สมัยเรียนมัธยม…
เจ้าถิ่น…
“สายลม ทำไมมานั่งหงอยตรงนี้ล่ะ”
ฉันเดินมานั่งลงข้าง ๆ ยัยเพื่อนซี้ริมสระว่ายน้ำก่อนจะถามขึ้นเมื่อไม่เห็นว่าอยู่ในงานเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ
“ลมไม่อยากห่างจากพีทเลยเจ้า”
หืม?
“อะไรกันสายลม เราเพิ่งอยู่มอห้าเองนะ อีกตั้งนานกว่าจะได้เข้ามหาลัยน่ะ”
ฉันยิ้มให้คนข้าง ๆ ที่มักเป็นกังวลและคิดอะไรไปก่อนเสมอทั้ง ๆ ที่เรื่องราวเหล่านั้นยังไม่เกิด ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเราจะเริ่มอ่านหนังสือและเตรียมตัวกันแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้เข้ามาหาลัยเร็ว ๆ นี้สักหน่อย
“แต่ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องห่างกันอยู่ดีนี่นา ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะคบกันแท้ ๆ แต่ก็ต้องแยกกันแล้ว”
อ่า… พีทมอสี่ สายลมมอห้า สองคนนี้เพิ่งคบกันได้ไม่นานหลังจากที่สายลมตามตื้อพีทจนยอมคบด้วย พอคบกันแล้วทำไมถึงคิดมากขนาดนี้เนี่ยหรือว่าคนมีความรักจะเป็นแบบนี้กันทุกคน?
“พอถึงวันนั้นสายลมโทรหาพีทบ่อย ๆ ก็ได้นี่นา วันหยุดก็นัดเจอกันก็ได้นี่ไม่เห็นเป็นไรเลย”
ฉันปลอบใจเพื่อนรักที่มีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก ถ้าเกิดถึงวันที่พวกเราต้องแยกย้ายกันไปเรียนแล้วเป็นวันที่เพื่อนกับคนรักต้องห่างกัน สิ่งที่ทำได้ก็คงมีแต่ติดต่อกันบ่อย ๆ และหาเวลามาเจอกันเท่าที่ทำได้แค่นั้นแหละ
“ช่วงนี้พีทไม่ค่อยสนใจลมแล้วอะ พีทเริ่มทำตัวห่างเหินลม พอโทรหาก็ไม่รับสาย แถมไม่ยอมออกมาเจอแล้วก็ชอบบ่ายเบี่ยงเวลาที่สายลมถามว่ายังรักกันอยู่มั้ย”
“พีทเพิ่งจะขึ้นอยู่สี่เองนะสายลม คงมีหลายอย่างต้องปรับตัว แล้วอีกอย่างช่วงนี้สายลมเองก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมเข้ามหาลัยด้วยนี่นา พีทอาจจะอยากให้สายลมตั้งใจอ่านหนังสือก็ได้”
ฉันปลอบใจคนข้าง ๆ ต่อเมื่อเห็นว่าสีหน้าเธอไม่ดีขึ้นเลย ฉันรู้ว่าสายลมรักพีทมากแต่ไม่คิดว่าจะรักมากถึงขนาดที่นั่งเครียดแบบนี้ พวกเรายังเด็กกันอยู่เลยนะทำไมถึงคิดอะไรเยอะแบบนี้ล่ะ
“พวกเราก็ผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาแล้วนี่นา สายลมเลิกคิดมากได้แล้ว ตอนนี้สายลมโพกัสเรื่องเตรียมตัวสอบแล้วก็ให้พีทปรับตัวช่วงชีวิตมอปลายดีกว่านะ”
ฉันพูดต่อพร้อมกับส่งยิ้มปลอบใจให้เพื่อน
“ยังต้องปรับอะไรอีกเจ้า นี่อยู่เทอมสองแล้วนะควรจะชินได้แล้วป้ะ”
“สายลม…”
“แต่พีทเปลี่ยนไปจริง ๆ นะเจ้า”
เพื่อนรักหันมาเถียงพลางทำสีหน้าไม่สบายใจราวกับว่ามีอะไรที่ยังไม่พูดออกมา ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปมองทิศทางอื่นด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์
“สายลมคิดไปเองหรือเปล่า ปกติเวลาสายลมให้พีททำอะไรหรือชวนพีทไปไหนพีทก็ไม่เคยปฏิเสธนี่นา ออกจะตามใจสายลมด้วยซ้ำ”
“ที่พีททำแบบนั้นก็เพราะว่ามีเจ้าไปด้… เฮ้อ! ช่างเถอะ ลมอาจจะคิดไปเองก็ได้”
คนข้าง ๆ พูดจบก็เดินกลับเข้าไปในงาน ฉันได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะเหนื่อยใจแทนเพื่อนที่มักมีนิสัยคิดมาก จนบางครั้งฉันก็แอบคิดว่าพอพีทโดนจู้จี้มาก ๆ เข้าอาจจะเบื่อสายลมจริง ๆ ก็ได้
“แต่พีทไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก ก็เห็นรักสายลมดีนี่…”
วันนี้ที่บ้านของสายลมจัดงานเลี้ยงปีใหม่และงานวันเกิดของสายลมขึ้นพร้อมกัน พวกเราหลายคนรวมทั้งรุ่นน้องมอสี่ที่เป็นเพื่อนสนิทของพีทก็ถูกเชิญให้มาร่วมงานด้วย ดีหน่อยที่พ่อแม่ของสายลมและผู้ใหญ่ท่านอื่นเขาไม่ได้เข้ามาร่วมงานกับพวกเราแต่แยกไปอยู่อีกโซน เด็ก ๆ อย่างพวกเราก็เลยทำตัวสบาย ๆ ได้ไม่ต้องเกร็งอะไร
“ผึ้งตามหาตั้งนาน ที่แท้ก็มาหลบอยู่ตรงนี้เอง”
เสียงใส ๆ ของเพื่อนซี้อีกคนเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับถือเครื่องดื่มสีแปลกตาติดมือด้วย ก่อนเจ้าตัวจะนั่งลงข้างฉันที่ยังคงนั่งอยู่ริมสระเหมือนเดิม
“เจ้ามาตามสายลมให้กลับเข้าไปในงานน่ะ ช่วงนี้สายลมเหมือนจะมีเรื่องเครียด เจ้าเลยไม่อยากให้ออกมานั่งข้างนอกคนเดียว”
ฉันตอบคนข้าง ๆ ก่อนจะสนใจขวดเครื่องดื่มที่วางอยู่ตรงกลางระหว่างเรา
“สายลมน่ะชอบคิดมาก ถ้าให้เดาก็คงเป็นเรื่องพีทใช่ปะ ผึ้งว่าลมน่ะไม่อยากไปเรียนกับพวกเราแล้วแหละเพราะมัวแต่ผูกจิตผูกใจไว้กับพีท แล้วยิ่งตอนนี้ลมใกล้เข้ามหาลัยส่วนพีทยังเรียนมอปลายแถมอยู่คนละที่ด้วยแล้ว ต้องมีแน่ ๆ ล่ะเรื่องที่สายลมจะมโนไปเองแล้วก็หาเรื่องพีทบ่อย ๆ น่ะ เชื่อสิเดี๋ยวสองคนนี้ก็เลิกกัน”
ผึ้งพูดต่อก่อนจะเปิดฝาขวดเครื่องดื่มสีสวยแล้วกระดกลงคอ ทว่ากลืนลงไปได้เพียงอึกเดียวคนข้าง ๆ ก็หันมาทำหน้ายี๋ใส่ฉันก่อนจะรีบวางขวดเครื่องดื่มสีสวยลงตามเดิม
“แหวะไม่เห็นจะอร่อยเลย เจ้าลองชิมดิ พวกผู้ชายแอบเอาเหล้าเข้ามาไม่ได้บอกพ่อกับแม่”
หาา?
และในคืนนี้เองก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น…
สายลมกับพีทถูกพ่อกับแม่จับได้ว่ามีอะไรกัน หลักฐานก็เป็นบรรดาเพื่อน ๆ และผู้ใหญ่อีกหลายคนที่ช่วยกันตามหาสองคนนั้นหลังงานจบแล้ว แต่ก็ไม่พบจนในที่สุดก็ไปเจอสองคนนอนอยู่ด้วยกันในห้องนอนของสายลม
ทางครอบครัวของพีทยินดีรับผิดชอบสายลมทุกอย่าง รวมถึงดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายการเรียนและอีกหลายเรื่องในชีวิตประจำวันของสายลมด้วย นั่นเป็นเหตุผลให้สองคนนี้ต้องหมั้นกันและได้ฤกษ์แต่งงานหลังเรียนจบมอปลาย
“สายลมเป็นอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
ฉันถามเพื่อนซี้ที่ตอนนี้นั่งทำหน้าหงุดหงิดอยู่ข้าง ๆ ระหว่างรอคุณครูเข้ามาสอน
“ก็มีคนมาบอกลมว่าพีทนัดเจอยัยน้ำเด็กห้องสี่ทับสองน่ะสิ วันนี้สายลมตามหาพีทตั้งแต่ช่วงพักก็ไม่เจอ โทรไปก็ไม่รับ เมื่อวานสายลมไปหาพีทที่บ้านแม่ก็บอกว่าพีทยังไม่กลับ สายลมรอจนมืดพีทก็ยังไม่กลับเข้ามา”
เพื่อนรักพูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจขณะที่มือก็กดโทรศัพท์ไปด้วย ยัยผึ้งที่นั่งอยู่ถัดไปจากสายลมถึงกับขมวดคิ้วพร้อมส่ายหัวไปมาราวกับเหนื่อยใจแทนเพื่อน
“ผึ้งว่าลมเลิกตามพีทแล้วสนใจหนังสือดีกว่ามั้ย ไหนบอกว่าเราสามคนจะเข้าคณะเดียวกัน มหาลัยเดียวกันไงแล้วสายลมเป็นแบบนี้จะสอบได้เหรอ”
ฉันที่อยากจะปรามไม่ให้ผึ้งพูดก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อรู้นิสัยของผึ้งดีว่ามักพูดอะไรออกมาตรง ๆ แต่มันก็จริงอย่างที่ผึ้งว่าเพราะช่วงนี้สายลมไม่สนใจการเรียนแล้วก็ไม่ยอมไปติวกับพวกเราเพราะเอาแต่ตามพีทไม่หยุดหย่อน
“ผึ้งไม่เคยมีแฟนอะอย่ามาสอนได้ป้ะ อยากอ่านก็อ่านไปคนเดียวสิ ผึ้งเกรดน้อยกว่าลมนะอย่าลืม คนที่จะไม่ผ่านน่ะน่าจะเป็นผึ้งมากกว่า ถึงลมไม่ผ่านแต่พ่อก็ต้องช่วยอยู่ดีเพราะพ่อลมเป็น ผอ.”
สายลมหันไปตวัดหางตาใส่ผึ้งที่เริ่มมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ก่อนจะหันกลับมาสนใจโทรศัพท์มือถือตรงหน้าต่อ ส่วนผึ้งก็ไม่ได้พูดอะไรแต่เดินแยกออกไปนั่งกับเพื่อนคนอื่นแทน ฉันไม่ค่อยสบายใจที่สองคนนี้มีปัญหากันบ่อย ๆ แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรมากเพราะกลัวหลายอย่างจะแย่ไปกว่านี้
“พีทต้องมีคนอื่นแน่ ๆ เลยเจ้า”
คนข้าง ๆ พูดต่อขณะที่มือก็ยังคงกดโทรศัพท์ไม่หยุด
“ช่วงนี้เจ้าได้ข่าวว่ามอสี่มีรายงานกลุ่มที่ต้องทำนะลม บางทีพีทอาจจะติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นเรื่องงานกลุ่มก็ได้ แล้วที่กลับดึกก็ต้องทำรายงานกลุ่มช่วยกันไง”
ฉันรีบอธิบายเพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นเหตุผลที่ดีที่สุด
อีกอย่างช่วงนี้ก็ใกล้ปิดเทอมแล้วด้วย พีทอาจจะเคลียร์งานส่งครูเพื่อจะเริ่มอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยก็ได้ ลูกพี่ลูกน้องของฉันก็อ่านหนังสือตั้งแต่มอห้าเทอมแรกเพราะกลัวจะสอบไม่ได้เหมือนกันและฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
“งานกลุ่มแล้วยังไงล่ะ คนมีตั้งมากมายพีทรายงานอย่างเดียวก็ได้นี่ไม่เห็นต้องไปทำช่วยให้เสียเวลาเลย”
คนข้าง ๆ หันมาเถียง
“พีทไม่เหมือนสายลมนะอย่าเอามาเทียบกันสิ”
ผึ้งที่เหมือนจะได้ยินหันมาพูดกับสายลม ฉันที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับพูดไม่ออกแต่ก็ดีที่สายลมไม่ได้ว่าอะไรแต่ทำท่าเก็บกระเป๋าก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไป
“ลมจะไปไหนน่ะ”
ฉันรีบตะโกนถามเพราะเห็นว่าคุณครูใกล้จะเข้ามาสอนแล้ว
“ไปหาพีท วันนี้ไม่ต้องเรียนกันแล้วถ้าคุยไม่รู้เรื่องน่ะ”