เสียงนาฬิกาปลุกตอนเช้าในห้องพักนักศึกษาดังขึ้น ลินยกมือกดปิดเสียงอย่างเหนื่อยล้า ทั้งที่เมื่อคืนเธอแทบไม่ได้นอน เพราะมัวแต่นอนคิดถึงคำสัญญาที่เพิ่งให้ไว้กับภีมใต้ต้นหูกวาง
“ถ้าวันหนึ่งเราหายไป…เธอจะตามหาฉันมั้ย”
น้ำเสียงของตัวเองยังคงก้องอยู่ในหู เธอไม่ได้ถามเพราะอยากโรแมนติก แต่เพราะลึก ๆ แล้วเธอสัมผัสได้ถึงเงามืดบางอย่างที่กำลังจะมาถึง
⸻
คาบเรียนเช้าวันนั้น ภีมยังคงเป็นคนเดิมที่สร้างสีสันให้ห้อง เขาหยอกเพื่อน แซวรุ่นน้อง และไม่ลืมที่จะเอาใจลินด้วยการแอบส่งโพสต์อิทเล็ก ๆ ที่เขียนข้อความเล่น ๆ อย่าง “วันนี้สวยจัง มีแฟนยังครับ”
ลินแกล้งทำหน้างอน แต่หัวใจกลับอบอุ่นเสมอเมื่อได้เห็นลายมือเขา
แต่ความสุขนั้นอยู่ได้ไม่นาน เมื่อโทรศัพท์ของลินสั่นครืด ๆ ระหว่างนั่งในห้องสมุดตอนบ่าย สายที่โทรเข้ามาคือ “คุณแม่”
เธอก้าวออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก สีหน้าของลินที่กลับเข้ามาหลังจากนั้นซีดเผือด รอยยิ้มที่เคยสดใสหายไปจนเพื่อน ๆ สังเกตเห็น
ภีมเอียงคอมองแล้วถามเบา ๆ “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ลินส่ายหน้า “ไม่มีอะไร…แค่เรื่องที่บ้านนิดหน่อย”
เขารู้ดีว่าเธอกำลังฝืนยิ้ม แต่ก็เลือกที่จะไม่เซ้าซี้ เพียงแค่ยื่นมือไปจับมือเธอแน่น ๆ อย่างเงียบ ๆ
⸻
คืนนั้น ลินกลับไปถึงหอพักด้วยใจหนักอึ้ง โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็น “คุณพ่อ”
เสียงของพ่อหนักแน่นและเฉียบขาด
“ลิน…พรุ่งนี้เก็บของให้เรียบร้อยนะลูกเราจะต้องกลับบ้านกับเรา”
“คุณพ่อคะ แต่หนูยังเรียนไม่จบ…”
“เรียนต่อที่นั่นไม่ได้แล้ว ครอบครัวเรามีเหตุผลของเรา และอีกอย่าง…คุณเกริกกับคุณหญิงท่านอยากให้ลูกไปทำความรู้จักกับลูกชายเขา”
มือของลินเย็นเฉียบ เธอรู้ว่าประโยคนั้นหมายถึงอะไร คู่หมั้น…ที่เธอไม่เคยเลือกเอง
⸻
วันรุ่งขึ้น ภีมมารอเธอที่หน้าตึกเรียนเหมือนทุกวัน แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือใบหน้าซีเรียสของลินและกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่เธอลากติดมือมา
“ลิน…จะไปไหนน่ะ?” ภีมถามทั้งตกใจทั้งสับสน
เธอกัดริมฝีปากแน่น พยายามไม่ให้เสียงสั่น “ที่บ้านให้กลับไปอยู่ด้วย…อาจจะไม่ได้กลับมาเรียนที่นี่แล้ว”
ภีมขมวดคิ้วทันที “ทำไมล่ะ? ก็ใกล้เรียนจบแล้วนี่ อีกแค่ปีเดียวเอง”
“ภีม…” ลินพยายามพูด แต่เสียงก็สั่นพร่า น้ำตาเอ่อคลอ “บางอย่างมันไม่ใช่สิ่งที่เราจะเลือกได้”
ภีมจับแขนเธอไว้แน่น “อย่าพูดแบบนั้นสิ! ไหนเราสัญญากันแล้วไง ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
คำพูดนั้นเหมือนมีดที่กรีดลึกเข้าไปในใจของลิน เธออยากกอดเขา อยากร้องไห้ อยากบอกทุกอย่าง แต่ภาพของพ่อแม่ที่เธอไม่กล้าฝืนคำสั่งก็ฉุดรั้งไว้
“ภีม…อย่าห้ามฉันเลยนะ” เธอกลั้นใจพูดออกไป ก่อนที่น้ำตาจะไหลพราก
⸻
ภีมชะงักไป เหมือนคำพูดนั้นทำให้เขาถูกตัดขาดจากโลกทั้งใบ เขาพยายามยิ้มทั้งที่หัวใจแตกสลาย “พูดบ้าอะไรล่ะ…เราก็สัญญากันแล้วนี่ไง”
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้กอดเธอ รถยนต์สีดำคันใหญ่ก็มาจอดรออยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย คนขับเปิดประตูให้เธอด้วยท่าทีที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ลินมองภีมเป็นครั้งสุดท้าย รอยยิ้มบนใบหน้าชุ่มน้ำตานั้นคือภาพที่เขาไม่มีวันลืม ก่อนเธอจะก้าวขึ้นรถไป…และประตูปิดลง
⸻
ภีมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ราวกับเวลาหยุดเดิน เสียงเครื่องยนต์ที่ค่อย ๆ ห่างออกไปคือเสียงเดียวที่ดังในหู
หัวใจเขาเจ็บปวดเหมือนถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แต่ลึก ๆ แล้ว เขารู้มาตลอด…ว่าวันนี้อาจต้องมาถึง
เพราะเขาเองก็เก็บความลับบางอย่างที่ไม่เคยบอกลินเอาไว้
ความลับที่ชื่อว่า “โรคร้าย!!”