8 : ระบาย

2454 Words
[ อิฐ ] วันนี้ผมถูกเรียกตัวให้มาช่วยงานที่ร้านอาหารของพี่สาวผม จริงๆ ไม่ได้อยากมาหรอกครับแต่โดนบังคับให้ต้องมา ร้านอาหารนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมระดับไฮเอนด์ที่มีพี่สาวคนโตของผมบริหารอยู่และชื่อของเธอก็คือ มินตรา พี่สาวคนโตของบ้าน แต่ผมยังมีพี่ชายอีกคนด้วยและเป็นพี่ชายคนรอง พี่เขื่อน แต่พี่ชายผมตอนนี้ช่วยงานอยู่ที่บริษัทของพ่อ ส่วนผมที่อายุค่อนข้างห่างจากพี่ชายและพี่สาวเลยยังไม่ได้เข้าไปช่วยงานเต็มที่นักแต่ก็จะมีเข้าไปดูงานบ้างเป็นบางครั้ง อย่างเช่นวันนี้.... “เฮ่อ... เสร็จซะที” หลังจากที่อ่านเอกสารเกี่ยวกับโรงแรมเสร็จผมก็ทิ้งตัวพิงกับพนักของโซฟากลางห้องทำงานของพี่สาว โดยมีสายตาคมของพี่สาวมองอยู่ไม่ห่าง “แค่นี้ทำเป็นบ่น” พี่มินเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังเซ็นอยู่มามองผมพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ พลางส่ายหัวไปมา “ก็มันเยอะนี่ครับ งานโรงแรมนี่ไม่ใช่ทางผมเลย” “แล้วอะไรคือทางของแก... ที่บ้านมีธุรกิจแต่กลับไปเรียนวิศวะเองนี่” บ่นผมเรื่องนี้อีกแล้ว “ก็มันเป็นทางของผมนี่ครับ” “เรานี่นะ จริงๆ เลย” พี่มินส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา และก่อนที่ผมจะเข้าเรียนมหาลัยก็มีพี่สาวของผมนี่ละครับที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยปลื้มกับคณะที่ผมจะเข้าเรียน.... พี่สาวผมปีนี้เธอมีอายุย่างเข้า 37 ปีแล้ว แต่เธอกลับยังโสด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีแฟนหรอกนะครับ เธอเคยมีครับแต่เลิกกันไป ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเลิกกันเพราะไม่เคยถามเธอเลย แต่ก็ช่างเถอะครับ...ยังไงพี่สาวผมก็สวย เดี๋ยวคงมีใครหลงเข้ามาจีบเองนั่นแหละ หึหึ... “ว่าแต่ช่วงนี้พี่เขือนกลับบ้านบ้างไหมครับ ผมไม่ได้เจอนานแล้ว” “ก็กลับนะ เห็นเมื่อวันก่อนก็เพิ่งกลับ... ว่าแต่เราเถอะไม่ค่อยกลับบ้านจนพ่อบ่นแล้วนะ” “ก็ผมงานยุ่งนี่ครับ” “งานยุ่งหรือห่วงเที่ยว” “แหม.... รู้ใจผมจังเลยนะครับ ฮ่าๆ” “ดีๆ ละกัน... เที่ยวมากๆ เจ้าชู้ไปเรื่อยอย่างเราน่ะ ระวังสักวันจะมีผู้หญิงอุ้มลูกเข้ามาบอกว่าเป็นลูกของแกละกัน” “ไม่มีวันนั้นหรอกครับพี่ ผมดูแลตัวเองดี” “ย่ะ!!” “หึหึ” พูดคุยกับพี่มินเสร็จผมก็ขอตัวกลับเพราะตอนนี้ก็จะค่ำแล้วแล้วผมก็มีนัดกับสาวด้วย คนคุยคนใหม่ของผมน่ะครับ.... ผมลงลิฟต์มาถึงด้านล่างและเดินผ่านในส่วนที่เป็นร้านอาหารของโรงแรมเพื่อจะออกไปยังลานจอดรถ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ผมเพิ่งจะรู้จักเธอเมื่อไม่นานมานี้ เธอยืนคุยกับผู้หญิงที่ดูมีอายุคนหนึ่งอยู่ และดูท่าจะมีปัญหากัน จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องของผมเลยแต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องหยุดเท้าของตัวเองและยืนมองดูเธอก็คือเสียงฝ่ามือที่กระทบกับแก้มขาวของเธอ มันดังสนั่นลานจอดรถนี่เลย “แตงกวา” พึมพำชื่อของเธอออกมาเบาๆ และดูเหมือนเธอกำลังร้องไห้ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับผู้หญิงคนนั้นแต่ที่เห็นคือผู้หญิงคนนั้นดูไม่ใยดีเธอเลย หลังจากที่รถของผู้หญิงคนนั้นขับออกไปแตงกวาก็เดินออกไปด้วยเช่นกัน และใบหน้าหวานของเธอนั้นก็เต็มไปด้วยน้ำตา ผมที่คิดว่าจะไม่สนใจกลับต้องถอนหายใจหนักๆ ออกมาก่อนจะก้าวเท้าตามเธอไป.... ................................... เดินตามร่างบางลัดเลาะไปตามทางเดินจนมาถึงร้านเหล้าเล็กๆ กึ่งร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ และไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านเท่าไร เธอเดินเข้าไปนั่งลงที่โต๊ะว่างริมน้ำก่อนที่จะนั่งเหม่อมองออกไปยังพื้นน้ำเบื้องหน้าจากนั้นเธอก็เริ่มสั่งเครื่องดื่ม มือเล็กยกแก้วค็อกเทลสีสวยขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว ผมยืนกอดอกพิงต้นไม้มองเธออยู่ห่างๆ พลางคิดในใจว่ายัยเด็กนี่ดื่มเก่งเหมือนกันนะ แต่สายตาของเจ้าตัวกลับดูเศร้าหมองจนเห็นได้ชัด แต่แล้วอยู่ๆ เจ้าตัวก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเกาะราวกั้นที่เบื้องหน้าเป็นแม่น้ำ ผมที่เห็นแบบนั้นก็รีบสาวเท้าเข้าไปรวบเธอไว้อย่างไวเพราะกลัวว่าเธออาจจะทำอะไรลงไปโดยไม่คิด “ทำบ้าอะไรของเธอ!!” แขนแกร่งยื่นไปรวบเอวบางนั้นแล้วลากเธอออกห่างจากราวเหล็กนั่น “อ้าว... พี่อิฐ พี่มาได้ไงคะ??” ดวงตากลมโตของเธอมองผมด้วยน่าทางที่สงสัยและไม่ได้มีอาการตกใจอะไร แต่ผมกลับเริ่มจะโมโหเธอขึ้นมา “ยัยเด็กบ้า!! คิดจะกระโดดน้ำตายหรือไง!?” “ใครจะกระโดดน้ำ? พูดอะไรของพี่... หนูแค่มายืนรับลมเฉยๆ” แตงกวาว่าพลางแกะมือของผมออกจากเอวของเธอ แล้วก็ถอยหลังออกไปนิดหน่อยพร้อมกับย่นคิ้วมองหน้าผมไปด้วย “อะ อ้าว...เหรอ... ก็ใครจะไปรู้...เห็นอยู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเกาะราวเหล็กนั่น ฉันก็คิดว่าเธอจะกระโดดน้ำน่ะสิ” รู้สึกเสียฟอร์มเหมือนกันเพราะดันเข้าใจผิดไปไกลซะได้ “พี่จะบ้าเหรอ! ว่าแต่...พี่มาที่นี่ได้ไงเนี้ย” เสียงใสแหวใส่ผมพร้อมกับเอียงคอถามย้ำอีกครั้ง “มาทำธุระแถวนี้น่ะก็เลยแวะมากินข้าว แล้วก็ซวยมาเจอเธอเนี้ย” จริงๆ ตั้งใจเดินตามมาเลยแหละ ตอนแรกก็คิดเป็นห่วงอยู่หรอกเพราะกลัวว่าจะเป็นอะไรไป แต่พอมาเห็นสภาพและท่าทางแบบนี้ความเป็นห่วงนั่นก็หายไปจนหมดสิ้น “ใช้คำว่าซวยเลยเหรอพี่ ปากพี่นี่มันจัดยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก!... แต่ไหนๆ ก็ซวยมาเจอกันแล้ว งั้นพี่มาดื่มเป็นเพื่อนหนูหน่อยได้ไหม... หนูดื่มคนเดียวมันเหงาอ่ะ” แตงกวาพูดจบก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของเธอ ผมเองก็เดินตามเธอไปพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอ “ดื่มอย่างเดียวเหรอ? แล้วกินข้าวหรือยัง?” ถามเธอออกไปเพราะไม่แน่ใจว่าเธอได้กินอะไรหรือยัง ว่าแต่...แล้วผมจะเป็นห่วงยัยเด็กนี่ทำไม? “กินแล้ว... แต่กินไม่ค่อยลงเท่าไร” มือบางไล้วนปากแก้วเปล่าตรงหน้าไปมาพร้อมกับสายตาที่จมดิ่งเหมือนเธอมีอะไรในใจ “งั้นก็กินข้าวเป็นเพื่อนพี่ก่อน แล้วเดี๋ยวพี่ดื่มเป็นเพื่อน” “หนูก็บอกแล้วไงว่าหนูกินไปแล้ว.... พี่กินเถอะ” “พอดีไม่ชอบให้ใครมานั่งมองเวลากินข้าว มันทำให้กินไม่ลง” สิ้นเสียงของผมแตงกวาก็เงยหน้ามามองผมด้วยตาเขียวๆ ของเธอ พร้อมกับงึมงำฟึดฟัดเหมือนไม่พอใจ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนที่ผมจะหันไปสั่งอาหารมาสองสามอย่าง... พออาหารมาเสริฟก็บังคับคนตรงหน้าให้กินด้วยกัน แรกๆ ผมก็บังคับแต่หลังๆ ดูเหมือนยัยเด็กนี่จะหิว กินเอากินเอาไม่สนใจผมเลย “ตอนแรกทำเป็นเล่นตัวบอกไม่กิน ทีตอนนี้ฟาดซะเรียบเลยนะ” ว่าพลางสายตาก็มองไปยังอาหารตรงหน้าที่ตอนนี้หมดเกลี้ยงแถมคนตรงหน้ายังยิ้มแป้นแล้นทะเล้นใส่อีก ยัยเด็กบ้านี่! “ก็พี่อยากให้กินไม่ใช่หรือไง ก็กินแล้วนี่ไง... ทีนี้จะดื่มเป็นเพื่อนหนูได้ยัง” รอยยิ้มเมื่อครู่ค่อยๆ จางหายไปจากใบหน้าหวานของเธอ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเศร้าหมองเหมือนกับก่อนหน้านี้.... เครื่องดื่มสีสวยถูกนำมาวางลงตรงหน้าก่อนที่มือเล็กจะยกขึ้นจิบเบาๆ ส่วนผมนั้นดื่มเบียร์แทนเพราะผมไม่ค่อยชอบรสชาติหวานของค็อกเทลสักเท่าไร... มือบางยกแก้วทรงสวยที่มีน้ำผลไม้ผสมแอลกอฮอล์ขึ้นดื่ม จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม และก็มีแก้วต่อๆ ไป... เธอตั้งหน้าตั้งตาดื่มโดยที่ไม่พูดอะไรกับผมเลย ดวงตากลมโตมองเหม่อไปยังพื้นน้ำและวิวเมืองยามค่ำคืนเบื้องหน้า “พี่คะ!! ขออีกแก้วค่ะ” มือเล็กยกเรียกพนักงานเสิร์ฟพร้อมกับเอ่ยบอกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ “แตงกวาดื่มเยอะไปแล้วนะ ไหวป่าวเนี้ย?” ผมที่นั่งมองเธออยู่นานถึงกับต้องเอ่ยปากถาม เพราะตั้งแต่ที่นั่งกันมาเธอดื่มไปเกือบสิบแก้วได้แล้วมั้ง ค็อกเทลถึงมันจะดื่มง่ายแต่มันก็เมาง่ายด้วยเหมือนกัน “พี่อิฐ... ดูหน้าหนูนะ... มีตรงไหนที่ดูไม่ไหวเหรอคะ” นิ้วเล็กชี้วนๆ ที่ตรงหน้าของตัวเองพร้อมกับน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าเมาเต็มขั้นแล้ว ทำไมผมถึงเอาตัวเองมานั่งอยู่กับยัยเด็กขี้เมานี่นะ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ “ทุกตรง!!” กระแทกเสียงใส่หน้าเธอพร้อมกับกรอกตามองบน ก่อนจะยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มด้วย “แม่งเอ้ย....เวรกรรมอะไรของกูเนี้ยถึงได้มานั่งอยู่กับยัยเด็กขี้เมาแบบเธอเนี้ย” ผมบ่นออกไปเสียงดังเพราะตั้งใจให้เจ้าตัวได้ยินแต่เธอกลับจ้องหน้าผมนิ่งๆ “พี่อิฐ...” “อะไร!?” “พี่ว่าหนูเป็นไงบ้าง?” “เป็นไงบ้างคืออะไร?” งงกับคำถามของเธอ ผมไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ของเธอมากนักเพราะก่อนหน้านี้เธอดูเศร้าแต่ตอนนี้กลับตั้งคำถามชวนงงกับผม "พี่ลองมองหน้าหนูดีๆ สิ แล้วบอกหน่อยว่าหนูเป็นยังไงบ้าง” เสียงที่เอ่ยออกมานั่นยางคางนิดหน่อย ผมเองก็ทำตามที่เธอบอก... สายตาคมจ้องมองคนที่กำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นระบายยิ้มบางๆ แม้จะเป็นรอยยิ้มของคนเมาแต่มันก็ยังดูหวานจนไม่อยากจะละสายตา “เธอเป็นคนผมยาว... ผิวขาวละเอียด รูปร่างสมส่วนในแบบที่ผู้หญิงทุกคนอย่างจะมี... รวมๆ แล้วก็เหมือน... ผู้หญิง” “หึหึ เก่งมากคร้า... ใช่ค่ะหนูเป็นผู้หญิง... แล้วก็สวยมากด้วย” มือบางยกขึ้นกุมแก้มทั้งสองข้างของตัวเองที่ตอนนี้เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะเจ้าตัวดื่มไปค่อนข้างเยอะแล้ว พร้อมกับระบายยิ้มไปด้วย “หึ หลงตัวเองนะเธอน่ะ” ผมเองก็ขำไปกับท่าทางของเธอ ไม่รู้ทำไมผมถึงยังได้นั่งมองเธออยู่แบบนี้ทั้งที่ตอนนี้โทรศัพท์ของผมมีสายเรียกเข้าจากคนที่ผมนัดไว้จนสายแทบจะไหม้อยู่แล้ว “หึหึ... ต่อสิคะ แล้วไงอีก” คนเมาเอียงคอมองด้วยสายตาหวานเยิ้มจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ “ปากบางเป็นกระจับได้รูป... จมูกคมรับกับใบหน้า... ดวงตากลมโตเป็นประกาย แต่ว่า...แอบซ่อนความเจ็บปวดอยู่ข้างใน...” “...............” สิ้นเสียงของผมแตงกวาก็เงียบไป พร้อมกับแววตาที่สั่นระริกและถ้าให้ผมเดาก็คงเพราะผมพูดจี้จุดของเธอเข้า และอาจจะเป็นเรื่องที่เธอมีปัญหากับผู้หญิงเมื่อตอนเย็นนี้ก็ได้ “มีอะไรอยากเล่าให้พี่ฟังไหม... หรืออยากระบายอะไรหรือเปล่า” ไม่รู้ทำไมผมถึงถามเธอออกไปแบบนั้น แต่การที่ผมมานั่งอยู่ตรงนี้มันก็เพราะว่าผมเห็นเธอร้องไห้เมื่อเย็นนี้ไม่ใช่เหรอ ฉันนั้นผมก็มีสิทธิ์ที่จะถามสิ คนตรงหน้ามองหน้าผมนิ่งๆ แววตาที่สั่นระริกนั่นอยู่ๆ ก็มีน้ำใสไหลออกมา ก่อนที่เธอจะพูดออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือ “พี่เคยพยายามเพื่อใครไหมคะ... พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาหันมามองตัวเอง ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อยู่ในสายตาของเข... แต่ไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็กลับมองไม่เห็นสิ่งที่เราพยายามทำเพื่อเขาเลย....” ผมนั่งฟังแตงกวาอยู่เงียบๆ ทุกคำพูดของแตงกวาผมสัมผัสได้ว่ามันเจ็บปวด และเรื่องที่เธอพูดออกมามันก็ทำให้ผมหวนคิดไปถึงใครบางคนที่ทำให้ผมเคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับเธอ จนต้องรีบสะบัดหัวของตัวเองเพื่อไล่ความคิดนั้น “การทำเพื่อใครสักคนแล้วเขาไม่เห็นค่านี่....มันโคตรเจ็บเลยพี่ว่าไหม” ดวงตากลมโตกระพริบถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาของตัวเอง “........” “แล้วพี่เคยรักใครไหมคะ แบบว่ารักมากๆ อ่ะ... แล้วก็ทำทุกวิถีทางทำทุกอย่างเพื่อให้เขาอยู่กับเราให้นานที่สุด แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้... ฮึกๆ” เสียงของคนเมาที่เอ่ยออกมาปะปนไปด้วยเสียงสะอื้น “.........” “และเขาก็จากไป... จากไปไกล... ไกลมาก...” เธอหยุดสะอื้นน้อยๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม “หนูคิดถึงเขา... คิดถึงมาก... ถ้ามีปาฏิหาริย์ที่สามารถขอได้นะ หนูอยากบอกเขาว่า...” “ว่าอะไร” หลุดถามออกไปเพราะผมเองก็ลุ้นกับคำพูดของเธอ “หนู.... หนู....” แตงกวาเว้นวรรคไว้แล้วจ้องหน้าผมก่อนจะเอ่ยออกมาต่อ “หนูเมาอ่ะ... ปวดหัวมากด้วย ไม่ไหวแล้ว... ฝันดีนะคะ” พูดจบก็ซบหน้าลงกับโต๊ะทั้งที่น้ำตานองหน้า “เฮ้ย!! ยัยเด็กบ้า จะมาทิ้งตัวตรงนี้ไม่ได้นะ แม่งเอ้ย!... ฉันอุตส่าห์นั่งฟังสุดท้ายเธอมาหลับใส่ฉันแบบนี้เหรอ!! แตงกวา!! ตื่นเดี๋ยวนี้นะ!!” มือหนายื่นไปเขย่าไหล่ของเธอเบาๆ “อือออ... รำคาญคนจะนอนนนน!” คนเมาโวยวายออกมาเบาๆ ผมถึงกับถลึงตามองเธอ อยากจะอ้าปากด่าแต่ก็ไม่รู้จะด่าอะไรออกไปเพราะคนเมาดันหลับหนีซะได้ แม่งเอ้ย!!......
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD