกำลังคิดอีกอย่าง
ข้อมือเล็กๆ นี่...ถ้าโดนรวบด้วยมือเดียวก็คงอยู่หมัด
“ทำตัวตามสบายครับ ไม่ต้องเกร็ง” เขาพูดเสียงเรียบเมื่อรู้สึกได้ว่าเธอกำลังเกร็งข้อมือเล็กน้อย
เขาจ้องมองเข็มวินาทีบนนาฬิกาที่กำลังเดินไปข้างหน้า แต่สมาธิทั้งหมดกลับอยู่ที่ปลายนิ้วที่กำลังสัมผัสกับจังหวะการเต้นของชีพจรเธอ... มันเต้นเร็วกว่าปกติเล็กน้อย...เหมือนทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้เธอ
รามิลแกล้งทำเป็นมีสมาธิจดจ่อกับการนับ แต่ปลายนิ้วของเขากลับจงใจ...กดน้ำหนักลงไปมากกว่าเดิมเล็กน้อย และลูบไล้ผิวเนื้อเนียนละเอียดบริเวณข้อมือของเธอเบาๆ...ช้าๆ...
เขาเห็นเธอเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เหงื่อเม็ดเล็กๆ เริ่มผุดซึมขึ้นมาตามไรผมและต้นคอขาวผ่องของเธอ
...น่ากัด...
ความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย รามิลต้องรีบสลัดมันทิ้งไป ก่อนที่เขาจะเผลอทำอะไรที่ไม่เหมาะสมลงไปจริงๆ
“อืม... 95 ครั้งต่อนาที” เขารายงานผลเมื่อครบหนึ่งนาที “ยังเร็วเหมือนเดิม...ตื่นเต้นอะไรครับวันนี้?”
เขาปล่อยข้อมือเธอแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาตรงๆ ยิงคำถามที่รู้ทั้งรู้ว่าคำตอบคืออะไร
“ปะ...เปล่านะคะ! ก็...ก็เดินขึ้นบันไดมา มันก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา!” เธอรีบหาข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นที่สุด
“โรงพยาบาลเรามีลิฟต์นะครับคุณอัญชัญ” เขาตอบกลับอย่างใจเย็น “หรือว่าคุณแค่อยากจะออกกำลังกายให้หัวใจเต้นแรง...เวลามาเจอหมอ?”
คำพูดสองแง่สองง่ามของเขาทำให้ข้าวปั้นหน้าแดงก่ำ อ้าปากจะเถียงแต่ก็พูดอะไรไม่ออก
รามินทร์มองภาพนั้นด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้อีกก้าวหนึ่ง โน้มตัวลงมาเล็กน้อย จนใบหน้าของเขาอยู่ในระดับเดียวกับเธอ
“เหงื่อออกเยอะนะครับ” เขากระซิบเสียงพร่า ก่อนจะยกมือขึ้น...ใช้นิ้วหัวแม่มือปาดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่ซึมอยู่ข้างต้นคอของเธอออกให้อย่างแผ่วเบา...
สัมผัสที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันบริเวณซอกคอที่ไวต่อความรู้สึก ทำให้ข้าวปั้นสะดุ้งสุดตัว ขนลุกซู่ไปทั้งร่าง
“คุณหมอ!”
“ผมก็แค่...เช็ดเหงื่อให้คนไข้” เขายิ้มมุมปาก “เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้นะครับ”
เขายังไม่ยอมถอยห่าง ปลายนิ้วยังคงแตะค้างอยู่ที่ต้นคอของเธอ สายตาจ้องมองริมฝีปากอิ่มที่กำลังเผยอขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ...ดูนุ่ม...และน่าจูบ...
“หมอรามครับ...ผมว่าผมเจอแล้วว่าอะไรที่ทำให้หัวใจของคนไข้คนนี้...เต้นผิดปกติ” เขานึกในใจ ก่อนจะค่อยๆ ผละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง
ดูเหมือนว่า...การตรวจร่างกายในวันนี้...จะเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น