ตอนที่ 2

1073 Words
“ข้ามากับเหมยเหม่ยเพียงเท่านั้น” ฟางซินตอบน้ำเสียงจริงจังขณะสายตาของนางไม่ยอมละไปจากไต้ซือเฒ่าซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ให้ชีวิตสำคัญยิ่ง “ฟางซิน...ตอนนี้ใครต่างต้องการตัวเจ้า จอมยุทธมากมายต่างควานหาตัวนางมารหมื่นบุปผา” “หึ...ก็ด้วยเหตุผลเดียวคือคัมภีร์เล่มนั้น” “ข้าได้เตือนเพ่ยหลินแล้วครั้งหนึ่งตอนฝากเจ้าไว้กับนาง ว่าอย่าให้เจ้าแตะต้องวรยุทธไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่าใดก็ตาม” “ท่านห้ามมิได้ดอก ในเมื่อข้านี้เองเป็นคนขอให้ท่านแม่สั่งสอนมันให้แก่ข้า” “ยุทธภพนี้หนอวุ่นวาย ใยเจ้าจึงยอมให้กิเลศฝ่ายต่ำครอบงำตัวเอง” “มิมีอำนาจใดจักครอบครองข้าได้!” น้ำเสียงหนักของนางบังเกิดลมพัดไหววูบจนเปลวเทียนที่จุดรอบอารามดับไปเกือบททั้งหมด ยังเหลือเปลวสีทองของเทียนต่อหน้าองค์พระและทำให้หยางเซินไต้ซือชะงักงันเมื่อเขานึกอะไรได้บางอย่าง “นี่คืออำนาจแห่งลมปราณภายในกายเจ้า มันหนักหน่วงและทรงพลังยิ่งจนอาจทำลายอารามเล็ก ๆ นี้ได้ในพริบตา ไม่สิ...มันอาจทำลายอารามในวัดนี้ได้ทีเดียวทั้งหมด ฟางซิน...นี่เจ้าฝึกวรยุทธจากคัมภีร์ฟางเหลยถึงขั้นสูงแล้วใช่หรือไม่” เมื่อถูกเตือนสติอารมณ์ของฟางซินจึงสงบลง นางตวัดสายตาเพียงน้อยเปลวไฟก็จุดขึ้นบนเทียนไขจนอารามเล็กสว่างไสวขึ้นอีกครั้งแต่ยังความตระหนกแก่ไต้ซือเฒ่ายิ่งนัก นางไม่ยอมตอบขณะหยางเซินไต้ซือส่ายหน้าและทอดถอนใจ “ฟางซิน...เจ้าไม่บอกข้าก็ไม่เป็นไร เมื่อเจ้ามาที่นี่ก็ดีแล้ว ข้ามีเรื่องที่อยากถาม...เมื่อไม่กี่วันมานี้มีคนจากราชสำนักเดินทางมายังเขาหวงซานแต่ถูกฆ่าตายทั้งหมด เจ้า...คือผู้ปลิดชีพคนเหล่านั้นใช่หรือไม่?” “ข้าไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องที่ท่านว่ามา” ผู้ฟังเลิกคิ้วขาวโพลนด้วยความฉงน “เจ้าว่าอย่างไรนะ นี่เจ้าแกล้งไม่รู้หรือว่าไม่รู้เรื่องจริง ๆ กันแน่” “ผิดก็ว่าผิด ถูกก็ว่าถูก ถึงข้าจะอยู่พรรคมารแต่ก็รู้ถึงคุณของสัจจะว่ามีค่ามากแค่ไหน สิ่งใดที่ข้าไม่ได้ทำจะให้ข้ารับว่าทำได้อย่างไร” “แต่มีหลักฐานบ่งบอกว่าคนของราชสำนักเหล่านั้นตายด้วยกลีบดอกไม้ปลิดวิญญาณซึ่งใคร ๆ ก็รู้ดีว่ามันเป็นอาวุธของนางมารหมื่นบุปผา” ฟางซินเลิกรอยคิ้วโก่งคมของนางขึ้นบ้าง แม้จะล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในยุทธภพหากนางมารแห่งวังหมื่นบุปผาให้รู้สึกฉงนต่อคำบอกเล่าของไต้ซือเฒ่า กลีบดอกไม้ปลิดวิญญาณคืออาวุธอันน่ากลัวเกรงของนางที่แปรเปลี่ยนกลีบดอกไม้บอบบางเป็นอาวุธคมกริบเด็ดชีพคนทีเดียวได้นับร้อยนับพัน สักครู่นางจึงยืดไหล่ขึ้นนัยน์ตาของฟางซินสะท้อนแสงจากตะเกียงดูกล้าแข็งขณะจ้องหน้าคู่สนทนาซึ่งอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ก้าว “แล้วข้าจะทำเช่นนั้นเพื่อจุดประสงค์อันใดเล่า ฆ่าคนที่มิใช่ศัตรูนั้นหาใช่สิ่งที่ข้าจะกระทำไม่” หยางเซิงไต้ซือลูบเคราสีดอกเลาและมีสีหน้าครุ่นคิด “บ้านเมืองกำลังวายวุ่น แคว้นต่าง ๆ แตกแยกออกราวแขนงสายน้ำ ผู้ใดได้ชื่อว่ากล้าแข็งจักต้องถูกโค่นล้มอำนาจเพื่อมิให้เป็นขวากหนามทางเดิน หากการตายของคนเหล่านั้นมิได้เป็นเพราะน้ำมือเจ้าก็อาจมีใครสวมรอยเพื่อป้ายสีความผิดให้ผู้คนยิ่งเกลียดชัง” “และข้าคือผู้ซึ่งยุทธภพเกลียดชัง” “มันอาจมิใช่เรื่องใหญ่หากหนึ่งในนั้นมิใช่บุตรสาวของอำมาตย์ใหญ่ผู้รับใช้ใกล้ชิดองค์ซ่งไท่จู่ และตอนนี้วังหลวงกำลังส่งคนมาสืบหาตัวคนผิดเพื่อนำกลับไปรับโทษ” “ทุกคนจึงพุ่งเป้ามายังข้า” “ฟางซิน” หยางเซิงไต้ซือร้องขึ้นเมื่อเห็นว่าฟางซินกำลังจะหันหลังกลับออกไปจากอาราม นางหยุดชะงักแต่ไม่ยอมหันกลับไปมองไต้ซือเฒ่ากระทั่งเขากล่าวขึ้น “ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้ากำลังฝึกปรือวรยุทธจากคัมภีร์เฟิงเหลยในขั้นสูงแล้ว แต่ก็ยังมิสูงสุด ข้าเพียงอยากเตือนเจ้าว่ามันเป็นคัมภีร์อันเยี่ยมยอดอย่างยากจะหาใดเปรียบและเป็นคัมภีร์อันตรายอย่างที่มิอาจมีวิทยายุทธใดเทียบเช่นกัน  เพราะหากเจ้าฝึกสำเร็จในขั้นสุดท้ายอาจถูกอำนาจฝ่ายต่ำครอบงำ  และเจ้ามิอาจหยุดการฝึกได้กลางคันหากก้าวสู่ขั้นสุดยอด เพราะหากเจ้าหยุดมันกายเจ้าจะถูกพลังแห่งจักรวาลภายในทะลุทะลวงตัวเองจนลมปราณแตกซ่าน และที่สำคัญ...” ไต้ซือเฒ่าหยุดคำกล่าวไว้ชั่วลมหายใจ “ฟางซิน...เจ้ามิอาจมีความรักได้ เพราะผู้ที่จะสำเร็จคัมภีร์เฟิงเหลยคือผู้ที่ต้องรักษาพรหมจรรย์ หากวันใดที่เจ้าสูญเสียมันไปนั่นหมายความว่าเจ้าต้องสูญสิ้นกำลังภายใน วรยุทธที่เจ้าฝึกฝนและสั่งสมทั้งหมดมีค่าแค่หนึ่งลมหายใจของเจ้าเท่านั้น” “ข้าไม่มีความรัก...จักไม่มี...ตลอดชีวิต” จบคำของนางประตูอารามก็เปิดออกด้วยกำลังลมปราณกล้าแข็ง ฟางซินก้าวออกไปอย่างเชื่องช้าราวกลีบดอกไม้ปลิดปลิวลิ่วไปตามสายลมก่อนประตูปิดลง ด้านหน้าอารามเล็กนั้นมีใครอีกคนยืนรออยู่ด้วยความสงบ เหมยเหม่ย ในชุดรัดรึงสีแดงดังจอมยุทธหญิงคือผู้ติดตามใกล้ชิด นางก้มศีรษะลง “ท่านประมุข...เสร็จธุระของท่านแล้วจะกลับวังบุปผาสวรรค์เลยหรือไม่” “ยังก่อน” เหมยเหม่ยช้อนตาขึ้นมองประมุขพรรคบุปผาสรรค์และเห็นความแปลกประหลาดเมื่อนางถอดเสื้อคลุมสีแดงชั้นนอกออกเหลือเพียงเสื้อคลุมสีขาวห่อหุ้มเสื้อสีแดงด้านในก่อนตามด้วยเครื่องประดับผมเป็นปิ่นปักดอกไม้ขนาดใหญ่ยื่นให้ผู้ติดตามคนสนิท เหมยเหม่ยรับมันไว้และก้มหน้าลงอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD