เข้าถ้ำเสือ 1

1153 Words
อรอินทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะบังคับพวงมาลัยรถให้เลี้ยวเข้าไปในเขตรั้วคฤหาสน์ของเจ้าสัวปกรณ์ “เอาวะ เกลียดก็ต้องทน” เธอพูดกับตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่อาจนับ เพราะระหว่างทาง ร่ำๆ จะหันหัวรถกลับอยู่หลายรอบ เจ้าสัว นงเยาว์ และอรจิรายืนรอรับอยู่แล้วที่บันไดเตี้ยๆ ซึ่งทอดสู่ตัวบ้าน “ลุงดีใจ ที่หนูยอมย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ มาเป็นครอบครัวเดียวกัน” เจ้าของบ้านเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยินดีเมื่อเธอยกมือไหว้เขาแล้ว “ต้องยกความดีให้พี่วีร์นะคะ คุณลุง พี่วีร์ทำยังไง แอ้นถึงยอมมา...สงสัยอ้อนต้องขอเรียนวิชาบ้างแล้วละ” อรจิราว่าพลางเดินเข้ามาสวมกอดน้องสาว อรอินทร์ไม่เอ่ยอะไร แต่เมื่อเข้ามาข้างในตัวบ้าน เธอก็แอบกวาดตาหาเขา แต่ก็ไม่เห็น “อ้อนพาน้องไปดูห้องไปลูก ถ้ามีอะไรไม่ถูกใจก็บอกอ้อนได้นะ หนูแอ้น” เจ้าสัวพูดขึ้นอีก “น่าจะถูกใจแล้วล่ะค่ะ อ้อนเขาจัดให้น้องเองขนาดนั้น” นงเยาว์เอ่ยขึ้นบ้าง จากนั้นสองพี่น้องก็เดินกอดเอวกันขึ้นมาที่ห้องนอนของอรอินทร์ ซึ่งคนที่อยู่มาก่อนอย่างอรจิราทำหน้าที่อธิบายไปด้วย “ห้องของคุณลุงกับแม่อยู่ทางปีกโน้น” ว่าพลางชี้ไปฟากตรงข้ามที่ยืนกันอยู่ “ติดห้องคุณลุงกับคุณแม่ เป็นห้องว่าง เคยเป็นของคุณพ่อคุณแม่ของคุณลุงน่ะ...ถัดมาเป็นห้องพี่วีร์ แล้วก็ห้องของพี่ภพ ห้องที่ติดกับห้องพี่ภพเป็นห้องพักแขกจ้ะ” อรอินทร์ทำเสียงรับรู้ พลางมองไปที่ห้องของ ‘พี่วีร์’ เผื่อว่าเขาจะเปิดประตูออกมา แต่ก็ไร้วี่แวว ค่ำนั้น เมื่อลงไปทานมื้อเย็น อรอินทร์ก็ยังไม่ได้พบปวีร์ ไม่มีใครพูดถึงเขา เธอเองก็ไม่กล้าถามว่าเขาหายไปไหน ทำไมไม่ลงมาทานข้าวด้วยกัน “หนูแอ้น งานที่ทำอยู่ตอนนี้เป็นไงบ้างจ๊ะ” เจ้าสัวถามขึ้นหลังจากทานกันไปได้สักพัก “ก็...เรื่อยๆ ค่ะ” เธอตอบแบบออมคำ แต่สีหน้าบ่งบอกความไม่สบายใจ “ตอบแบบนี้แสดงว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เจ้าสัวว่ายิ้มๆ “เอางี้มั้ยล่ะ มาช่วยงานลุง” อรอินทร์ซ่อนยิ้มพอใจ ช่วยงานเขาอย่างนั้นหรือ นั่นก็หมายความว่าเธอจะได้ใกล้ชิดเขามากขึ้น และหลังจากนี้ เธออาจมีโอกาสหาหลักฐานเกี่ยวกับคดีของพ่อได้มากขึ้น ‘อยากได้ลูกเสือต้องเข้าถ้ำเสือ’ แว่วเสียงของปวีร์ดังขึ้น “เอ่อ...ไม่ดีกว่าค่ะ แอ้นไม่อยากใช้เส้น” เธอใช้น้ำเสียงปกติตามแบบฉบับของเธอที่ยังไม่ยอมรับในตัวเขา “คนเก่งที่ได้รับเชิญให้ไปทำงานตามบริษัทต่างๆ มีเยอะแยะไปนี่ครับ” ปภพเอ่ยขึ้นบ้าง วันนี้ชายหนุ่มยอมอยู่บ้าน ทั้งที่ตามปกติแล้ว เย็นวันหยุดแบบนี้ เขามักจะออกไปเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนๆ และสาวๆ มากกว่า “แต่แอ้นไม่ใช่คนเก่ง ประสบการณ์การทำงานก็มีแค่สามปี อย่าเอาแอ้นไปให้คนอื่นนินทาเลยค่ะ” “ถ้างั้นก็ไปฝึกงานก่อน” เจ้าสัวหาทางออกให้ “ฝึกกับผมก็ได้นะ ป๋า ผมยินดี” ปภพเอ่ยขึ้นอีกอย่างมีความหวัง “แกก็จะชวนน้องปาร์ตี้ทุกคืนน่ะสิ” เจ้าสัวพูดกลั้วหัวเราะ “ไปฝึกงานกับพี่วีร์ก็แล้วกันนะ” “ขออนุญาตไม่ทำค่ะ” อรอินทร์ตอบกลับทันที ส่งผลให้ทุกคนในที่นั้นหันสบตากันแล้วหัวเราะออกมา “จะไม่เสียเวลาคิดหน่อยเหรอครับ คุณแอ้น” ปภพแซว มองเธอด้วยแววตาเอ็นดู หญิงสาวสั่นหน้า “ถ้าจะให้แอ้นทำจริงๆ ขอทำกับอ้อนได้มั้ยคะ” “อุ๊ย อ้อนก็ยังไม่เก่ง ยังต้องเรียนรู้งานอีกเยอะเลย” คนพี่สั่นหน้าปฏิเสธทันทีเหมือนกัน “ฝึกกับเจ้าวีร์นั่นแหละ จะได้เป็นงานเร็ว หมอนี่มันบ้างาน” เจ้าสัวสรุป “เอ่อ...แล้วจะไม่ถามคุณวีร์ก่อนเหรอคะ บางทีเขาอาจจะไม่อยากให้แอ้นไปฝึกด้วยก็ได้” “เชื่อสิว่า มันต้องเต็มใจ” อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ “แล้วนี่...คุณวีร์ไปไหนเหรอคะ” ได้โอกาสก็เลยถามซะเลย “ไปคุยงานที่สิงคโปร์ครับ อีกสองสามวันกลับ” ปภพเป็นคนตอบ หญิงสาวทำเสียงรับรู้ แล้วก็ไม่เอ่ยอะไรอีก แต่แอบคิดแผนการของตนไปเงียบๆ ปวีร์นิ่งเงียบไป เมื่อกลับจากสิงคโปร์แล้วทราบจากบิดาว่า จะให้อรอินทร์มาฝึกงานกับเขา “แกไม่ดีใจที่จะมีผู้ช่วย?” เจ้าสัวหยั่งเชิงพลางลอบสังเกตลูกชายคนโต “ผมมีคุณสุอยู่แล้ว” ปวีร์หมายถึงสุชาดา ผู้ช่วยสาวใหญ่ของเขา “ได้ยินแกบ่นว่าคุณสุชักจะทำงานเชื่องช้า” “ผมไม่เข้าใจ ผมรู้สึกว่าป๋าพยายามจับเด็กนั่นให้ใกล้ชิดกับผม ทำไมครับ” คนเป็นลูกชายถามตรงๆ อย่างที่รู้สึก “หนูแอ้นเป็นเด็กพยศ พ่อก็เห็นมีแต่แกที่เอาน้องเขาอยู่ อีกอย่างนะ แกเป็นพี่คนโตของบ้าน แกต้องช่วยพ่อดูแลน้อง” “ผมถามจริงๆ เถอะป๋า ป๋าเอาสองพี่น้องเข้ามาทำงานในบริษัท ป๋าไม่คิดอะไรเลยเหรอครับ...” “แกหมายถึงว่าพวกเธออาจจะโกงพ่องั้นเหรอ” “ของแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ไม่ใช่เหรอครับ โดยเฉพาะแอ้น ป๋าก็รู้ว่าเขาคิดว่าป๋าเป็นคนทำให้พ่อเขาตาย” ปวีร์ถามบิดาตรงๆ ด้วยเกรงว่าท่านจะรักและเอ็นดูสองสาวจนหลงลืมประเด็นนี้ไป “พ่อถึงต้องให้เขาทำงานกับแกไง แกจะได้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้พ่อด้วย...” เจ้าสัวเว้นช่วงนิดหน่อย เพื่อหันมองไปทางอื่นแล้วลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ “แกก็คอยจับตามองแอ้นเขาให้ดีๆ ก็แล้วกันนะ อย่าให้คลาดสายตาล่ะ” ปวีร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แค่คิดว่าจะต้องมียายเด็กนั่นอยู่ใกล้ๆ เขาก็เวียนหัวไปก่อนแล้ว ค่ำนั้น เมื่อปวีร์กลับถึงบ้าน เขาก็พบว่าคนที่เขาต้องดูแลไม่อยู่ ได้ยินพี่สาวเธอบอกว่าออกไปทานข้าวกับเพื่อนนอกบ้าน ชายหนุ่มอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแล้ว แต่นอนไม่หลับ ทั้งที่ค่อนข้างเหนื่อยจากการตรากตรำงานที่สิงคโปร์ จึงหยิบงานที่หอบมาจากบริษัทมาทำต่อ เกือบเที่ยงคืน เขาก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดบริเวณโรงรถ จึงเงยหน้าจากกองเอกสาร แล้วก้าวออกจากห้อง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD