ตอนที่ 3/1 หอพิณสวรรค์

1620 Words
ไม่ได้ๆ ข้าว่ายังไงมันก็ดูมีพิรุธอยู่ดี… จางลี่เผยรอยยิ้มกว้าง มือคู่งามเอื้อมมาจับมือเล็กดุจต้องการปลอบประโลม ‘เจ้าอาจจะรู้สึกหวาดระแวงและสงสัยในตัวข้า แต่เชื่อเถอะว่าการค้าในครั้งนี้ เจ้าย่อมเป็นฝ่ายได้กำไรหาได้ขาดทุนไม่’ จูจื่อรั่วรีบชักมือของนางกลับ ดวงตาคู่งามจ้องมองสตรีงดงามดุจอสรพิษเบื้องหน้าด้วยความหวาดระแวง ‘เหตุใดท่านถึงพูดดั่งล่วงรู้อนาคตล่วงหน้า…’ ‘เจ้าคงอาจจะไม่รู้ว่าหอพิณสวรรค์ของเรานอกจากจะเป็นหนึ่งในเรื่องของหญิงงามแล้ว การซื้อขายข่าวสารหอของข้าย่อมไม่เป็นสองรองใคร’ ‘หมายความว่าท่านรู้ว่าข้าคือผู้ใดอย่างนั้นรึ?’ จูจื่อรั่วถึงกับร่างแข็งค้างตกตะลึง ‘ที่แคว้นฉินของเจ้า หอหมื่นบุปผาคือสาขาย่อยของพวกเรา เหม่ยลี่หญิงงามจากแดนเหนือ เจ้าคงพอจะคุ้นชื่อของนางบ้างแล้วสินะ’ คำพูดของจางลี่ทำให้จูจื่อรั่วรู้สึกเกินบรรยายนัก นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าหอพิณสวรรค์จะมีเส้นสายมากมายถึงเพียงนี้ แสดงว่าสตรีผู้นี้ล่วงรู้ความลับของนางตั้งแต่แรกแล้วอย่างนั้นรึ? หลังจากสร้างความตื่นเต้นและประหลาดใจให้จูจื่อรั่วมามากพอสมควร จางลี่จึงไม่คิดจะกลั่นแกล้งนางต่อ ‘อันที่จริงแล้วข้าและเหม่ยลี่พวกเราต่างเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของนางก็ย่อมเป็นเหมือนผู้มีพระคุณของข้า หากไม่ใช่เพราะเจ้ายื่นมือช่วยนางจากคนชั่วในครานั้น เกรงว่าน้องสาวของข้าคงตายไปนานแล้ว เอาเถอะแม่นางจื่อรั่ว เหม่ยลี่ได้ให้คนส่งจดหมายเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าให้ข้าฟังจนหมดแล้ว และข้าก็รู้ดีว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าสัญญาว่าจะช่วยให้เจ้าสมปรารถนา และข้าก็หวังว่าเจ้าจะช่วยข้าเรื่องหนึ่งด้วยเช่นกัน…’ เรื่องราวมากมายกลับตาลปัตรพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าจนจูจื่อรั่วแทบตามเกมไม่ทัน สิ่งที่ยากจะคาดเดาและไม่น่าที่จะเป็นไปได้กลับสลับซับซ้อนเชื่อมโยงกันอีรุงตุงนังกันไปหมด นางไม่เคยรู้เลยว่าสหายรู้ใจอย่างแม่นางเหม่ยลี่แห่งหอหมื่นบุปผาจะกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานของแม่เล้าจางลี่ โอ้สวรรค์! ท่านทำให้ข้ามึนงงจนจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้วจริงๆ ทั้งจูจื่อรั่วและเจียวลู่ได้แต่นั่งมึนงงหลังจากฟังเรื่องราวทุกอย่างจากแม่เล้าจางสาธยายมายาวเหยียด ในโลกใบนี้มีสิ่งใดบ้างที่จะเป็นไปไม่ได้และเป็นเรื่องบังเอิญ! ‘ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าคงรู้สึกสับสนและยากที่จะคาดเดา จูจื่อรั่วเจ้าสัญญากับข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่ หลังจากที่เจ้าได้ผ้าไหมสกุลฝูมาครอบครองแล้ว เจ้าต้องช่วยข้าแก้แค้นคนผู้หนึ่ง เจ้ารับปากข้าได้ไหม?’ สำหรับจางลี่แล้วนางไม่เคยทำการค้าที่ขาดทุน หลังจากนางยื่นข้อเสนอให้จูจื่อรั่วได้คล้อยตามจนสำเร็จ นางย่อมคาดหวังให้อีกฝ่ายตอบแทนสิ่งที่นางลงทุนลงแรงไปด้วยเช่นกัน! เมื่อเรื่องราวทุกอย่างถูกเฉลยจนหญิงสาวเลิกหวาดระแวงและสงสัยแม่เล้าจาง โฉมสะคราญก็ไม่อาจที่จะอกตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือยามยากได้ โดยที่นางหาได้เฉลียวใจเลยว่า สิ่งที่นางได้ตกปากรับคำกับผู้อื่นในครานี้กำลังจะเป็นโซ่ตรวนพันธนาการทั้งชีวิตของนางในอนาคต ‘ได้สิพี่ลี่ ไม่ว่าท่านจะให้ข้าบุกน้ำลุยไฟเช่นไร ข้าย่อมไม่เกี่ยงแน่นอน ข้าสัญญาว่าหลังจากที่ข้าได้ของที่ต้องการแล้ว ข้าจะช่วยท่านสุดกำลังเชียวล่ะ’ ใบหน้างามเผยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร ทว่าสาวใช้ข้างกายอย่างเจียวลู่กลับรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ และไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เจียวลู่รีบหันไปกระซิบผู้เป็นนายเสียงเบา ‘คุณหนู ท่านจะไม่ถามแม่เล้าจางบ้างหรือว่านางอยากให้ท่านช่วยเรื่องใด?’ ทว่ายังไม่ทันที่จูจื่อรั่วจะทันได้คิดตาม จางลี่ก็พูดสวนขึ้นมาดั่งรู้ใจ ‘สิ่งที่ข้าจะให้เจ้าทำนั้น เมื่อถึงเวลาก็ไม่ถึงกับเหลือบ่ากว่าแรงของเจ้าแน่นอน มาๆ เรามาดื่มชากันดีกว่าน้องจื่อรั่ว จากนี้ไปเจ้าจะรับข้าเป็นพี่สาวอีกคนได้ไหม?’ เพื่อหลอกล่อให้เหยื่อเช่นจูจื่อรั่วตายใจ ความมากเล่ห์ดุจอสรพิษร้ายเช่นจางลี่ย่อมมีแผนการที่จะรับมือกับหญิงงามอยู่มากมายนัก แม่เล้าจางแอบคลี่ยิ้มอยู่ในใจ ‘ได้สิพี่ลี่ ท่านว่าสิ่งใดดีข้าก็ไม่ขัดทั้งนั้น แต่ว่าตอนนี้ข้าอยากจะดื่มเหล้ามากกว่าชา พี่สาวข้าหอเหล้าดอกท้อสักไหได้หรือไม่’ จูจื่อรั่วรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก การได้พบจางลี่ในครั้งนี้คล้ายกับเจอเพื่อนเก่าที่พลัดพรากจากกันมานาน การที่อีกฝ่ายยอมเปิดเผยจุดประสงค์ทั้งหมดอย่างไม่มีปิดบังซ่อนเร้น ทำให้กำแพงที่อยู่ในใจของจูจื่อรั่วก่อนหน้านี้พลันพังทลายลงจนหมดสิ้น หญิงสาวจะรู้หรือไม่ว่าการเชื่อใจใครง่ายดายมากเกินไป ในครานี้จะนำมาซึ่งความยากลำบากให้แก่นางในตอนท้ายก็เป็นได้ ‘ได้สิน้องรัก’ ดวงตางดงามดุจอสรพิษร้ายเปล่งประกาย ‘เด็กๆ นำสุราดอกท้อหมื่นลี้มาให้ข้าที’ ‘เจ้าค่ะ!’ หวนคืนสู่ปัจจุบัน… นับเป็นเวลากว่าสามวันที่ฝูจิ้นหงและองครักษ์ข้างกายนอนสลบไสล กลิ่นหอมอ่อนๆ ถูกนิ้วมือเรียวงามจับห่อผ้าชุบยาหอมแกว่งไปแกว่งมา หลังจากสูดดมเพียงไม่นานเปลือกตาที่ปิดสนิทพลันลืมตาตื่นขึ้น ฝูจิ้นหงถึงกับสะดุ้งตื่น ใบหน้าหล่อเหลาซูบผ่ายผอมลงไปมาก สิ่งแรกที่ชายหนุ่มมองเห็นคือใบหน้างามของจางลี่ที่คอยปรนนิบัติพัดวี “เหตุใดถึงเป็นเจ้า!?” ฝูจิ้นหงจ้องมองจางลี่อย่างมึนงง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่ได้เจอหญิงงามในคืนนั้น “หึๆ คุณชายฝู ท่านนี่ช่างเลอะเลือนเสียจริงๆ ท่านนอนหลับอยู่ที่หอพิณสวรรค์ของข้า หากไม่ใช่ข้าที่คอยปรนนิบัติพัดวีท่านแล้วจะเป็นผู้ใดรึ?” จางลี่ยังคงพูดยิ้มๆ ไม่เผยอาการใดๆ นางรู้สึกสนุกที่ได้เห็นสหายเก่าเมาหมดท่าเช่นนี้ “จางลี่! เจ้าอย่ามาเล่นลิ้นกับข้านะ ในเมื่อข้าประมูลราตรีแรกของแม่นางเหม่ยลี่ได้ ก็ต้องให้นางมาคอยปรนนิบัติข้าสิถึงจะถูก เหตุใดถึงได้เป็นหญิงแก่เช่นเจ้าไปได้” คำพูดประโยคสุดท้ายของฝูจิ้นหงยังไม่วายพูดจิกกัดแม่เล้าจางเช่นทุกครั้งไป เมื่อถูกคำพูดที่แสนหยาบคายของฝูจิ้นหงปรามาศ จางลี่ก็จะไม่ยอมให้อีกฝ่ายจิกกัดนางแค่ฝ่ายเดียว “หึๆ คุณชายฝู ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าเจ้าได้สร้างวีรกรรมที่แสนโด่งดังอันใดไว้ ฮ่าๆ” “เจ้าจะพูดอะไรกันแน่?” ลางสังหรณ์ของฝูจิ้นหงกำลังร้องเตือนเขาอยู่ว่าสตรีใจดำอำมหิตเช่นจางลี่จะต้องสร้างเรื่องเพื่อเอาคืนเขาอยู่แน่ๆ ดวงตางดงามดุจหงส์ของแม่เล้าจางเปล่งประกายอำมหิตนิดๆ “เสียดายที่เจ้าหลับไปตั้งสามวันสามคืน ข่าวลือที่ว่าคุณชายฝูจิ้นหงผู้ทรงเสน่ห์เจ้าสำราญ เพียงราตรีเดียวกลับเมาหมดท่า แม้แต่สะกิดก็ยังไม่ฟื้น จะน่าสงสารก็แต่ยอดบุปผางามกลับต้องทนเหงาเดียวดาย ไฉนเล่ายอดบุรุษแห่งเมืองหลิวหยางช่างไร้น้ำยายิ่งนัก!” “นี่เจ้า!” ฝูจิ้นหงถึงกับกัดฟันกรอด ตลอดระยะเวลาสามสิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยถูกผู้ใดสบประมาทได้ถึงเพียงนี้มาก่อน ชื่อเสียงที่เขาเพียรสั่งสมมาก่อนหน้ากลับต้องมาป่นปี้เพราะสตรีอำมหิตเช่นนางรึ? จางลี่เจ้าทำข้าได้เจ็บแสบนัก… “ฝูจิ้นหง เจ้าเคยได้ยินคำนี้หรือไม่ แค้นสิบปีเอาคืนก็ยังไม่สาย…” และนี่ก็คือของขวัญชิ้นแรกที่ข้าจะมอบให้เจ้า หึๆ ในที่สุดฝูจิ้นหงก็เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างแจ่มแจ้ง ชายหนุ่มกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเคืองที่พลาดท่าเสียทีสตรีใจอำมหิตเช่นจางลี่ หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์เมื่อสิบปีก่อน เรื่องราววันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นกระมัง “ฝูจิ้นหง แม้ว่าอดีตข้าอาจจะเคยเป็นของเจ้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปัจจุบันข้าจะยังคงเหลือเยื่อใยไว้ให้เจ้า ข้าสัญญาว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เจ้าเจ็บปวดให้ไม่น้อยไปกว่าข้า!” จางลี่สะบัดกายลุกขึ้นยืน ดวงตาคู่งามจ้องมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาด้วยความเคียดแค้นและชิงชัง “เฮ้อ! นี่มันวันเฮงซวยอะไรกันแน่เนี่ย!” ฝูจิ้นหงสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสิบปีก่อน เขาก็อยากจะบ้าตายจริงๆ ให้ตายสิ! นี่ข้ามองข้ามความแค้นของนางไปได้อย่างไร สวรรค์! ข้าขอย้อนเวลากลับไปได้หรือไม่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD