“กลับกันเถอะ” ลิตาที่ยืนรอน้องสาวอยู่เอ่ยขึ้น “ไปรอที่รถกันเถอะ พ่อกับแม่กำลังไปลาคนอื่น ๆ อยู่นะ”
“ค่ะ” กิ่งฟ้าเดินเข้ามาสวมกอดแขนของลิตาแล้วเอาศีรษะซบที่ไหล พี่สาวตัวสูงกว่าเธอเล็กน้อย
“ทำไมตอนนี้ถึงได้อ้อนพี่ละ มีอะไรหรือเปล่า ทุกอย่างราบรื่นดีไหมเขาไม่ได้พูดอะไรไม่ดีกับกิ่งใช่ไหม”
“ไม่มีค่ะ” เธอเงยหน้ามายิ้มกับพี่สาว
“คุณมาธัส” ลิตาเอ่ยทักขึ้นเมื่อมองเห็นชายหนุ่มที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะที่เป็นนักธุรกิจอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จมีใครบ้างที่จะไม่รู้จักผู้ชายคนนี้
แต่เขาต่างออกไปจากทุกครั้งที่ได้เจอกัน ชุดสูทที่ว่าสวมแล้วหล่อเหลามาวันนี้กลับหล่อมากกว่าเพียงแค่สวมใส่เสื้อเชิตธรรมดากับกางเกงยีนเพียงเท่านั้น
“คุณลิตาจะกลับแล้วเหรอครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ สายตาจ้องมองไปทางกิ่งฟ้าแล้วยกยิ้มมุมปาก
“ค่ะ คุณมาธัสก็กำลังจะกลับเหมือนกันเหรอคะ”
“ครับ เอาไว้พบกันนะครับ” เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้น แล้วเดินตรงไปยังรถสปอร์ตสุดหรูที่จอดนิ่ง
“พี่รู้จักเขาด้วยเหรอคะ” กิ่งฟ้าเอ่ยถาม เธอจ้องมองท้ายรถยนต์ที่ขับออกไปจากคฤหาสน์
“รู้จักสิใครบ้างจะไม่รู้จัก คนที่หล่อแบบนั้นทั้งยังทำงานเก่งมากด้วยในสายธุรกิจผู้ชายคนนี้ถือว่าน่ากลัวมากนะ ชื่อเสียงความเก่งและความเด็ดขาดเขาเป็นที่หนึ่งเลยล่ะ”
“เด็ดขาดเหรอคะ?” ความสงสัยของเธอไม่หมดเพียงเท่านั้น ดูยังไงมาธัสก็ไม่น่าจะมีนิสัยแบบที่พี่สาวของเธอพูด เท่าที่ได้รู้จักกับเขาเมื่อก่อนแล้วมันช่างห่างชั้นกับความเป็นจริงที่ได้รู้ในตอนนี้
“ใช่เขาเป็นคนที่เด็ดขาด ไปสายแค่วินาทีเดียวเขาก็ไม่เซ็นสัญญาด้วยแล้ว เพื่อนพี่เจอมากับตัวเลยนะ” ลิตายังคงเล่าเรื่องของมาธัสให้เธอฟังอีกหลายเรื่อง “มีอะไรสนใจคุณมาธัสเหรอ”
“เปล่าค่ะ” เธอรีบปฏิเสธทันที ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเธอในอดีต
“ถ้าพี่ไม่หมั้นก่อน พี่ว่าคงได้แต่งกับเขาแน่เลย” ลิตายิ้มอย่างอารมณ์ดี “ได้สามีหล่อก็ดีนะ เป็นอาหารตา”
“พี่พูดแบบนี้เป็นด้วยเหรอคะ ปกติก็เห็นแต่ฟังคำสั่งแม่ คู่หมั้นของพี่ก็หล่อดีออกเป็นลูกครึ่งด้วย” เธอไม่เคยเห็นว่าที่พี่เขยตัวเป็น ๆ สักครั้ง เห็นแค่รูปภาพที่พี่สาวส่งมาให้ดูเพียงเท่านั้น
“ก็หล่อแต่พี่ชอบหล่อแบบไทย ๆ มากกว่า” ใบหน้าของเธอก็ยังคงยิ้ม มาธัสเป็นผู้ชายที่สาว ๆ หลายคนต่างใฝ่ฝันถึงแม้จะมีข่าวเรื่องหญิงสาวออกมาบ่อยครั้ง
“พี่คะ” กิ่งฟ้าขานเรียกคนนั่งอยู่ด้านข้าง “พี่คิดว่า...งานหมั้นของหนูจะยกเลิกได้ไหมคะ”
“ไม่รู้สิ กิ่งลองคุยกับแม่อีกทีดีไหม เดี๋ยวพี่จะช่วยคุยให้อีกแรง” ถึงจะมองไม่เห็นทางแต่ก็อยากให้น้องได้ลองทำตามใจสักครั้ง
“กิ่งกลัวแม่จะดุค่ะ” หากเลี่ยงได้เธอก็อยากจะเลี่ยง ไม่อยากปะทะอารมณ์กับมารดาเพราะยังไงเสียสุดท้ายแล้วคำตอบก็มีอยู่ในใจ
“มนุษย์แม่น่ากลัวสินะ” เธอหัวเราะขำก่อนที่คนเป็นแม่และพ่อจะขึ้นมานั่งบนรถ
“ออกรถ” เสียงของวิณีดังขึ้น “มาถึงเมื่อไหร่”
“ตอนบ่ายโมงค่ะ” กิ่งฟ้าตอบคำถามคนเป็นแม่ “พรุ่งนี้หนูมีไปงานจัดแสดงนะคะ”
“ไร้สาระ รับปากแม่แล้วไม่ใช่เหรอ ว่ากลับมาแล้วจะตั้งใจศึกษางานกับพี่”
“ค่ะ แต่หนูขอแค่ครั้งนี้ได้ไหมคะ พอดีอาจารย์ที่โรงเรียนเก่าท่านอยากให้กิ่งไปร่วมเป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันนะคะ หนูรับปากท่านไปแล้วด้วยนะคะ”
“ดีนิ ทำอะไรไม่เคยบอก ตามใจเถอะ” มารดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจหันมองไปทางสามีที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูงานในไอแพด
“คุณก็อย่าว่าให้ลูกนักเลย แค่ไปเป็นกรรมการตัดสินไม่เห็นจะเป็นอะไร ส่วนเรื่องงานก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ ลูกกลับมาบ้านแล้วคุณก็ควรสบายใจได้แล้วนะ” ปรีชาเอ่ยให้ภรรยาใจเย็นลง
“ใช่ค่ะคุณแม่ ยังไงน้องก็จะมาทำงานกับหนูอยู่แล้ว เดี๋ยวหนูจะสอนงานให้น้องเองไม่ต้องห่วงนะคะ”
“เข้าข้างกันเข้าไป โอ๋แบบนี้ไงถึงเป็นแบบนี้ ถ้าฟังคำที่แม่พูดหน่อยน้องของลูกจะเรียนสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับครอบครัวเราแบบนี้เหรอ ศิลปะบ้าบออะไรเรียนแล้วมาช่วยงานที่บ้านได้ไหม” วิณียังคงพูดสิ่งเดิมซ้ำ ๆ
*****************
บอกเลยว่าแม่ตัวตึงมาก
ตึงแบบเจอทีไรปวดหัวทุกที