เด็กเรียกร้องความสนใจ2

1288 Words
สิบนาทีต่อมา ปวีร์ก็นั่งอยู่ริมฟุตบาธ เสื้อสูทราคาแพงระยับถูกถอดวางไว้หน้ารถคันหรูซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆ นั้น ข้างๆ เขาคืออรอินทร์ที่กำลังใช้สำลีเช็ดเลือดและทำแผลให้แบบเก้ๆ กังๆ “โอ๊ย ยายเด็กบ้า เบามือหน่อยสิ นี่กะจะฆ่าฉันจริงๆ ใช่มั้ย” ปวีร์ดุ เมื่อเจ้าของมือบางกดหนักๆ ลงมาตรงแผล “จะรู้ได้ไงล่ะว่าเบาหรือหนัก ไม่ใช่พยาบาลนี่” อีกคนเถียงอุบอิบ แต่ก็ยอมเบามือให้ เพราะอย่างไรเสียตนก็ผิดจริงๆ ที่ไม่ยอมดูให้ดีว่าคนกระชากแขนตนเป็นใคร “รู้อะไรบ้างมั้ยชีวิตนี้...” ปวีร์ดุอีก อรอินทร์หน้ามุ่ย รองจากเจ้าสัว เธอก็เกลียดลูกชายคนโตของเขานี่แหละ เพราะขี้เก๊ก ชอบทำเป็นหน้าเคร่ง มองเธอด้วยหางตาดุๆ และแทบไม่พูดกับเธอเวลานัดทานข้าวกันสองครอบครัว ไม่เหมือนปภพ น้องชายของเขา ขานั้นช่างพูด ช่างยั่วแหย่ สรรหามุกตลกมาให้ทุกคนหัวเราะ ถึงเธอจะไม่ค่อยอยากขำ แต่ก็ยังดีกว่าคนหน้ายักษ์บางคนแถวๆ นี้ “รู้ดีกว่าที่คิด” เสียงเธอกลับมากร้าวและห้วนขึ้น เมื่อหวนนึกถึงเรื่องที่พ่อของเขากระทำ “รู้แบบผิดๆ น่ะสิ” อรอินทร์ไม่เอ่ยอะไรอีก จัดการปิดแผลให้เขาเรียบร้อย ก็เก็บข้าวของ “ไปหาหมอหน่อยก็ดีนะคะ เผื่อแผลจะอักเสบ” “ได้ แต่เธอต้องเป็นคนพาฉันไป อ้อ และต้องหลังจากเธอไปงานเลี้ยงกับฉันด้วย” พูดจบเขาก็คว้าข้อมือเธอหมับ แล้วกระชากให้ลุกขึ้นอย่างไม่ปรานีปราศรัย โดยที่อรอินทร์ไม่ทันตั้งตัว ร่างบางจึงปลิวหวือตามแรงของเขา “โอ๊ย” หญิงสาวร้องด้วยความตกใจและเจ็บที่โดนกระชากแรงๆ พอตั้งตัวได้ เธอก็ขืนตัวไว้เต็มกำลัง “ไม่ไป!” ปวีร์ไม่พูดอะไร แต่ตั้งหน้าตั้งตาลากเธอไปขึ้นรถ อรอินทร์พยายามดึงแขนตัวเองไว้จนปวดไปหมด แต่เธอตัวแค่นี้ มีหรือจะสู้แรง ‘ยักษ์’ ไหว หญิงสาวกลอกตาไปมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนตัดสินใจงับลงไปที่แขนแข็งแรงเต็มเขี้ยว “โอ๊ย!” ปวีร์อุทาน มือที่จับแขนเธอคลายลง อรอินทร์พยายามสะบัดอีกหน แต่ไร้ผล เขากระชับมือแน่นขึ้น แถมยังหันมาจ้องตาเธอด้วยดวงตาวาวโรจน์ เหมือนดวงตาของเจ้าป่าที่รำคาญลูกหนูตัวจ้อยจอมซน “นี่แม่หนู ถ้าฉันหาเธอไม่เจอ เธออาจไม่ต้องไปงานเลี้ยงนั่น แต่เมื่อฉันเจอเธอแล้ว ฉันจะทำทุกวิธี เพื่อพาเธอไปที่นั่น” “แอ้นก็จะทำทุกวิธีเพื่อจะไม่ไปที่นั่นเหมือนกัน” พูดจบ เธอก็บิดข้อมือเขาด้วยวิชาต่อสู้ที่เรียกว่า ‘ไอคิโด’ เป็นท่าที่เคยใช้จัดการผู้ชายตัวโตอย่างกล้าณรงค์มาแล้วแบบสบายๆ ฉะนั้นกับ ‘ยักษ์’ ตรงหน้าก็ไม่น่าพลาด แต่...คุณพระ เธอพลาดตรงไหนกัน ทำไมร่างยักษ์ไม่แม้แต่ขยับ แถมยังพลิกข้อมือกลับแล้วบิดแขนเธออีกด้วย อรอินทร์ทำหน้าเหยเก โกรธด้วย อายอีกต่างหากที่ต้องแพ้เขา “เจ็บนะ!” “ชอบความรุนแรงไม่ใช่เหรอ จัดให้” เขาก้มหน้ามาเอ่ยเสียงลอดไรฟันอยู่ข้างหู หญิงสาวสะบัดหน้าไปอีกทางทันทีด้วยความเกลียดและรังเกียจ แล้วก็ต้องร้องอู้และตัวงอเมื่อเขาเพิ่มแรงที่มือขึ้นอีก แล้วก็ลากเธอไปจนถึงรถ จัดการเปิดประตูแล้วยัดเธอเข้าไปทันที จากนั้นก็ทำท่าจะวิ่งอ้อมเพื่อไปขึ้นทางฝั่งนั้น แต่เหมือนนึกอะไรได้ เขาเปิดประตูแล้วโผล่หน้าเข้ามาเอ่ยเสียงดุดัน “ถ้าคิดจะหนีลงจากรถล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ อรอินทร์ ฉันก็เกลียดเธอเหมือนที่เธอเกลียดฉันนั่นแหละ และคนอย่างฉันก็ไม่เคยแคร์คนที่ตัวเองเกลียด!” เน้นชัดทุกคำ จากนั้นก็ปิดประตูดังปัง จนหญิงสาวสะดุ้งโหยง แล้วเขาก็เดินด้วยท่าทีองอาจมาดมั่นมาขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับ อรอินทร์ได้แต่กัดฟันกรอดๆ ด้วยความแค้นใจที่ทำอะไรเขาไม่ได้ แถมยังต้องมาเชื่อฟังเขาอีกด้วย ฮึ่ย หงุดหงิด แต่ไม่เป็นไร รอบนี้แพ้ รอบหน้าอย่าหมาย! ก่อนรถเคลื่อนออก ปวีร์ก็โทร.หาใครคนหนึ่ง “คุณเป้ ร้านปิดหรือยัง ผมมีเรื่องรบกวนหน่อย หาชุดไปงานเลี้ยงของผู้หญิงไว้ให้หน่อย อีกสิบนาทีผมจะเข้าไป...สูงประมาณร้อยหกสิบห้า ผิวขาว หน้าตาธรรมดาๆ” อรอินทร์หันขวับไปมองเขาด้วยท่าทีเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หน็อย อย่างเธอนี่เหรอ หน้าตาธรรมดาๆ ถ้าหน้าตาธรรมดาจริง ในผับเมื่อกี้นี้ หนุ่มๆ จะเข้าแถวมาจีบเพียบได้ไงเล่า หึ ตายักษ์ตาถั่ว “สัดส่วนเหรอ...” เขาเว้นช่วงเพื่อเหล่มองหุ่นของเธอ อรอินทร์ห่อตัว ยกมือกอดอกด้วยความไม่ชอบใจ “เอวประมาณยี่สิบสี่ สะโพกสามสิบสี่ ส่วนหน้าอก...น่าจะไม่เกินสามสิบสอง” อรอินทร์หันขวับไปมองหน้าเขาอีกหน ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตัวเองในเวลานี้ว่าอย่างไรดี ฉิวก็ฉิว อายก็อาย และหมั่นไส้ด้วย ที่เขาช่างคาดคะเนรูปร่างของเธอได้ตรงเป๊ะขนาดนี้ อีตายักษ์บ้า ทางด้านปวีร์ เมื่อวางสายแล้ว เขาก็ออกรถทันที โดยไม่หันไปมองคนข้างๆ อีกเลย แต่ก็รับรู้ว่าเธอจ้องเขาอยู่ตลอด “ทำไม ฉันคำนวณรูปร่างเธอผิดเหรอ” เขาโพล่งถามพลางเหล่ตามองคน อรอินทร์สะดุ้งเล็กน้อยขณะที่เขาเอ่ยต่อ “ก็ไม่น่าผิดนะ” “บ้า แอ้นไม่ได้คิดเรื่องนั้น แอ้นไม่อยากไปงาน ไปส่งแอ้นที่บ้านด้วย” “เห็นจะไม่ได้ ฉันได้รับคำสั่งมาว่าให้พาเธอไปงานให้ได้ ไม่อย่างนั้น จะไม่มีการเริ่มพิธีการบนเวทีเด็ดขาด” “หึ แอ้นก็คงกลายเป็นคนเรียกร้องความสนใจ” เธอทำเสียงขึ้นจมูก ปวีร์สะดุ้งเล็กน้อย เพราะคนที่ว่าเธอแบบนั้นก็มีจริงๆ ชายหนุ่มกระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่งก่อนเอ่ย “มองโลกในแง่ดีหน่อย แม่เธอเขาอยากให้เธออยู่ในวันดีๆ ของเขา และเขาก็อยากให้ลูกๆ พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งสองฝ่าย พ่อฉันก็คิดตรงกัน” “จะสร้างภาพไปทำไม้” เธอแค่นเสียงสูง “มันไม่ใช่การสร้างภาพ แต่มันคือสิ่งที่ควรจะเป็นต่างหากล่ะ” เขาพูดพลางก็ส่ายหน้าไปมาด้วยความระอาเด็กมองโลกในแง่ร้าย อรอินทร์ทำเสียงฮึในลำคอครั้งหนึ่ง “จะใช้งานแต่งงานกลบความเลวของตัวเองสินะ มันไม่ได้ผลร้อก” รถถูกเบรกกึก หญิงสาวหน้าคะมำไปกระแทกคอนโซลหน้ารถตามระเบียบ เพราะเธอยังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย เธอหันมามองค้อนเขาที่คิดจะเบรกก็เบรก “ถ้าเธอคิดว่าพ่อของฉันเป็นคนขับรถในคืนนั้น ก็ไปหาหลักฐานมา ไม่ใช่กล่าวหาลอยๆ ทำตัวเหมือนแมลงวันแมลงหวี่เอาแต่ตะแง้วๆ รำคาญหู” เขาพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ “ตำรวจเป็นพวกของคุณ หาหลักฐานไปก็ไม่มีประโยชน์” เธอเถียงกลับ ปวีร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เอางี้ ไปหาหลักฐานมาให้ได้ ถ้าพ่อฉันผิดจริง ฉันจะช่วยเธอเอง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD