EP04 เอาดิ!
Iris’ Part
"ให้กูดูดปากมึงแทนมั้ยล่ะ?"
"..."
"ไม่ต้องใบ้แดกขนาดนั้นก็ได้กูล้อเล่น"
พอเห็นฉันอึ้งไปเซนน์ก็รีบพูดแก้ต่างทันทีแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ฉันตกใจน้อยลงเลย ไม่คิดว่าอยู่ๆ มันจะพูดแบบนั้นออกมา
ฉันไม่ชอบให้เซนน์สูบบุหรี่ไม่ชอบแบบไม่ชอบมากๆ มันทั้งเหม็นทั้งไม่ดีต่อสุขภาพอยากให้มันเลิกบุหรี่ไปเลย
ดูดปากฉันแทนสูบบุหรี่งั้นเหรอ มันช่วยได้ใช่มั้ย?
"ถ้าให้ดูดปากกูแทนแล้วมึงจะเลิกสูบบุหรี่เหรอ?"
"ก็...เลิกมั้ง" เซนน์ตอบอย่างไม่ใส่ใจเหมือนคิดว่าฉันถามเล่นๆ
“เอาดิ!”
“เอาไร?”
“กูยอมให้มึงดูดปากกูก็ได้ แต่มึงต้องเลิกสูบบุหรี่นะ!”
"มึงบ้าเหรอไอริส ใครเขาดูดปากกันแทนดูดบุหรี่กัน"
“เอ้า ก็มึงพูดเมื่อกี้"
ก็ถ้ายอมให้มันดูดปากฉันแทนแล้วมันเลิกบุหรี่ฉันก็ยอมนะ
ถึงจะฟังดูแปลกๆ ที่ต้องมาจูบกับเพื่อนตัวเองแต่ถ้าเป็นเซนน์ก็ไม่เป็นไรหรอกมั้งขนาดหอมแก้มยังเคยแล้วเลยเรื่องแค่นี้เอง
"กูพูดเล่นไง ดูดปากมึงจะอร่อยเหมือนดูดบุหรี่รึเปล่าก็ไม่รู้"
มันมองฉันอย่างอึ้งๆ แล้วปฏิเสธที่จะดูดปากฉันแทนบุหรี่อย่างเลี่ยงๆ แบบนี้คือมันจะไม่ยอมเลิกบุหรี่สินะ ไม่ยอมหรอก!
"งั้นกูให้ลองก่อน" ฉันเสนอให้มัน ตอนนี้ไม่รู้ด้วยแล้วยังไงเซนน์ก็ต้องเลิกบุหรี่
"ห๊ะ?" มันทำหน้างงเป็นเซนน์ตาแตก (ไก่ตาแตก)
“ถ้าดูดปากกูแล้วอร่อยกว่าบุหรี่ต่อไปมึงก็มาดูดปากกูแทนโอเคมั้ย?"
ฉันพูดพร้อมกับมองหน้ามันอย่างจริงจัง ไม่รู้ด้วยแล้วจะทำทุกอย่างให้มันเลิกบุหรี่ให้ได้เลย
"มึงมันบ้า"
"ไม่รู้แหละ กูไม่ชอบกลิ่นบุหรี่เวลากอดมึงแล้วมันเหม็น ไม่ชอบๆ"
เวลาที่อยากกอดอยากวอแวมันแต่ตัวมันมีกลิ่นบุหรี่ติดตัวฉันจะไม่เข้าใกล้มันเลยแหละจนเซนน์ต้องยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งที่เข้าใกล้ฉันหลังสูบบุหรี่ ไม่รู้จะใช้ชีวิตให้ลำบากทำไมแค่เลิกสูบก็จบแล้ว
"เอาแต่ใจ"
"จะลองไม่ลอง?" ฉันเอียงหัวมองหน้ามันแล้วถามอย่างหยั่งเชิง
"ลอง!"
หึ แล้วมาทำปากดีตั้งแต่แรก
"อะ ลองดิ" พูดจบฉันก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้มัน
"อย่ามาร้องไห้ทีหลังแล้วกัน"
"ไม่ร้องหระ...อื้อ~"
ฉันพูดยังไม่ทันจบก็โดนเซนน์ประกบปากลงมาทันที มันใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าฉันไว้แล้วปรับองศาให้รับจูบจากมันได้อย่างถนัด ลิ้นร้อนๆ ของเซนน์กำลังไล้เลียอยู่บนกลีบปากเล็กก่อนจะค่อยๆ สอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากฉันแล้วดูดดุนกับลิ้นฉันอย่างดูดดื่ม
“อืม...”
ฉันขยับลิ้นจูบตอบรับสัมผัสของเซนน์อย่างเผลอไผลเมื่อโดนชักจูงโดยลิ้นร้อนๆ จนได้ยินเสียงครางอย่างพอใจหลุดออกมาจากร่างสูงตรงหน้า เซนน์ยังคงตั้งใจดูดดึงริมฝีปากฉันต่อไปจากจูบที่เนิบนาบก็ดูจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนฉันต้องทุบอกมันแรงๆ เมื่อเริ่มหายใจไม่ทัน
นี่มันจูบสูบวิญญาณชัดๆ
"อ้ะ อื้อ ออแอ้ว (พอแล้ว) "
จ๊วบ!
เสียงดูดดึงริมฝีปากของฉันดังขึ้นเมื่อเซนน์ถอนจูบออกแต่ก็ยังไม่วายดูดดึงปากฉันแรงๆ ส่งท้ายอีกหนึ่งที อะ ไอ้บ้านี่ถ้าปากฉันเจ่อจะทำยังไง -*-
"แฮ่กๆ จะฆ่ากูหรือไง" ฉันหายใจอย่างเหนื่อยหอบเพราะโดนจูบสูบพลังจากคนตรงหน้าที่นั่งเลียปากอมยิ้มมองฉันอย่างพอใจอยู่
“หน้าแดงว่ะเขินกูเหรอ?”
เซนน์แซวฉันแถมยังส่งมือมาบีบแก้มฉันอีก โดนมันจูบจนหายใจไม่ทันขนาดนี้ก็ต้องหน้าแดงอยู่แล้วมั้ย ใครจะไปเขินมันกัน!
ไม่ได้เขิน!
“เขินที่หน้ามึงอะ กูหายใจไม่ทันเหอะ” แค่หายใจไม่ทันแต่ทำไมหัวใจของฉันต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วยเนี่ย ฮือ ฉันจะตายมั้ยอะ
"ยังไม่รู้รสชาติเลยขออีกครั้งได้ปะ?" ไอ้คนขี้แกล้งยื่นหน้าเข้ามาหมายจะจูบฉันอีกรอบแต่โดนฉันดันคางมันไว้ก่อน
"ตอแหล จะหลอกจูบกูอีกอะดิ"
"หึ มาฉลาดอะไรตอนนี้" มันบ่นพึมพำในลำคอกับตัวเองไม่ให้ฉันได้ยิน
"ห๊ะ?"
“เปล่า ช่างมัน"
เซนน์บอกปัดแล้วยกร่างฉันขึ้นไปนั่งลงบนตักมันไปด้วยซึ่งฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเซนน์มันชอบทำแบบนี้อยู่แล้ว ไม่รู้ทำไมมันถึงชอบให้ฉันนั่งตักมันจังไม่หนักหรือไงนะ
"สรุปดูดปากกูอร่อยกว่าบุหรี่ใช่ปะ" ฉันกอดคอเจ้าของตักแกร่งไว้หลวมๆ กันตัวเองตกจากตักมันแล้วเอียงหน้าถามอย่างล้อๆ เพราะจากจูบเมื่อกี้ก็พอจะเดาได้ว่าเซนน์มันพอใจแค่ไหน
“เหอะก็งั้นๆ" แต่มันกลับฉันกลับมาในสิ่งที่ตรงกันข้าม
"อ้าวไอ้บ้านี่ แล้วเมื่อกี้จูบกูเอาเป็นเอาตายคือไร" ถ้าฉันไม่ผลักออกมันก็ไม่หยุดด้วยซ้ำ แล้วมาบอก ‘งั้นๆ’ ไอ้คนขี้โกหก
"เออ อร่อยกว่างั้นต่อไปมึงต้องให้กูดูดปากมึงทุกวันแล้วนะกูถึงจะเลิกบุหรี่ได้" เซนน์ยอมรับในที่สุด ดีใจชะมัดที่ฉันเอาชนะมันได้
“อือฮึ แต่ถ้ามึงสูบอีกกูจะกัดให้ลิ้นขาดเลยคอยดู"
ฉันว่าพร้อมกับชี้หน้ามันอย่างคาดโทษ เอาวะยอมให้มันดูดปากแทนบุหรี่ไปก่อนถ้ามันเลิกบุหรี่ได้หายขาดเมื่อไหร่ค่อยเลิกให้มันดูดปากฉันต่อแล้วกัน
"หูย อยากโดนกัดจนลิ้นขาดจังเลย” เซนน์ทำหน้าทำตากวนประสาทฉัน เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่สงสัยอยากลิ้นขาดจริงๆ
"กวนตีน! ปล่อยได้แล้วจะไปนอน”
“เดี๋ยวไอ” ฉันกำลังจะลุกขึ้นจากตักแกร่งแต่กลับโดนคนตัวสูงรั้งเอวไว้ซะก่อน
“อะไรอีก” ง่วงแล้วจะไปนอนขี้เกียจคุยกับมันแล้ว
“เมื่อกี้...รสชาติยังไม่ค่อยชัดเลยวะ”
“แล้ว?”
“กูขอดูดใหม่ได้ปะ?”
"ไม่ดะ.. อื้อ!”
XOXO
@ University
Iris’ Part
"ไอริส”
“หืม ว่าไงแพรวา”
หลังจากอาจารย์ปล่อยให้เลิกคลาสฉันที่กำลังจะเดินออกจากห้องก็ถูกเพื่อนร่วมคลาสเรียนเรียกไว้จนต้องหยุดชะงัก
“เราขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย?"
"อ่า...ได้สิ"
ฉันตอบไปแบบนั้นแม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าแพรวามีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเด็กเรียนอย่างเธอมาวุ่นวายกับฉันแต่วันนี้กลับเรียกฉันไว้ให้ไปคุยด้วยนี่แปลกๆ
"เอ่อ..." แพรวาปรายตาไปมองเชอรี่ที่ยืนรอฉันอยู่ประมาณว่าอยากคุยกันแค่สองคน
"รี่มึงไปรอกูข้างล่างก่อนเดี๋ยวตามลงไป" เห็นแบบนั้นฉันจึงต้องหันไปบอกให้เชอรี่ลงไปรอก่อน
“เออๆ รีบมานะมึงเดี๋ยวผัวมึงถามหา"
"เออ!"
ผัวที่ว่าก็คงไม่พ้นเซนน์ที่ตอนนี้น่าจะมานั่งรอฉันที่ใต้คณะแล้ว ขี้เกียจจะแก้ที่มันชอบเรียกเซนน์ว่าผัวฉันแล้วล่ะ อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ
"เชอรี่หมายถึงใครเหรอ? เอ่อ...ผัวไอริสที่ว่าน่ะ” แพรวาถามฉันอย่างอึกอัก เห็นมั้ยพอฉันไม่แก้ก็มีคนเข้าใจผิดแบบนี้ไง
"อ่อ มันหมายถึงเซนน์น่ะอย่าไปสนใจเลย แพรวามีอะไรจะคุยกับเราเหรอ?" ฉันตอบแบบขอไปที รีบเข้าเรื่องเถอะง่วงแล้วอยากกลับไปนอน
"ก่อนอื่นเลยเราขอถามได้มั้ยว่าเซนน์กับไอริสคบกันอยู่หรือเปล่า?"
นี่คือเรื่องที่แพรวาจะคุยกับฉันงั้นเหรอ แปลกใจเหมือนกันที่อยู่ๆ เพื่อนร่วมคลาสคนนี้ก็เกิดอยากรู้อะไรเกี่ยวกับฉันขึ้นมาทั้งที่เราไม่ค่อยได้คุยกันด้วยซ้ำ
“ไม่ได้คบ เรากับมันเป็นเพื่อนกัน" ฉันตอบแพรวาไปตามความจริงจนแววตาที่ดูกังวลอยู่ก่อนหน้านี้ดูมีหวังขึ้นมา
คงไม่ใช่แบบที่ฉันคิดหรอกใช่มั้ย?
“จริงเหรอ เราเห็นคนเขาพูดกันว่าไอริสกับเซนน์คบกันอยู่แต่เพื่อความชัวร์เราก็เลยมาถามไอริสก่อนน่ะ"
สีหน้าที่เกร็งเครียดเมื่อกี้ของแพรวาเปลี่ยนเป็นดีใจขึ้นทันที แค่ฉันไม่ได้คบกับเซนน์ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นด้วยล่ะ
"เรากับมันเป็นเพื่อนกันจริงๆ ว่าแต่แพรวาอยากรู้ไปทำไมอะ" ฉันย้ำอีกรอบแล้วถามเธอกลับในสิ่งที่ตัวเองสงสัยไปตรงๆ
“เอาตรงๆ เลยนะ คือเราชอบเซนน์”
นั่งไงล่ะ
“เราอยากจีบเซนน์ ถ้าไอริสไม่ได้คบกับเซนน์งั้นช่วยเราได้มั้ย?"
"อะ เอ่อ..."
ฉันถึงกับใบ้กินเมื่อแพรวายอมรับตรงๆ คือฉันแค่อึ้งน่ะคนอย่างแพรวาที่เรียบร้อยจะตายไม่น่ามาชอบแบดๆ แบบเซนน์ได้ ไม่ได้อยากตัดสินใครนะแต่ไลฟ์สไตล์ของแพรวากับเซนน์ต่างกันมากจนฉันอดแปลกใจไม่ได้ที่เธอสนใจเซนน์น่ะ ยิ่งไปกว่านั้นแพรวายังมาขอร้องให้ฉันคนที่เธอไม่ค่อยจะคุยด้วยแค่เรียนเซคเดียวกันช่วยเนี่ยนะ
คิดอะไรอยู่เอ่ย เราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นหรือเปล่า?
"อ่า มันคงจะดูรบกวนไอริสเกินไปสินะเราก็คิดอยู่แล้วว่าอาจจะทำให้ไอริสลำบากใจ งั้นเราไม่รบกวนดีกว่า แค่รู้ว่าไอริสไม่ได้คบกับเซนน์เราก็โอเคแล้ว ^^"
แพรวาพูดยิ้มๆ เหมือนไม่ได้คาดหวังให้ฉันช่วยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เอาตรงๆ คือแค่มาหลอกถามว่าฉันคบกับเซนน์หรือเปล่าถ้าไม่ได้คบหล่อนก็จะจีบเองแบบนี้ใช่มั้ย
อืม เข้าใจล่ะ
"อื้อ ขอโทษทีนะแต่เราไม่ค่อยอยากยุ่งเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของเซนน์อะ"
ฉันพูดจริงๆ เพราะไม่อยากยุ่งเรื่องผู้หญิงของเซนน์เท่าไหร่ อันที่จริงไม่เคยยุ่งเลยเพราะเซนน์ไม่เคยคบใครเห็นมันแบดๆ แบบนี้แฟนมันก็ยังไม่เคยมีเลย
เซนน์ยังบริสุทธิ์นะจะบอกให้! (‘.’)
"เราเข้าใจๆ เดี๋ยวเราจะพยายามจีบเซนน์เอง งั้นเราไปนะ"
แพรวาพูดจบก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางอารมณ์ดี
จะจีบเซนน์งั้นเหรอ?
แล้วทำไมฉันถึงต้องรู้สึกหงุดหงิดไม่อยากให้แพรวาจีบไอ้บ้าเซนน์ด้วยเนี่ย!
.
.
"เอ้า เดินทำหน้าเป็นตูดมาอีกแล้วโดนหาเรื่องมาหรือไง?"
"เปล่า" พอเห็นฉันเดินลงมาจากตึกเรียนเซนน์ที่มานั่งรออยู่ใต้ตึกก็เอ่ยทักขึ้นทันที ฉันตอบกลับมันแบบเนือยๆ เซ็งๆ
พอเห็นหน้าหล่อๆ ของมันแล้วอยากข่วนให้เป็นรอยชะมัด หล่อนักหรือไง!
“เปล่าก็ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยดิ" พอเห็นฉันทำหน้าหงิกไอ้คนเสน่ห์แรงก็ยื่นมือมายืดแก้มฉันเล่นเหมือนทุกครั้งที่มันชอบทำ
“จิ๊! อย่ามาจับ” ฉันปัดมือมันออกพร้อมกับมองแรงใส่มัน จนมันทำหน้าเหวอขมวดคิ้วมองฉันอย่าง งงๆ
"หงุดหงิดไรวะ"
"เออ แพรวาคุยอะไรกับมึงอิไอ?" เชอรี่ที่นั่งดูดน้ำปั่นที่น่าจะเป็นเซนน์นั่นแหละที่ซื้อมาให้เพราะฉันเห็นมีแก้วสตรอว์เบอร์รี่ปั่นของโปรดฉันตั้งอยู่ด้วย เวลามารอรับฉันทีไรมันก็จะซื้อน้ำติดมือมาให้ฉันกับเชอรี่ทุกครั้ง ถ้าเป็นปกติคงรีบกินน้ำที่มันซื้อมาแล้วแต่วันนี้แค่เห็นหน้ามันฉันก็หงุดหงิดแล้ว
ไม่อยากคุยด้วย เบื่อ!
"ก็มาถามว่ากูคบกะเซนน์เหรอ แพรวาจะจีบมันอะ" ฉันตอบเชอรี่พร้อมกับชี้ไปที่เซนน์ที่นั่งทำหน้างงอยู่ว่าฉันอารมณ์เสียอะไรมา
"อ๋อๆๆๆๆ"
"มึงอ๋ออะไรเยอะจังวะ?"
ฉันมองเชอรี่อย่างสงสัย พอฉันตอบมันมันก็ทำท่าทางกรุ้มกริ่มก่อนจะถามฉันกลับพร้อมกับมองฉันอย่างล้อๆ
"นี่คือสาเหตุที่มึงหงุดหงิดใช่ไม่ใช่!"