ค่ายกิจกรรมของมหาวิทยาลัยแถบภาคเหนือของประเทศไทยแห่งหนึ่ง รุ่นพี่ปีสี่คณะศิลปกรรมศาสตร์สาขาทัศนศิลป์ได้จัดกิจกรรมรับน้องขึ้นตามธรรมเนียมของมหาวิทยาลัยทุกปีการศึกษา
“เฮ้ย! ไอ้คริต ตื่นได้แล้วมึง”
โจ๊กปลุกเพื่อนสนิทที่นั่งหลับยาวตั้งแต่รถทัวร์วีไอพีเริ่มเคลื่อนออกจากรั้วมหาวิทยาลัยฯ กระทั่งรถทัวร์จอดสนิท
“หืมม...” ชาคริตบิดขี้เกียจพอเป็นพิธี หลังจากแอบงีบเอาแรงไว้ทำกิจกรรมรับน้อง
“ทำตัวให้มันกระชุ่มกระชวยหน่อย มึงเบิ่งตาดูพวกสาวๆ ในคณะเราตอนไม่ได้สวมเครื่องแบบนักศึกษาสิวะ”
“น้องรหัสกูถึงจะดูเรียบร้อยไปหน่อยแต่ก็น่ารัก”
โจ๊กพูดถึง ‘แป้ง’ เด็กสาวปีหนึ่งซึ่งมีรูปร่างผอมบางกระทัดรัดที่สวมเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขาสามส่วนแบบเข้ารูป แล้วใช้ศอกกระทุ้งชาคริตตอนที่มองไปทางน้องรหัสของเพื่อนซี้
“ส่วนน้องดาว อื้อหืออ... คนสวยนี่รู้จักแต่งตัวว่ะ”
ชื่อทัดดาวของน้องรหัสสาวสวยทำให้ชาคริตตาสว่าง วันนี้เธอสวมเสื้อยืดเน้นทรวดทรงไซส์อวบอั๋นล้นบรากับกระโปรงผ้ายืดสั้นแค่ต้นขาอวดน่องเรียวงามชวนน้ำลายสอ ยามขยับยกแขนเขยื้อนขาไขว้ห้างแต่ละท่าแต่ละทีเล่นเอานักศึกษาชายพากันกระวนกระวายอยู่ไม่สุข
ถึงแม้ทัดดาวจะแต่งตัวล่อเสือล่อตะเข้ แต่เท่าที่เขาสังเกตเห็น เธอไม่ใช่ผู้หญิงนิสัยไม่ดีหรือปล่อยเนื้อปล่อยตัวมั่วผู้ชาย ทว่าตรงกันข้าม ทัดดาวติดจะขี้อายและถือเนื้อถือตัว
“ออกค่ายคราวนี้มึงคงกะเจาะไข่แดงน้องทัดดาวสินะ”
โจ๊กถามเสียงเบา เพราะสังเกตเห็นสายตาของชาคริตที่ใช้มองทัดดาว ขนาดเขาเป็นผู้ชายด้วยกันยังรู้สึกหนาวแทนคนถูกมอง
“สวยเซ็กซ์นมใหญ่ขนาดนั้น คงโดนไอ้ท็อปฟันจนปลิ้นไปแล้วล่ะ”
“แต่กูว่ายังว่ะ”
“มึงรู้ได้ยังไง”
“รูปหล่อพ่อรวยkวยไม่เคยแห้งแบบไอ้ท็อป ถ้ามันได้ฟันน้องดาวแล้ว มันจะไม่โทรเช็คความประพฤติแฟนทุกชั่วโมงแบบนี้”
“หืมมม...” ชาคริตทำเสียงสูง
“กูแอบฟังน้องเขาคุยโทรศัพท์” โจ๊กกระซิบกระซาบ
แค่คิดว่าท็อป(อาจจะ)ยังไม่ได้แอ้มทัดดาว ชาคริตก็เกิดความรู้สึกกระตือรือร้นอยากสอยดาวขึ้นมาติดหมัด
“กูไปช่วยน้องรหัสถือกระเป๋าก่อนนะโว้ย”
ชายหนุ่มรีบก้าวขายาวๆ ข้ามตักโจ๊กที่นั่งอยู่ริมทางเดินอย่างใจร้อนและไม่สนว่าจะถูกโจ๊กด่าไล่หลัง “ไอ้ฟวาย ไม่รอกูเลยนะมึง”
+++++
“ไม่มีใครลืมของไว้บนรถใช่ไหมครับ”
อำพลหนุ่มใหญ่วัยสามสิบกะรัตตะโกนถามบรรดาหนุ่มสาวนักศึกษา ก่อนจะปิดประตูเก็บสัมภาระใต้ท้องรถทัวร์วีไอพีแบบยี่สิบสี่ที่นั่ง
“ทุกคนถือกระเป๋ามาแค่คนละใบ คงไม่มีใครลืมอะไรหรอกค่ะ”
กานดาประธานนักศึกษาสาขาทัศนศิลป์ คือคนตอบแทนเพื่อนๆ
“โอเค ถ้าอย่างนั้นอีกสามวันเจอกันครับ”
“ฟ้าเริ่มมืดแล้ว พี่อำพลน่าจะกินข้าวเย็นและค้างกับพวกเราก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับ”
น้ำเสียงแสดงความห่วงใยเป็นพิเศษของกานดาทำให้อำพลเกิดความลังเล โชเฟอร์หนุ่มใหญ่ยกแขนมองดูนาฬิกาข้อมือแบบชั่งน้ำหนักเหตุผล
“นะคะพี่”
กานดาอ้อนทั้งน้ำเสียงและสายตา เธอเจตนาแสดงออกให้อำพลรู้ว่ากำลังทอดสะพานอย่างเปิดเผย เพราะบริเวณลานจอดรถในเวลานี้มีเพียงเขาและเธอแค่สองต่อสอง
ส่วนหนุ่มสาวคนอื่นๆ ต่างก็รีบร้อนเดินมุ่งหน้าตรงไปยังอาคารที่พักเพื่อจับจองเตียงนอนและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่
“ดีเหมือนกัน นั่งขับรถมาทั้งวันพี่ก็อยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”
กานดาก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มสมใจ เมื่อเห็นว่าอำพลกลับขึ้นไปบนรถทัวร์อีกครั้งเพื่อหยิบสัมภาระส่วนตัว เฉียบพลันเธอก็เกิดความคิดบางอย่าง
“ลืมของหรือครับ”
เขาถามเมื่อเธอขึ้นมาบนรถและเดินเข้าไปข้างในส่วนของผู้โดยสารด้านหลัง
“กานหาโทรศัพท์มือถือไม่เจอ คิดว่าน่าจะทำตกไว้บนรถค่ะ”
สาวมหาลัยคนสวยทำท่าก้มๆ เงยๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะนั่งคุกเข่าบนพื้นทางเดินแล้วหมอบตัวเพื่อมองหาของด้านล่าง โดยไม่สนว่ากางเกงยีนส์ขาสั้นที่สวมจะร่นขึ้นรั้งขึ้น จนแคมคู่อวบอูมปริปลิ้นลอดเป้ากางเกงด้านหลังอย่างน่ามอง
ท้องฟ้าด้านนอกกลายเป็นสีส้ม จึงทำให้บรรยากาศด้านในรถทัวร์สลัวลางยิ่งกว่า ทว่าอำพลกลับไม่แสดงน้ำใจช่วยหญิงสาวหาของหรือแม้แต่เปิดไฟภายในรถให้เธอ หนุ่มใหญ่เอาแต่ยืนขาแข็ง เพราะระดับพื้นห้องคนขับรถต่ำกว่าห้องผู้โดยสาร
ระดับสายตาของเขาจึงปักเข้าเป้าของกานดาอย่างจัง... g)