ตอนที่ 4 รอยตราปรารถนา

1105 Words
สิบปีก่อน… ณ โรงทอผ้าสกุลฝู ‘ฝูจิ้นหง เจ้าลูกสารเลว ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วให้เลิกทำนิสัยเช่นนี้ ปีนี้เจ้าเปลี่ยนสาวใช้มากี่คนแล้ว หากเจ้ายังทำนิสัยมักมากกินไม่เลือกอยู่เช่นนี้ ข้าก็จะไม่ขอมีลูกชั่วๆ อย่างเจ้าอีก!’ นายท่านฝูชี้หน้าด่าทอบุตรชายคนรองอย่างเกรี้ยวกราด แม้บุตรชายคนนี้ของเขาจะเก่งกาจทั้งบุ๋นและบู้ ทว่านิสัยมักมากเจ้าชู้ประตูดินแม้แต่สาวใช้ในบ้านก็ยังไม่ละเว้น ทำให้นายท่านฝูเหลือทน ด้วยเพราะห่วงหน้าตาวงตระกูล สตรีเหล่านั้นล้วนถูกนายท่านฝูจ่ายเงินปิดปากไล่ให้กลับบ้านนอกทุกนางไป แต่ด้วยนิสัยมักมากของบุตรชายที่ไม่ยอมลดละในความสำราญ จึงทำให้ฝูจางเหว่ยรู้สึกเอือมระอานัก ‘แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไร ท่านก็รู้ว่าข้าเป็นบุรุษย่อมมีความต้องการเฉกเช่นชายชาตรี หรือท่านพ่อจะให้ข้าชอบไม้ป่าเดียวกันรึ?’ ฝูจิ้นหงยังคงเถียงบิดากลับอย่างไม่ยอมลดละเช่นกัน ‘นี่เจ้า…เจ้านี่มัน…ฮึ่ย!’ เมื่อจนต่อคำพูดฝูจางเหว่ยก็สะบัดชายเสื้อเดินจากไปด้วยความโกรธเกรี้ยวสุดจะทน คืนพระจันทร์เต็มดวง เทศกาลโคมลอยมาเยือน… ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเหล่าผู้คนที่มาเยี่ยมชมเทศกาลโคมลอยแห่งเมืองหลิวหยาง เสียงเพลงพิณของเหล่าคณะละครต่างร้องรำละเล่นตามท้องถนน แสงสว่างจากโคมลอยล่องสู่ชั้นฟ้างดงาม กลิ่นอายแห่งความสุขช่างหอบพัดทั่วบริเวณ ทว่าบรรยากาศแห่งความสุขนั้นช่างล่องลอยมาไม่ถึงหญิงนางหนึ่งที่ยืนอยู่บนขอบสะพาน ดวงตางดงามดุจหงส์กลับฉายแววเจ็บช้ำปวดใจ นิ้วมือเรียวกำใบหย่าที่สามีของนางที่เพิ่งจะมอบให้ นางได้แต่ยืนมองอดีตสามีควงแขนสตรีนางอื่นเดินจากไปต่อหน้าต่อตา ‘แม่นางผู้นั้นแย่งสามีของเจ้าไปใช่หรือไม่?’ เสียงบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้น จางลี่จึงค่อยๆ หันกลับไปมองบุรุษที่อยู่ข้างหลังนางทั้งน้ำตาอาบแก้ม ‘เหตุใดท่านถึงรู้…’ ฝูจิ้นหงคลี่ยิ้มจางๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเล็กอย่างปลอบประโลม ‘เจ้าอยากจะแก้แค้นสามีของเจ้าหรือไม่’ จางลี่รีบพยักหน้ารัวๆ ทันทีอย่างไม่คิดชีวิต ‘หากเจ้าช่วยข้าแก้แค้นสามีชั่วผู้นั้นได้ ไม่ว่าเจ้าจะให้ข้าทำอะไรข้าก็ยอม!’ ใบหน้าที่ไร้การประทินโฉมของจางลี่หากมองเพียงผิวเผินก็เป็นเพียงหญิงชาวบ้านนางหนึ่ง ทว่าดวงตางดงามดุจหงส์ของนางช่างยั่วยวนเชิญชวนให้ฝูจิ้นหงอยากครอบครองยิ่งนัก หากจับแม่นางผู้นี้มาแต่งองค์ทรงเครื่องเสียใหม่ เกรงว่าคงไม่แคล้วเป็นโฉมสะคราญแน่ๆ ‘ได้! ข้าจะจัดการให้เจ้าประเดี๋ยวนี้ล่ะ’ เพียงพริบตาองครักษ์คู่กายอย่างหลี่จวินก็พลันปรากฏกายขึ้น ‘หลี่จวินจัดการคนผู้นั้นซะ!’ ทันทีที่ชายหนุ่มสั่งการ ร่างของชายผู้เป็นอดีตสามีของจางลี่ก็ถูกองครักษ์หลี่ถีบตกน้ำต่อหน้าธารกำนัลมากมาย เรียกเสียงหัวเราะมากมายจากผู้คนที่อยู่ทั่วบริเวณ เพราะชายผู้นั้นตะโกนหวีดร้องทั้งๆ ที่น้ำลึกเพียงแค่อก ส่วนหญิงงามข้างกายของชายผู้นั้นก็หาได้มีน้ำใจยื่นมือเข้าช่วยเหลือแต่อย่างใด หญิงผู้นั้นอายจนเดินเผ่นหนีไปเสียแล้ว ด้านจางลี่เมื่อเห็นดังนั้นก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าสามีของนางจะขี้ขลาดตาขาวถึงเพียงนี้ ตลอดระยะเวลาสามปีที่อยู่ร่วมกัน คนผู้นี้แสร้งวางอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงนาง ทว่าตอนนี้กลับร้องขอชีวิตไม่ต่างจากสุนัขขี้เรื้อนกลัวน้ำแต่อย่างใด ความรู้สึกเคียดแค้นและเจ็บปวดก่อนหน้าพลันถูกสายลมหอบใหญ่พัดหายไปจนหมดสิ้น ‘ต่อจากนี้…ข้าจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้บุรุษเช่นนั้นอีกต่อไป คุณชายข้าจางลี่ติดค้างท่านแล้ว…’ จางลี่ค่อยๆ น้อมกายคำนับฝูจิ้นหงจากใจจริง ทว่ามือเรียวกลับรีบคว้าร่างบอบบางมากอดแนบกาย ‘เจ้าไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก ข้าสัญญาว่าจะจัดการอดีตสามีของเจ้าให้หายไปไม่ให้มาเกะกะรกสายตาเจ้าอีก ดีหรือไม่…หืม?’ ริมฝีปากบางก้มลงกระซิบข้างใบหูเล็ก ถ้อยคำหวานชื่นล้วนพูดออกมาเอาอกเอาใจหญิงงามไม่ขาดสาย ‘คุณชายฝู…อย่าเจ้าค่ะ’ จางลี่ก้มใบหน้าเขินอาย แม้ว่านางจะไม่ใช่สตรีในห้องหอ ทว่าการปลุกเร้าของคุณชายผู้นี้ช่างยั่วเย้าและกลั่นแกล้งผู้อื่นนัก อารมณ์ซึมเศร้าก่อนหน้าพลันบินหายไปไกลแล้ว เปลี่ยนเป็นอาการกระเส่าเข้ามาแทนที่เสียได้ ‘แม่นาง เจ้ายินดีจะเป็นสหายคนสนิทของข้าหรือไม่’ เสียงแหบกระเส่าเป่ารดใบหูงาม ท่ามกลางบรรยากาศที่ครึกครื้น ใจดวงน้อยเริ่มเต้นระส่ำไม่เป็นตัวของตัวเอง ‘ได้…’ ณ เรือนเมฆา… ‘อย่า…’ จางลี่บิดกายหลบสัมผัสที่แสนเอาแต่ใจของฝูจิ้นหง อาภรณ์งดงามถูกเขาฉีกขาดไปเกินกว่าครึ่งอย่างที่หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งตัว ‘เหตุใดเจ้าถึงเอียงอายข้าด้วยเล่าลี่เอ๋อร์’ ดุจพยัคฆ์หิวเหยื่อ ลิ้นสากร้อนปาดเลียไปที่ติ่งหูเล็กด้วยความกระหายหิวเหลือทน ‘ท่านบอกให้ข้าเป็นสหายสนิทมิใช่หรือ? ไยถึงได้กระทำกับข้าเช่นนี้…’ แม้ว่าจางลี่จะพยายามปัดป้อง แต่ร่างกายของนางก็เริ่มสั่นระริกกับปลายลิ้นร้อนดุจเหล็กกล้านั่นเสียแล้ว ‘นั่นก็เพราะข้าอยากจะสนิทสนมกับเจ้ามากกว่านี้…อ่าห์…มิได้หรือ?’ ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มซุกไซ้ไปที่ซอกคอขาวผุดผ่อง พลางขบกัดผิวขาวเนียนจนขึ้นสีแดงเป็นจ้ำๆ ‘อะ…อืม…ยะ…อย่า…’ แม้มือเล็กจะพยายามปัดป้อง ทว่าร่างกายของนางก็เริ่มเกิดอาการร้อนรุ่มดุจเปลวเพลิง ‘อย่าช้าใช่หรือไม่ หืม…จุ๊บ!’ ริมฝีปากบางค่อยๆ ไต่จากซอกคอขาวผ่องลงมาถึงเนินปทุมถัน เมื่อริมฝีปากประทับแตะดูดที่ยอดอกงาม ดวงตาเรียวคมพลันสว่างจ้าและไม่อาจห้ามใจ ‘เหตุใดถึงได้หวานมันเช่นนี้ แม่โคแก่ของข้า…’ ลิ้นเรียวตวัดดูดรีดดึง ยอดถันสีชมพูระเรื่อช่างงดงามน่าบดขยี้ยิ่งนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD