ช่อดอกไม้ของเจ้าสาว 3

1163 Words
หลังจากเจ้าสัวกับนงเยาว์กลับจากฮันนีมูน นงเยาว์กับอรจิราก็เก็บข้าวของเพื่อย้ายเข้าคฤหาสน์ของเจ้าสัวอย่างเป็นทางการ แต่อรอินทร์ยังยืนกรานหนักแน่นว่าไม่ย้ายเด็ดขาด “แอ้นทนเห็นหน้าคนที่ทำให้พ่อตายทุกวันไม่ได้หรอกแม่ แอ้นขออยู่ที่นี่ อยู่ในบ้านของพ่อ” น้ำเสียงตอนท้ายเครือจัด เมื่อนึกถึงบิดาผู้ล่วงลับ “ถ้าแอ้นมองตามความเป็นจริงว่ามันเป็นอุบัติเหตุ มันก็ไม่มีอะไร” “ใครอยากจะเชื่อแบบนั้นก็เชื่อไป แต่แอ้นไม่เชื่อ...” หญิงสาวเอ่ยพลางลุกขึ้นและเดินออกจากตรงนั้นไป นงเยาว์ทำท่าจะลุกตาม แต่ลูกสาวคนโตเอื้อมมือมาแตะแขนไว้ “ปล่อยไปก่อนค่ะ แม่ แอ้นกำลังร้อน รอให้น้องใจเย็นกว่านี้ก่อนเถอะค่ะ แล้วเราค่อยหาวิธีใหม่” “แต่แม่เป็นห่วงน้อง จะอยู่คนเดียวได้ยังไง” “แอ้นโตแล้วนะจ๊ะแม่ เรียนจบ ทำงานทำการแล้ว ผู้หญิงที่อยู่คนเดียวมีออกถมไป อีกอย่าง พี่กล้าก็อยู่ตรงนี้...แม่เชื่อเถอะจ้ะว่าพี่กล้าเขาไม่ทำให้แอ้นเสียหายหรอก” คำปลอบใจของอรจิรา ไม่ได้ทำให้นงเยาว์รู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เธอยิ่งเครียดมากยิ่งขึ้นไปอีก เธอเห็นกล้าณรงค์มาแต่เล็กแต่น้อย เธอเชื่อมั่นว่าเขาเป็นคนดี แต่เธอไม่ไว้ใจสัญชาตญาณของร่างกายมนุษย์เลย ลูกสาวเธออยู่คนเดียว กล้าณรงค์ก็อยู่คนเดียว เธอจะมั่นใจได้อย่างไรว่าวันหนึ่ง เรื่องราวเลวร้ายจะไม่เกิดขึ้น ในเมื่อไม่มีเธอที่เขาต้องเกรงใจอยู่ตรงนี้ด้วย นงเยาว์นำเรื่องนี้ไปปรึกษาเจ้าสัวผู้เป็นสามี ซึ่งเขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ทำท่านึกอะไรออก เขาเรียกเด็กรับใช้ที่อยู่แถวนั้นให้เข้ามาหา แล้วสั่ง “ตาวีร์อยู่หรือเปล่า เรียกมาพบฉันหน่อย” เด็กรับใช้รับคำ แล้วถอยออกไป “คุณจะทำอะไรหรือคะ” นงเยาว์ถามด้วยความสงสัย “จะให้ตาวีร์เป็นคนไปตามน้องแอ้น แค่นั้นแหละ” “อุ๊ย รบกวนคุณวีร์ จะทำให้เธอลำบากเปล่าๆ ค่ะ” นงเยาว์ว่าอย่างเกรงใจ “มีอะไรกันหรือครับ ป๋า น้าเยาว์ ใครทำให้ใครลำบากเหรอครับ” เสียงปภพดังขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นซึ่งสองสามีภรรยานั่งอยู่ ชายหนุ่มอยู่ในชุดที่เตรียมออกนอกบ้าน ใส่น้ำหอมกลิ่นฟุ้ง “น้องแอ้นไม่ยอมย้ายมาอยู่ที่นี่ พ่อเลยจะให้ตาวีร์ไปกล่อมน่ะ” “ผมขออาสาครับ” เขาเสนอตัวด้วยท่าทีกระตือรือร้น แววตาเป็นประกาย “แกจะออกไปข้างนอกไม่ใช่เหรอ ไปเถอะ เดี๋ยวให้พี่เขาจัดการเอง” เจ้าสัวไม่เห็นด้วย แต่ปภพไม่ยอม “แต่ผมมั่นใจว่าผมกล่อมคุณแอ้นได้ครับ พ่อรอดูฝีมือผมได้เลย” เจ้าสัวยังไม่ทันเอ่ยอะไร ปวีร์ก็เดินเข้ามาอีกคน “ตาวีร์มาแล้ว พ่อรบกวนวีร์ไปกล่อมแอ้นหน่อย เขาไม่ยอมย้ายมาอยู่กับเรา” ได้ยินประโยคนั้น ปวีร์ก็เดาออกทันทีว่าที่น้องชายพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่าอย่างไร เขาจึงสั่นหน้าปฏิเสธ “ให้เจ้าภพไปดีกว่าครับ เขาถนัดกล่อมผู้หญิงมากกว่าผม” ปวีร์ว่าพลางตบไหล่น้องชายเบาๆ “พอดีผมก็มีงานค้างอยู่ด้วยครับ ป๋า” เจ้าสัวนิ่งไปครู่หนึ่งก็พยักหน้า “เอางั้นก็ได้...แสดงฝีมือให้เต็มที่นะไอ้เสือ” ตอนท้ายหันไปทางลูกชายคนเล็ก ซึ่งก็ยกนิ้วโป้งเป็นการการันตีว่า เขาทำสำเร็จแน่นอน จากนั้นจึงเดินจากไป ส่วนปวีร์ก็ขอตัวกลับไปสะสางงานต่อ “คุณวีร์นี่บ้างานเหมือนคุณเลยนะคะ” นงเยาว์แสดงความเห็น ขณะมองตามเขาไป “แล้วป่านนี้ไม่มีแฟนจริงๆ เหรอคะ” “ผู้หญิงเขาทิ้งไปเพราะบ้างานนี่แหละ มันไม่โชคดีเหมือนผมนี่ ถึงจะบ้างานก็ยังมีเมียที่เข้าใจ” ชายกลางคนหยอดภรรยาหมาดๆ ของตน มองเธอด้วยแววตาแพรวพราวเหมือนหนุ่มๆ ทำเอานงเยาว์ถึงกับส่ายหน้าไปมาด้วยความขำปนเขิน ตอนบ่ายๆ เจ้าสัวก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกชายคนเล็กว่าการเจรจาเกลี้ยกล่อมล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง “ใจแข็งเป็นบ้าเลยป๋า” เขาโอดมาตามสาย น้ำเสียงเสียความมั่นใจไปเยอะ เจ้าสัวหัวเราะเชิงเยาะกลับไป “เป็นไง สิ้นลายเลยสิ ไอ้เสือ” “ไม่เคยคุยกับใครแล้วปวดหัวเหมือนน้องแอ้นเลยป๋า เขาไม่สนใจที่ผมพูดแม้แต่คำเดียว แต่พรุ่งนี้ผมจะไปใหม่” “หา ยังจะไปอีกเรอะ พอแล้วมั้ง” คนเป็นพ่อรีบปรามะ “ผมไม่ยอมแพ้หรอกป๋า คอยดูฝีมือผมก็แล้วกัน” สามวันผ่านไป ปภพก็โอดครวญอีกรอบ แล้วบอกสั้นๆ “ป๋าเรียกพี่วีร์เถอะ” เจ้าสัวปกรณ์จึงเรียกหาลูกชายคนโตอีกครั้ง เพื่อจะขอร้องด้วยคำเดิม เป็นอีกหนที่ปวีร์มีสีหน้าเบื่อหน่ายเด็กคนนั้น “เก่งกล้าขนาดนั้นก็ให้เขาอยู่ที่นั่นไม่ดีเหรอครับ” “อยู่น่ะอยู่ได้ แต่แม่เขาไม่อยากให้อยู่ ข้างบ้านคนหนึ่งเป็นป้าขี้เมาท์ อีกข้างเป็นหนุ่มโสด แม่เขากลัวจะเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามทั้งที่เราสามารถป้องกันได้” “ขนาดแม่กับพี่สาวเขายังชวนมาไม่ได้ แล้วผมจะชวนได้ยังไงล่ะครับ” ปวีร์บ่นด้วยความรำคาญใจมากกว่าจะไม่มั่นใจในตัวเอง “คืนวันแต่งงานวีร์ยังทำได้เลยนี่ลูก” คนเป็นพ่อพยักหน้าให้กำลังใจ “แล้วผมจะต้องตามกล่อมยายเด็กนี่ไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย” เขาบ่นงึมงำ แต่ก็ยอมรับปากบิดาโดยดี ปวีร์ปล่อยเวลาล่วงเลยไปถึงสามวัน เขาจึงไปหาอรอินทร์ หลังจากอรจิรารายงานว่าน้องสาวเลิกงานและกลับถึงบ้านแล้ว ตอนที่เขาไปถึงเป็นเวลาใกล้ค่ำ บ้านทุกหลังเปิดไฟหมดแล้ว กลิ่นอาหารโชยมาตามลม เสียงจากทีวี เสียงสุนัขเห่า เสียงเด็กร้องไห้ เล็ดลอดออกมาให้ได้ยินจากหลายบ้าน ปวีร์กดออด แล้วยืนรออยู่นอกรั้ว ทั้งที่เห็นว่ารั้วบ้านเธอแง้มเอาไว้ เขารออยู่เพียงครู่เดียว อรอินทร์ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูใหญ่ เธอยังอยู่ในชุดทำงาน ซึ่งเป็นเสื้อเชิ้ตพอดีตัว กางเกงยีนส์สีเข้มและมีผ้ากันเปื้อนคาดไว้ ดูเธอไม่แปลกใจสักนิดที่เห็นเขา “ให้เวลาห้านาทีค่ะ” ยกมือกอดอกและไม่เชิญเขาเข้าบ้าน “ได้ แต่หลังจากกินข้าวแล้ว” พูดจบเขาก็เลื่อนรั้วเปิดด้วยตัวเอง แล้วเดินเข้าไปหน้าตาเฉย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD