ตอนที่ 2/1 ฤทธิ์สุรา

2006 Words
“หึ! คิดจะเห็นขาอ่อนของข้านะรึ? ฝันไปเถอะ!” ร่างงามถีบอีกฝ่ายเสียจนล้มไปนอนกองที่พื้น ก่อนที่นิ้วมืองามจะหยิบจอกเหล้าขึ้นมาดื่มดับกระหายเพราะเปลืองแรงไปเมื่อครู่ เพียงไม่นานเจียวลู่หญิงรับใช้ข้างกายก็รีบเดินเข้ามาในห้องอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณบ่งบอกว่านางก็ทำสำเร็จแล้วเช่นกัน “เจ้าจัดการคนข้างกายเขาแล้วสินะ” หญิงสาวเอ่ยถาม “เจ้าค่ะคุณหนู ข้าจัดการวางยาสลบองครักษ์ผู้นั้นเรียบร้อยแล้ว แต่เผื่อข้าจะทำสำเร็จก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ หากไม่ใช่เพราะท่านบอกให้ข้าใช้มารยาหลอกล่อ เกรงว่าเจ้าโคถึกผู้นั้นคงไม่หลงกลบ่าวง่ายๆ แน่นอนเจ้าค่ะ” เจียวลู่รีบรายงานคุณหนูด้วยใบหน้าแดงก่ำ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่นางถูกบุรุษหน้าเหม็นผู้นั้นฉกฉวยจูบแรกไป ก็คงไม่…. “เอาน่าๆ แค่จูบไม่ได้เสียตัวเสียหน่อย หากข้าไม่คิดแผนทายาสลบไว้ตรงริมฝีปากเจ้า เจ้าคิดหรือว่าจะวางยายอดฝีมืออย่างหลี่จวินได้” “เจ้าค่ะ” เจียวลู่หลุบตาต่ำแอบร้องไห้ในใจ เหตุใดคุณหนูช่างกลั่นแกล้งนางไม่หยุดหย่อนนักนะ เฮ้อ! “ถึงเจ้าจะด่าข้าในใจไปก็เปล่าประโยชน์ เจ้าก็น่าจะรู้เหตุผลที่ข้าทำเช่นนี้มากกว่าใครๆ หากไม่ใช่เพื่อหลุดพ้นจากกรงขังของสกุลจู ข้าคงไม่ยอมทุ่มสุดตัวถึงเพียงนี้” ดวงตาที่แสนงดงามฉายแววเศร้าเมื่อนึกถึงชีวิตที่ผ่านมา สามเดือนก่อนหน้านี้ ณ แคว้นฉิน ณ จวนเสนาบดี เพี้ยะ! ฝ่ามือหนาตบฉาดไปยังใบหน้านวลซีกซ้ายจนเป็นรอยฝ่ามือ ทว่าร่างบอบบางกับหาได้สั่นสะท้านกับแรงตบนั้นไม่ นางเพียงเอามือลูบไล้ใบหน้าของตนเองเบาๆ ใบหน้างามงดฉายแววเรียบเฉยไร้ซึ่งท่าทีต่อต้านใดๆ ‘จูจื่อรั่ว! เจ้านี่ช่างเป็นลูกอกตัญญูนัก คิดจะหนีออกจากบ้านอีกแล้วรึ? ที่ผ่านมาเจ้ายังสร้างเรื่องให้ข้าปวดหัวไม่พออีกรึอย่างไร เจ้าคิดหรือว่าการหนีออกจากบ้านครานี้จะทำให้ข้าใจอ่อนยอมยกเลิกไม่ให้เจ้าเข้าวัง ไม่มีทาง!’ จูจิ่นจงเสนาบดีฝ่าซ้ายแห่งราชสำนักแคว้นฉินด่าทอบุตรสาวอย่างเหลืออด ทว่าบุตรสาวตัวดีคนนี้หาได้หลาบจำไม่ ตรงกันข้ามนางยิ่งกระทำการเหิมเกริมท้าทายอำนาจด้วยการหนีออกจากบ้านไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คิดแล้วมันน่าตีให้ตายนัก ‘ท่านพ่อเพราะเหตุใด ตอนนี้พี่ใหญ่ก็เป็นถึงสนมคนโปรดแล้ว ท่านยังไม่พอใจอีกรึ? ไยท่านถึงได้ขยันส่งบุตรสาวของตัวเองเพื่อเป็นสะพานสนองอำนาจของตนไม่รู้จักจบจักสิ้นนัก ข้ายอมให้ท่านเฆี่ยนตีให้ตายยังดีกว่าทิ้งชีวิตอยู่ในวังหลวงนั่น!’ จูจื่อรั่วเผยความรู้สึกของนางอย่างไม่ปกปิด ในครานี้หากนางต้องถูกบิดาเฆี่ยนตายอยู่ในจวนแห่งนี้ นางก็จะไม่มีวันเสียใจ ‘เฆี่ยนนางซะ!’ เสนาบดีจูประกาศกร้าวเสียงดังด้วยความโกรธจัด เหล่าบรรดาบ่าวไพร่ต่างก็ไม่อาจที่จะขัดขืน พวกเขาจับร่างของคุณหนูรองจูจื่อรั่วมามัดกับเสาและจัดการใช้แส้เฆี่ยนนางตามคำสั่ง เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! ‘นายท่าน ได้โปรดอย่าเฆี่ยนคุณหนูเลยเจ้าค่ะ’ เจียวลู่สาวใช้ข้างกายคุกเข่าอ้อนวอนแทนเจ้านายของนาง ทว่าแววตาเย็นชาไร้หัวใจของเสนาบดีจูจิ่นจงกลับหาได้สนใจไม่ เสียงแส้ฟาดลงมาที่ร่างบอบบางดังไปทั่วทั้งเรือน ทว่าจูจื่อรั่วกลับไม่ร้องออกมาเลยสักแอะเดียว ผิวหนังที่เคยขาวผุดผ่องงดงามต้องเป็นรอยแผลเป็นเลือดไหลซึมออกมา ‘ฮือๆ คุณหนูอดทนไว้นะเจ้าคะ’ แม้เจียวลู่จะอยากช่วยเจ้านายของนางเพียงใดแต่ก็เปล่าประโยชน์ เพราะจูจื่อรั่วตอนนี้อยู่ในวงล้อมของบ่าวไพร่ที่คอยเฆี่ยนแส้หวายใส่ไม่ยั้งมือ ‘เจียวลู่ ข้าไม่เป็นไร…เจ้า…ไม่ต้องห่วงข้า’ จูจื่อรั่วพยายามข่มกลั้นความเจ็บปวดพูดปลอบใจสาวใช้ แม้ว่าตอนนี้นางจะเจ็บแสบเหลือทนก็ตามที ราวหนึ่งก้านธูปที่นางถูกเฆี่ยนตีจวนจะสลบไสล บิดาของนางจึงยอมใจอ่อนและสั่งให้บรรดาบ่าวไพร่พากันล่าถอยออกไป จะเหลือก็แต่เพียงนางและเจียวลู่เท่านั้น ‘เจ้านี่มันหัวแข็งเหมือนแม่ของเจ้าไม่มีผิด ดีนะที่นางตายไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเจ้าคงถูกนางตามใจจนเสียคนมากกว่านี้!’ คำพูดของบิดาทำให้จูจื่อรั่วที่กำลังจะสลบไสลไปเพราะความเจ็บปวดพลันลืมตาตื่นขึ้น ‘ท่านพ่อ! ท่านจะด่าทอต่อว่าข้าอย่างไรก็ได้ แต่ได้โปรดอย่าเอ่ยถึงท่านแม่เช่นนี้ได้หรือไม่ หากไม่ใช่เพราะท่านนอกใจท่านแม่…’ ‘หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้!’ จูจิ่นจงโกรธจนตัวสั่นเมื่อถูกบุตรสาวพูดจาจี้ใจดำ หากไม่ใช่รู้สึกผิดต่อแม่ของนาง มีหรือเขาจะยอมปล่อยให้บุตรสาวคนนี้จองหองอวดดีจนถึงตอนนี้ ‘ไม่! แม้ว่าวันนี้ข้าจะถูกท่านเฆี่ยนตีจนตาย ข้าก็จะไม่ยอมหยุดพูด คำมั่นสัญญาที่ท่านมีให้ไว้แก่มารดา มันก็เป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น เมื่อท่านมีอำนาจทุกอย่างก็แปรเปลี่ยนไป ความรักที่ท่านแม่มอบให้ท่าน กลับเป็นเพียงสิ่งไร้ค่าไร้ความหมาย เพราะนอกจากอำนาจแล้ว สิ่งอื่นย่อมไร้ราคาในสายตาของท่าน!’ เพี้ยะ! เพี้ยะ! เพี้ยะ! จูจื่อรั่วถูกตบจนใบหน้าหัน โลหิตสีแดงเริ่มไหลซึมออกมาจากมุมปาก ทว่านางกลับหาได้แยแสไม่ ดวงตาคู่งามแดงก่ำคล้ายจะร่ำไห้เพราะความเจ็บปวดเสียใจ แต่ที่นางยังต้องทนอดกลั้นหยดน้ำตาทุกหยาดหยดนั้นเอาไว้ ล้วนเป็นเพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้บิดาได้เห็น ‘คุณหนู…’ เจียวลู่รีบวิ่งเข้าไปกอดคุณหนูของนางด้วยความสงสารจับใจ นางไม่สามารถช่วยอะไรคุณหนูของนางได้เลย ‘ดี! ดี! ดี! ในเมื่อเจ้าต้องการอิสรภาพ ข้าก็จะมอบมันให้เจ้า หนึ่งปี หนึ่งปีเท่านั้น! ภายในหนึ่งปีนี้หากเจ้าไม่สามารถนำผ้าไหมจากโรงทอผ้าสกุลฝูมาได้สำเร็จ เจ้าก็อย่าหาว่าข้าเป็นบิดาที่แล้งน้ำใจก็แล้วกัน เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปไกลจนสุดหล้าฟ้าเขียวเพียงใด ข้าสัญญาว่าจะลากคอเจ้ากลับมาเข้าวังให้จงได้!’ พอพูดจบเสนาบดีจูก็สะบัดชายเสื้อจากไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ‘คุณหนู…ฮือๆ ท่านไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ บ่าวผิดเองที่ทำให้ท่านต้องถูกทำโทษเช่นนี้’ เจียวลู่ค่อยๆ แก้มัดให้คุณหนูของนาง สภาพของจูจื่อรั่วในตอนนี้ช่างบอบช้ำและน่าสงสารเป็นที่สุด ทว่าคนบาดเจ็บเจียนตายยังคงคลี่ยิ้มทั้งน้ำตา หยาดน้ำตาที่ทนอัดอั้นไม่ให้มันไหลก่อนหน้า มาตอนนี้มันได้ไหลอาบแก้มนวลราวกับทำนบแตก ตอนนี้นางรู้สึกปิติยินดีอย่างบอกไม่ถูก ขอบคุณสวรรค์ที่ท่านมีตา ในที่สุดความพยายามของนางก็ไม่เสียเปล่า ในความโชคร้ายอย่างน้อยก็ยังคงมีหนทางรอดให้นางได้เดินอยู่บ้าง แม้ว่ามันจะไม่ราบรื่นเลยก็ตามที ‘คุณหนูมันคุ้มแล้วหรือ? แผนการที่ท่านสู้วางมานานนับเดือน ข้ายังไม่รู้เลยว่าเมื่อถึงตอนนั้นจริงท่านจะสามารถนำผ้าไหมสกุลฝูนั่นกลับมาได้หรือไม่ ข้าว่าเรามาคิดแผนการอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ?’ เจียวลู่เอ่ยถามคุณหนูของนางอย่างเป็นกังวลใจ ไม่ผิด แผนการล่อเสือออกจากถ้ำนี้ล้วนเป็นความคิดของนางเอง หากไม่ใช่เพราะเมื่อเดือนก่อนมีข่าวไฟไหม้ตำหนักบรรทมของฮ่องเต้ ทำให้อาภรณ์ที่ตัดเย็บจากผ้าไหมสกุลฝูไหม้เกรียมจนไม่เหลือแม้แต่ซาก ด้วยพระพลานามัยที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ บวกกับอายุของฮ่องเต้ฉินที่มีมากเต็มที ชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไหมสกุลฝูจึงเป็นดั่งผ้าวิเศษที่ช่วยพยุงร่างกายของฮ่องเต้เฒ่าให้อายุยืนจนมาถึงบัดนี้ได้ หากเป็นเมื่อสามสิบปีก่อน แคว้นฉู่และแคว้นฉินของเรายังคงรักษาสัมพันธภาพไมตรีจิต ผ้าไหมสกุลฝูคงถูกส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการไม่ขาดสาย ทว่าความไม่แน่นอนคือความแน่นอนเสมอ มิตรที่เคยรักกลับแว้งกัดกลายเป็นศัตรู เมื่อแคว้นฉู่เรืองอำนาจ แคว้นฉินกลับถดถอยเพราะฮ่องเต้ลุ่มหลงในนารี แคว้นของเรากลับเป็นดั่งชิ้นเนื้อติดมันที่ถูกผู้อื่นรุกรานอยู่เรื่อยมานับตั้งแต่นั้น ‘ข้าต้องขอบคุณฮ่องเต้ที่มีพระราชโองการประกาศลงมาเช่นนั้น หึๆ เพื่อผ้าไหมผืนเดียว ถึงกับติดประกาศทั่วเมืองหลวง หากผู้ใดสามารถนำผ้าไหมสกุลฝูมาถวายพระองค์ได้สำเร็จ พระองค์จะมอบสิ่งที่ปรารถนาเพียงหนึ่งอย่างให้คนผู้นั้น ประจวบเหมาะกับข่าวลับที่ข้าสืบได้จากหอหมื่นบุปผาว่าคุณชายรองสกุลฝูประกาศหาหญิงงามมาคู่กาย หากทำให้คนผู้นั้นถูกใจได้ ข้าก็จะได้ผ้าไหมสกุลฝูมาครอบครอง ในเมื่อสวรรค์ประทานโอกาสมาให้ข้าแล้ว ลู่เอ๋อร์เจ้าจะให้ข้าคิดหาแผนการใหม่ได้อย่างไรไหว หากข้าพลาดโอกาสครั้งนี้ไป ชั่วชีวิตข้าคงไม่แคล้วอยู่ในวังเหี่ยวเฉาไปจนตายแน่ๆ’ จูจื่อรั่วพูดออกมาจนหมดเปลือก เพราะโอกาสในครั้งนี้เป็นตัวบ่งชี้และวัดชะตาชีวิตทั้งชีวิตของนาง หากนางพลาดโอกาสในครั้งนี้ไปแล้ว เกรงว่าคงไม่มีอีกแล้วจริงๆ ‘คุณหนูท่านแน่ใจแล้วหรือว่าจะทำสำเร็จเจ้าคะ ดูท่าคุณชายรองแซ่ฝูผู้นั้นท่าจะเป็นบุรุษมากรักเจ้าสำราญไม่เบาเลยนะเจ้าคะ คุณหนูข้าเกรงว่าท่านจะถูกคนผู้นั้นเอาเปรียบเอาได้’ เจียวลู่พูดด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าคุณหนูของนางในตอนนี้จะหมดสิ้นหนทางอื่นที่จะเลือกเดิน แต่นางก็กลัวว่านางจะหนีเสือปะจระเข้เสียจริงๆ ‘หากไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ดีว่าข้าไม่ได้อ่อนปวกเปียกเหมือนคุณหนูจวนอื่นๆ เพลง พิณ ภาพวาด หมากล้อมข้าล้วนไม่ชำนาญ แต่หากเป็นเรื่องอื่นข้ามั่นใจว่าข้าสามารถเอาตัวรอดได้’ จูจื่อรั่วพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจเป็นที่สุด สิบกว่าปีแล้วที่นางชอบแปลงโฉมเป็นบุรุษเที่ยวขลุกอยู่ในทุกตรอกซอกซอยในเมืองหลวง สิ่งใดบ้างที่นางไม่เคยเห็น ตั้งแต่ยาจกจนถึงเหล่าขุนนางฉ้อฉล บุรุษมักมาก สตรีไร้ยางอาย กลิ่นคาวโลกีย์ในหอโคมเขียว หญิงงามเลืองชื่อเป็นที่หมายปองของเหล่าบุรุษในหอคณิกา และที่สุดท้ายคือหอหมื่นบุปผา แหล่งรวมโลกีย์และแหล่งข่าวกรองชั้นดี รวมถึงแม่นางเหม่ยลี่หญิงงามจากแดนเหนือ พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นทั้งบทเรียนและประสบการณ์ให้นางได้เรียนรู้เติบโตจนถึงทุกวันนี้ได้ ‘เจียวลู่ เจ้าอย่าได้ถามอะไรข้าอีกเลยนะ ตอนนี้ข้าอยากจะพักเหลือเกิน ช่วยพยุงข้ากลับห้องที’ ข้าเหนื่อยเหลือเกิน เหตุการณ์ในวันนี้ช่างผลาญแรงกายแรงใจข้าจนเกือบจะตายไปเสียแล้ว เฮ้อ! ‘เจ้าค่ะ’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD