ชีวิตใหม่ของคุณหนูจื่อรั่ว…
วันเวลาล่วงเลยผ่านมาสามเดือนแล้ว หลังจากที่จูจื่อรั่วและสาวใช้ข้างกายตัดสินใจเดินทางมายังเกาะสวรรค์แห่งนี้ ระยะทางจากบ้านเกิดมายังเมืองหลิวหยางไกลนับพันลี้ ระหว่างทางพวกนางต่างได้พบเจอผู้คนสิ่งและของมากมาย ทำให้สองนายบ่าวต่างเถลไถลเดินทางล่าช้ากว่ากำหนดนัก เมื่อเรือโดยสารเทียบท่า ทั้งสองก็รีบตระเวนออกเดินสำรวจเกาะสวรรค์แห่งนี้ทันที
‘คุณหนู เอ๊ย! คุณชายท่านจะรีบเดินไปไหนขอรับ รอบ่าวด้วย’ เจียวลู่รีบซอยเท้าวิ่งไล่ตามผู้เป็นนายด้วยอาการหอบเหนื่อย หลังจากคุณหนูลงจากเรือก็รีบเดินไม่รีรอนางเลยสักนิด
‘รีบตามมาเถอะ ประเดี๋ยวจะไม่ทันกาล’ จูจื่อรั่วหยิบแผนที่ออกมาจากอกเสื้ออย่างรีบเร่ง จุดหมายปลายทางของนางคือหอพิณสวรรค์ สายข่าวจากหอหมื่นบุปผาบอกนางว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการคัดเลือกสาวงามของหอพิณสวรรค์แล้ว หากนางพลาดโอกาสนี้ไปคงชวดโอกาสที่จะใกล้ชิดฝูจิ้นหงแล้วจริงๆ
หนึ่งชั่วยามต่อมา…
ดวงตาคู่งามจ้องมองสิ่งก่อสร้างงดงามวิจิตร ตัวอาคารอยู่ติดริมมหาสมุทรดั่งดินแดนสรวงสวรรค์ งดงามราวกับตำหนักในของวังหลวงไม่มีผิดเพี้ยน
‘ว้าว! ข้าเพิ่งจะเคยเห็นหอคณิกาที่สวยสดงดงามเช่นนี้ เกินคำบรรยายจริงๆ’ ในขณะที่จูจื่อรั่วกำลังชื่นชมความงามของหอพิณสวรรค์ เสียงเรียบนิ่งของสตรีงดงามนางหนึ่งก็เอ่ยถามขึ้น
‘เจ้ามาจากที่ใดรึแม่นาง…’
จูจื่อรั่วรีบหันขวับไปตามที่มาของเสียงทันที ‘เจ้าถามผู้ใดรึ?’
จางลี่คลี่ยิ้มหวานพลางเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าจูจื่อรั่วราวกับเจอสินค้าชั้นเลิศ ‘แม่นาง แม้ว่าเจ้าจะแต่งกายเป็นบุรุษ แต่ก็ไม่อาจจะหลอกลวงสายตาแม่เล้าอย่างข้าได้หรอกนะ หากข้าคาดเดาไม่ผิด เจ้าคงเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่จากแดนไกลใช่หรือไม่’
คำพูดของของแม่เล้าจางลี่เล่นเอาจูจื่อรั่วถึงกับสะอึก นางไม่เคยพานพบสตรีผู้ใดที่สายตาแม่นยำเท่าหญิงผู้นี้มาก่อน
‘เจ้าเป็นใครกันแน่?’ จูจื่อรั่วเริ่มรู้สึกหวาดระแวง นางเริ่มรู้สึกหวาดกลัวว่าความลับของนางจะถูกสตรีผู้นี้ล้วงออกมาจนหมด เพียงพบกันคราแรกสตรีผู้นี้ก็สามารถคาดเดาความเป็นมาของนางได้ขนาดนี้ นับว่าแม่เล้าแห่งพอพิณสวรรค์ผู้นี้เป็นบุคคลไม่ธรรมดาสมคำเล่าลือเลยจริงๆ
‘เชิญแม่นางเข้ามาด้านในก่อนดีหรือไม่’ จางลี่คลี่ยิ้มหวานพลางผายมือเชื้อเชิญ
‘ได้…’ แม้ว่าจูจื่อรั่วจะรู้สึกสองจิตสองใจและหวั่นๆ แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากเดินเข้าไปด้านใน
ภายในห้องรับรองประดับตกแต่งหรูหรา หากแต่ใจหญิงงามกลับเต้นระส่ำด้วยความหวาดระแวง อารมณ์สุนทรีย์ก่อนหน้าต่างบินหายไปเมื่อเจอแม่เล้าผู้นี้
จางลี่รินน้ำชาหอมชั้นหนึ่งลงในจอกกระเบื้องช้าๆ กลิ่นไอชาชวนให้จิตใจผู้คนรู้สึกสงบผ่อนคลายยิ่งนัก
‘ชานี้มีชื่อว่าชาใจสงบ เชิญดื่ม’ นิ้วมือเรียวงามดุจลำเทียนเคลื่อนจอกชามาวางไว้ตรงหน้าหญิงสาว สายตาคมกล้าค่อยๆ สังเกตสินค้าชั้นเลิศอยู่เงียบๆ
หลังจากยกชาดื่มจนหมด อารมณ์ร้อนใจก่อนหน้าของจูจื่อรั่วก็ค่อยๆ สงบลง กลิ่นหอมของใบชาช่างเปรียบเสมือนมีเวทมนต์ ทำให้ผู้คนที่หลงใหลในรสสุราเช่นนางลืมทุกข์แล้วหันมาดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบข้างได้อีกครั้ง
‘หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงคิดจะใช้หอพิณสวรรค์ของข้าตามหาสิ่งของบางอย่างใช่หรือไม่’ เมื่อเห็นท่าทีของหญิงงามผ่อนคลาย จางลี่ก็เริ่มเปิดประเด็นถามจี้เข้าเป้าอย่างไม่มัวพิรี้พิไร
‘เหตุใดท่านถึงได้ถามดั่งรู้ว่าผู้อื่นคิดอะไรอยู่ แม่นางจาง ท่านมีจุดประสงค์ใดกันแน่?’ เมื่อถูกถามตรงๆ จูจื่อรั่วก็อยากจะรู้เช่นกันว่าสตรีตรงหน้านางจะมาไม้ไหน
‘ฮ่าๆ คุณหนู ไยท่านต้องหวาดระแวงข้าเสียแล้วเล่า ข้าก็แค่คาดเดาตามสิ่งที่มองเห็นเพียงเท่านั้น’ ใบหน้างามดุจอสรพิษร้ายของแม่เล้าจางเผยให้เห็นความงามที่ทรงเสน่ห์ แม้ว่านางจะอายุล่วงเลยมาสามสิบปีแล้ว แต่ความงามของนางหาได้ผันแปรไปตามกาลเวลาไม่
‘สิ่งที่เห็น? แล้วท่านเห็นอะไรในตัวข้ารึ?’ ใบหน้างามเริ่มขมวดคิ้วงุนงง
‘อย่างแรก ปีนี้เมืองหลิวหยางของเรามีเรื่องราวมากมายที่ดึงดูดให้ผู้คนทั่วหล้ามาเยี่ยมเยือน หนึ่งในเรื่องเด่นๆ คงจะหนีไม่พ้นคุณชายฝูประกาศหาหญิงงามคู่ใจ ซึ่งประจวบเหมาะกับที่หอพิณสวรรค์ของเราประกาศหาดาวเด่นประจำปี มีหญิงงามมากมายต่างก็อยากเป็นบุปผางามอันดับหนึ่งของหอเราทั้งนั้น เพราะกฎของหอข้าผู้คนในเกาะสวรรค์แห่งนี้ต่างก็รู้กันดี ราตรีแรกมีค่าดุจทองพันชั่ง ตัวข้าค้าขายย่อมหวังผลกำไรที่เหมาะสมและไม่ขาดทุน เจ้าก็คงน่าจะรู้ว่าหญิงงามที่จะได้เป็นบุปผาอันดับหนึ่งของหอเรา ย่อมสามารถตั้งกฎสำหรับแขกที่จะมาประมูลราตรีแรกของพวกนางได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือสิ่งอื่นใด ข้าล้วนไม่ขัด ขอเพียงข้ารู้สึกไม่ขาดทุน ไม่ว่าสิ่งใดพวกเราล้วนคุยกันได้’
คำพูดของจางลี่คล้ายจะชักแม่น้ำทั้งห้าเอาผลประโยชน์มาหลอกล่อจูจื่อรั่วให้คล้อยตาม คำพูดที่ดูจริงใจและเป็นมิตรทำให้หญิงสาวเกือบจะรู้สึกคล้อยตาม แม้สิ่งที่แม่เล้าจางพูดจะดูน่าเชื่อถือและหลอกล่อต่อกิเลสภายในใจ แต่ในโลกใบนี้ย่อมไม่มีผู้ใดหว่านพืชแล้วไม่หวังผล แม้ว่าทุกอย่างจะดูง่ายดาย และเหมือนว่าสตรีตรงหน้านางจะคาดเดาเป้าหมายของนางออก แถมยังยื่นข้อเสนอให้นางเป็นดาวเด่นโดยไม่ต้องแข่งขันกับเหล่าบุปผานางอื่น เพียงแค่นี้จูจื่อรั่วก็รู้สึกทะแม่งๆ เสียแล้ว