เรื่องราวก่อนหน้า
ณ เมืองใหญ่ของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืนริมฟุตบาทใล้กับบีทีเอสแห่งหนึ่งค่อนข้างคึกคักเพราะเต็มไปด้วยผู้คนที่จับจ่ายซื้ออาหารเย็นกลับไปทานที่พักหลังเลิกงานบางกลุ่มก็นั่งสังสรรค์กันเพราะวันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์แต่กลุ่มที่นั่งทานอาหารกันแล้วดูท่าจะไม่เฮฮาก็เป็นกลุ่มของณจันทร์พราวมุกและณิชา เพราะวันนี้มีข่าวร้ายก็คือณจันทร์ถูกไล่ออกโดยเรื่องไม่เป็นเรื่องในขณะที่ชีวิตของเธอกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต
“ทำไมโชคไม่ดีแบบนี้นะแม่ครูกำลังป่วยเค้ายังมาตกงานตอนนี้อีก”
ณจันทร์เอ่ยเสียงอ่อนเขี่ยช้อนไปมาบนจานข้าวพลาสติกสีฟ้าแม้นอาหารตรงหน้าจะเรียงรายไปด้วยของอร่อยและท้องของเธอก็ส่งเสียงร้องครวญครางเรียกร้องอาหารแต่เธอก็ไม่อยากตักมันเข้าปากแม้แต่คำเดียวเพราะเครียดที่มาตกงานช่วงที่แม่ครูของเธอป่วยและต้องการใช้เงินในการรักษา
“เพราะยัยน้ำเน่านั่นแท้ๆเลยงี่เง่าสารพัดไม่ถูกชะตาตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว”
พราวมุกสบถอย่างคนอารมณ์เสียเพราะเธอรู้ตั้งแต่แรกว่าน้ำหนึ่งลูกสาวของเจ้าของบริษัทบัญชีที่เธอและณจันทร์ทำงานอยู่ไม่ชอบพวกเธอตั้งแต่เข้าไปสมัครงานกันแล้วยิ่งพักหลังมานี้น้ำหนึ่งมาบริหารงานแทนพ่อของตัวเองเธอและณจันทร์ก็ชอบถูกหมายหัวเป็นพิเศษทำงานเสร็จแล้วก็ถูกให้แก้งานบ้างแกล้งให้อยู่จนดึกบ้างแล้วนี่ล่าสุดก็เล่นงานณจันทร์เรื่องทำงานไม่เรียบร้อยและไล่ออกตามอำเภอใจอีกตอนนี้พราวมุกก็ต้องทำงานที่นั่นโดยไม่มีณจันทร์เป็นเพื่อนไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง
“ช่างมันเถอะพราวไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องไม่ดีแล้ว”
ณิชาปรามให้พราวมุกเลิกพูดถึงคนที่ไม่น่าพูดถึงไหนๆณจันทร์ก็ถูกไล่ออกแล้วหากพูดอะไรมากก็จะเป็นการตอกย้ำความเสียใจของณจันทร์อีกณิชาแม้จะไม่ได้อยู่บริษัทเดียวกับเพื่อนรักทั้งสองแต่เธอก็พอรู้กิตติศัพท์ของน้ำหนึ่งจากปากพราวมุกอยู่บ้างเพราะพักหลังมานี้เพื่อนเธอกลับมาบ่นถึงผู้หญิงคนนี้ทุกวัน
“โสไม่รู้ว่าตะวันทำแบบนี้เพื่ออะไรทั้งที่ยอมรับปากที่จะหมั้นแล้วแท้ๆ”
โสภิตาที่นั่งอยู่ยนรถตู้คันหรูด้วยสีหน้าห่อเหี่ยวเธอเอ่ยกับสารภีพี่สาวของเธออย่างอ่อนใจกับลูกสาวคนเดียวที่ขยันสร้างเรื่องให้เธอได้ปวดหัวอยู่บ่อยๆ เธอสังหรณ์ใจเอาไว้ตั้งแต่คราแรกแล้วว่าปานตะวันลูกสาวของเธอจะต้องทำเรื่องอะไรก่อนที่วันงานหมั้นจะมาถึงแน่
“บ่นลูกตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรหรอกโสเธอก็รู้ว่ายัยตะวันชอบทำอะไรที่คาดเดาอะไรไม่ได้อยู่แล้วตอนนี้ที่ทำได้ก็คือภาวนาให้นักสืบตามตัวกลับมาได้เร็วๆเท่านั้น”
สารภีเห็นว่าพวกเธอคงทำอะไรไม่ได้มากนอกจากรอพึ่งนักสืบ
“เดี๋ยวโชคจอดรถก่อน”
โสภิตาดูจะมีความหวังอีกครั้งเพราะสายตาของเธอดันเหลือบไปเห็นใครบางคนที่คิดว่าเป็นลูกสาวของตัวเองแน่ๆจึงสั่งให้โชคคนขับรถจอดกะทันหัน
“ครับคุณโส”
“มีอะไรยัยโส”
สารภีเห็นท่าทีร้อนรนของโสภิตาเธอก็หันซ้ายหันขวาตามน้องสาวเช่นที่น้องเธอทำในตอนนี้
“เหมือนโสเห็นตะวันค่ะ”
ยังไม่ทันได้หันมาคุยกับสารภีให้รู้เรื่องดีเมื่อรถจอดได้โสภิตาก็รีบลงจากรถสาวเท้าก้าวสับย้อนไปที่ร้านอาหารริมฟุตบาทใกล้กับสะพานลงจากบีทีเอสทันที
“ยัยโส”
สารภีที่เรียกน้องไม่ทันเธอก็ต้องลงรถตามโสภิตาไปติดๆเพราะเชื่อว่ายังไงน้องสาวเธอก็ต้องตาฝาดเพราะคนอย่างปานตะวันไม่มาเดินข้างถนนเช่นนี้แน่นอนหากเป็นห้างหรูหรือหน้าร้านอาหารดีๆก็ว่าไปอย่าง
“ตะวัน”
เสียงเรียกของใครบางคนที่กำลังยืนใกล้กับโต๊ะของณจันทร์ทำสามสาวรีบหันตามต้นเสียงกันเป็นตาเดียว
“คุณน้าเรียกใครหรอคะ”
เป็นพราวมุกที่เอ่ยถามผู้หญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวดีดูมีชาติตระกูลแต่สีหน้าดูเศร้าหมองจนสามสาวรับรู้ได้ทั้งที่ยังมองได้ไม่นานและเป็นณจันทร์ที่มองไปยังหญิงวัยกลางคนตรงหน้าตาเขม็งสายตาของเธอมองเพ่งอย่างละเอียดด้วยรู้สึกคุ้นเคยกับคนตรงหน้าแปลกๆคุ้นจากในความรู้สึกแต่รู้ตัวว่ายังไงเธอก็เคยพบเจอกับผู้หญิงคนนี้มาก่อน
“อ..เอ่อ..ฉันคงจำคนผิดขอโทษด้วยนะหนู”
โสภิตามองไปยังหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนลูกสาวของเธอมากแต่ลักษณะองค์ประกอบด้านอื่นเช่นทรงผมการแต่งตัวหรือแม้กระทั่งเพื่อนๆที่นั่งอยู่ด้วยกันเมื่อมามองใกล้ๆเช่นนี้เธอก็รู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่ปานตะวันลูกสาวของเธอ
“โส..นี่..”
สารภีที่เดินตามโสภิตามาติดๆเมื่อมองไปยังหญิงสาวคนที่โสภิตามองเธอก็เกิดตกใจเล็กน้อยแต่ยังไม่ได้พูดอะไรก็ถูกโสภิตาดึงมือให้หันหลังกลับไปเสียก่อน
“โสจำคนผิดค่ะกลับกันเถอะค่ะพี่สา”
“แต่เด็กคนนั้น...”
สารภีเอ่ยเสียงเบากระซิบกระซาบกับโสภิตาขณะที่จูงมือกันเดินกลับไปที่รถ
“เหมือนตะวันมากใช่มั้ยคะ”
“ใช่”
“พี่สาคะขึ้นรถเถอะค่ะ”
โสภิตามองยังพี่สาวของเธอที่ยืนทำท่าคิดไม่ตกไม่ยอมขึ้นรถเสียทีจนเธอต้องเรียกเพราะตอนนี้รถที่ตามหลังมากำลังบีบแตรไล่กันแล้ว
“เอ่อ..อืม”
เมื่อสารภีขึ้นรถได้โชคก็ตีไฟเลี้ยวขอทางเพื่อขับรถออกไปทันที
“คุณน้าคนเมื่อกี้เค้าดูเศร้าแปลกๆเนอะ”
ณิชาเห็นผู้หญิงวัยกลางคนทั้งสองลับตาไปได้เธอก็พูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา
“นั่นสิ”
ณจันทร์ชะเง้อมองรถตู้คันหรูที่พึ่งแล่นออกไปจนสุดลูกตาแอบรู้สึกหดหู่กับสายตาของผู้หญิงคนที่มาทักพวกเธอเมื่อครู่อย่างบอกไม่ถูก
“เห็นเหมือนกัน”
พราวมุกพยักหน้าเห็นด้วยกันสองสาวก่อนตักข้าวเข้าปากคำโตทั้งคิดในใจอย่างคนปลงว่าไม่ว่าจะคนรวยหรือคนจนต่างก็มีเรื่องที่ต้องให้ทุกข์กันทั้งนั้น
“โชค..ขับรถกลับไปส่งพวกฉันที่ที่จอดเมื่อกี้”
สารภีคิดอะไรออกก่อนจะเอ่ยปากบอกให้โชคหาที่กลับรถ
“ครับคุณสา”
“กลับไปทำอะไรคะพี่สา”
โสภิตาหันมองพี่สาวเธอด้วยสีหน้าฉงน
“พี่คิดอะไรบางอย่างออก..ขอให้เด็กคนนั้นยังอยู่ที่ร้านนั้นด้วยเถอะ”
คำพูดของสารภียิ่งสร้างความสงสัยให้โสภิตามากขึ้นกว่าเดิม