หลายวันต่อมา.....
วันนี้แตงกวาได้รับโทรศัพท์จากอายตาที่โทรมาเล่าให้ฟังว่าเธอกับลูกหว้ารุ่นพี่ของพวกเธอมีเรื่องกันที่มหาวิทยาลัยจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน แต่สุดท้ายก็ได้ธามธาวินกับเพื่อนๆ ของเขาเข้าไปช่วยเธอไว้ และสุดท้ายอายตาก็ชวนเธอกับน้ำหวานออกไปร้านเหล้ากัน ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนแตงกวาจึงตอบตกลงทันที....
และตั้งแต่วันที่กลับมาจากหัวหินเธอก็โดนแม่ของเธอบ่นไม่หยุดเรื่องที่เธอหนีท่านกลับออกไปจากร้านอาหารในคืนนั้น แต่ดีหน่อยที่กันต์ไม่ได้บอกแม่เธอว่าเธอออกไปกับอิฐ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมีหวังแม่ได้ฆ่าเธอแน่เพราะท่านเคยบอกแล้วว่าให้เธอเลิกกับแฟนแล้วคุยกับกันต์แค่คนเดียว แต่จะให้เธอเลิกได้ยังไงหละในเมื่อเธอไม่มีแฟนจริงๆ ซะหน่อย จะมีก็แต่ความสัมพันธ์ในแบบเพื่อนที่มีผลประโยชน์บางอย่างต่อกันกับอิฐเท่านั้น แต่เธอก็ไม่ได้เต็มใจที่จะอยู่ในความสัมพันธ์นั้นสักเท่าไร และแน่นอนว่าเธอไม่มีทางที่จะพลาดมีอะไรกับเขาอีกเป็นครั้งที่สองด้วยแน่นอน
ร้าน T Bar......
แตงกวากับน้ำหวานมาถึงร้านตามเวลาที่นัดไว้กับอายตาแต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาก็คือค่ำคืนนี้นั้นไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ แต่กลับมีธามธาวินที่เป็นสามีของเพื่อนรวมถึงเพื่อนของเขาด้วย และนั่นก็รวมถึงคนที่เธอไม่ค่อยอยากจะเจอสักเท่าไรด้วย
อิฐที่เห็นแตงกวากับน้ำหวานเดินเข้ามาเขาก็ยิ้มทักทายพวกเธอตามปกติ แต่สายตาที่มองแตงกวานั้นมันแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์จนคนถูกมองรู้สึกขนลุก
แตงกวากับน้ำหวานเดินไปนั่งข้างอายตาก่อนที่สาวๆ จะพูดคุยกัน ส่วนหนุ่มๆ ก็เริ่มสั่งเครื่องดื่มกันแล้ว
“ไหนดูสิเมิง โห...เป็นรอยแดงเลยอ่ะ” น้ำหวานว่าพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ อายตาเพื่อดูรอยที่เธอโดนลูกหว้าตบ
“กรูว่ากรูถมรองพื้นไปเยอะมากนะยังไม่มิดอีกเหรอวะ?” อายตาเองก็หันแก้มข้างที่ยังหลงเหลือรอยแดงให้เพื่อนดู
“เจ็บไหมวะ” แตงกวาถามออกมาด้วยท่าทางห่วงใย
“เจ็บสิถามได้” อายตาเองก็ตอบกลับเพื่อนพลางลูบข้างแก้มของตัวเองเบาๆ
“แล้วเมิงไม่สู้กลับบ้านเลยหรือไง?” แตงกวาเอ่ยถามต่อ สายตาก็มองหน้าเพื่อนรักอย่างเป็นห่วง เพราะปกติเท่าที่เธอรู้จักกับอายตามาเธอเป็นคนไม่ยอมคนอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้กลับแปลกไปเพราะเธอโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
“อยากสู้อยู่ แต่ก็ล็อค” อายตาว่าพลางกรอกตามองบนเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา
“เอาเหอะ หลังจากนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง” น้ำหวานพูดขึ้นมาอีกคน น้ำเสียงเหมือนปลอบเพื่อน อายตาเองก็พยักหน้าเห็นด้วยแต่ภายในใจของเธอกลับรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร.....
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นแตงกวาก็เผลอไปสบตากับอิฐเข้าและดูเหมือนเขาจะมองเธออยู่ก่อนแล้วด้วย ใบหน้าหล่อเหลาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากทำเอาแตงกวาขนลุกไม่น้อยเพราะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
Rrrr…. แต่อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เลยจำต้องเดินออกไปรับสายที่ด้านนอกร้านถึงแม้เบอร์ที่โทรมานั้นเธอจะไม่อยากรับสายก็เถอะ
“สวัสดีค่ะพี่กันต์”
“(สวัสดีครับ พี่คิดว่าน้องแตงกวาจะไม่รับสายพี่แล้วซะอีก)”
“รับสิคะ... ว่าแต่พี่มีอะไรหรือเปล่าคะถึงโทรมาหาแตงกวา?”
“(แหม น้องแตงกวาถามแบบนี้พี่เสียใจนะ ถ้าไม่มีธุระก็แปลว่าพี่ไม่มีสิทธิ์โทรหาใช่ไหมครับ... หรือว่ากลัวแฟนเข้าใจผิดครับ)” เสียงของปลายสายฟังดูออดอ้อนระคนน้อยใจอยู่ในที แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้แตงกวารู้สึกผิดหรือสงสารเลย แต่เธอกลับกรอกตามองบนแทน เพราะไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของเขาซะเมื่อไรหละ
“เปล่าหรอกค่ะ คุยได้ค่ะ”
“(ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่แค่จะโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้เรามีนัดกันนะครับ... แม่น้องแตงกวาอนุญาตให้พี่ไปรับน้องแตงกวาที่มหาลัยจำได้ไหมครับ)” สิ้นเสียงของกันต์แตงกวาก็เบิกตากว้างเพราะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าพรุ่งนี้เขาจะมารับเธอเพื่อไปทานมื้อเย็นกับแม่ของเธอและพ่อของเขาหลังจากที่คุยเรื่องสัญญาธุรกิจเสร็จ
“อ้อ ค่ะ... จำได้สิคะ แต่พรุ่งนี้แตงกวาน่าจะเลิกเรียนเย็นๆ เลยน่ะค่ะ เอาอย่างนี้ดีไหมคะ... เดี๋ยวแตงกวาไปเอง พี่กันต์ส่งแค่โลเคชั่นของร้านมาให้แตงกวาก็พอ” เรื่องเฉไฉเนี้ยต้องยกให้เธอเป็นที่หนึ่ง แต่กันต์กลับรู้ทันเธอซะได้
“(ไม่เป็นไรครับ พี่รอได้... เอาเป็นว่าเจอกันพรุ่งนี้นะครับ)” พูดจบเขาก็ตัดสายไปเลยโดยไม่รอให้เธอทันได้พูดอะไร เหมือนมัดมือชกกันดีๆ นี่เอง
“เฮ่ออออ....” แตงกวาถอนหายใจหนักๆ ออกมาเมื่อนึกถึงความวุ่นวายและความอึดอัดที่จะเกิดขึ้น
ในขณะที่เธอกำลังจะหมุนตัวกลับเข้าไปในร้านเธอกลับเจอเข้ากับอิฐที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ มือหนาคีบบุหรี่ไว้พลางริมฝีปากหยักนั่นก็พ่นควันขาวออกมา เขายืนจ้องมองเธอเขม็ง
“คุยกับผู้ชายแค่นี้ถึงกับถอนหายใจเลย?”
“ไม่มีใครเคยบอกพี่เหรอว่ามันไม่มีมารยาทที่มาแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์เนี้ย”
“แล้วเห็นพี่เป็นคนมีมารยาทขนาดนั้นเลย?” เขาเลิกคิ้วถามพลางมุมปากก็ยกยิ้มกวนๆ ไปให้เธอ
“เออ... หนูก็ลืมไปว่าคำว่ามารยาทคงไม่น่าจะมีในคลังสมองของพี่”
“โหหห... นับวันยิ่งด่าแรงขึ้นเรื่อยๆ นะเราน่ะ หึหึ” อิฐไม่ได้รู้สึกโกรธหรือสะทกสะท้านอะไรกับคำด่าของเธอเลย กลับยิ้มรับมันอีกต่างหาก
“แล้วพี่แคร์?”
“ก็ไม่ ฮ่าๆ”
“พี่นี่มันจริงๆ เลย.... แล้วออกมาทำไมคะ? ไม่ดื่มอยู่ข้างในเหรอ หรือว่าออกมารอสาวๆ ของพี่?”
“ถามแบบนี้แสดงว่าหึงแฟนกำมะลออย่างพี่ใช่ไหม” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อคมของเขา
“ก็แค่แฟนกำมะลอป่ะ จะหึงเพื่อ?” แตงกวาเองก็กอดอกถามกลับ ในเมื่อเขากวนมามีเหรอเธอจะยอม ก็ตอกกลับไปเลยสิคะ
“แต่อย่างน้อยก็เป็นแฟนกำมะลอที่เคยลึกซึ้งกันนะ” อิฐยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แตงกวาก่อนจะยิ้มกวนแล้วกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของเธอ ทำเอาแตงกวาถึงกับเบิกตากว้างเพราะกลัวใครจะมาได้ยินเข้า
“หุบปากพี่ไปเลยนะ ไหนบอกว่าจะไม่พูดถึงแล้วไง!!”
“หึหึ... ไม่พูดถึงก็ได้ แต่ว่าคืนนี้กลับด้วยกันนะ เดี๋ยวไปส่ง” สายตาเจ้าเล่ห์พร้อมกับรอยยิ้มที่ก็เจ้าเล่ห์ไม่แพ้กันนั้นทำเอาแตงกวาถึงกับต้องหรี่ตามองเขา
“คิดจะทำอะไรคะ?”
“เปล่า... แค่จะไปส่งเฉยๆ” ไหล่หนาไหวเบาๆ อย่างต้องการที่จะบอกว่าไม่มีอะไรจริงๆ แต่แววตาของเขาที่มองเธอนั้นมันสวนทางกับท่าทางของเขาเอามากๆ
“หนูมากับน้ำหวานคงกลับกับพี่ไม่ได้อ่ะ โทษทีนะคะ”
แตงกวาพูดจบแล้วก็ยิ้มหวานให้เขาทีหนึ่งจากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในร้านทันที แต่อิฐที่มองตามหลังเธอไปนั้นกลับมีรอยยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรให้เล่นสนุกมากกว่าที่เขาคิด....
“เอ้า!! ชนนนนน!!” เสียงอิฐตะโกนแข่งกับเสียงเพลงในร้านเหล้าพร้อมกับยกแก้วขึ้นชนกับคนอื่นๆ
หลังจากที่เขาเดินกลับเข้ามาในร้านเขาก็เดินไปนั่งตรงข้ามกับแตงกวาพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ ให้เธอด้วย แต่แตงกวากลับเบือนหน้ามองไปทางอื่นแทน ตอนนี้เธอโคตรจะหงุดหงิดใจที่เขาทำแบบนี้เพราะเธอกลัวว่าคนอื่นจะสงสัยเรื่องระหว่างเขากับเธอเข้า
เวลาล่วงเลยมาจนห้าทุ่มกว่าๆ ทุกคนเริ่มจะกรึ่มๆ กันแล้ว ก่อนที่เสียงของอิฐจะโพล่งขึ้นมากลางวงสนทนาจนทุกคนหันไปมองเขาเป็นตาเดียว
“เรามาเล่นเกมกันไหม?”
“เกมอะไรของมึง?” อาร์มมองหน้าเพื่อนตัวเองพลางย่นคิ้วเป็นเชิงถาม
“Truth or Dare ” อิฐตอบกลับเพื่อนเสียงเรียบพร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ดูเขาภูมิใจกับเกมที่ตัวเองเป็นคนคิดอย่างมาก
“ยังไงของมึงวะ?” คิมหันต์เองก็ถามขึ้นมาอีกคน คิ้วหนามุ่นเข้าหากันเล็กน้อยพลางยกแก้วของตัวเองขึ้นจิบเบาๆ
“มันก็เกมหมุนขวดนั่นแหละ... ถ้าปากขวดหยุดที่ใครคนนั้นต้องพูดความจริงโดยที่คนอื่นๆ จะเป็นคนถามคำถามหรือสั่ง แต่ถ้าไม่ตอบหรือไม่ทำก็แดกเหล้าไปเลยคร้าบบบบ... แต่เตือนไว้ก่อนนะงานนี้หมดแก้วเท่านั้น” อิฐอธิบายกติกาด้วยความภูมิใจกับความคิดของตัวเอง พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในแบบฉบับของเขาพลางปรายตาไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเขาด้วย
“เอาดิ๊!! กลัวที่ไหน ว่าแต่สาวๆ โอเคไหมครับ?” อาร์มรับคำท้า ก่อนจะหันไปถามสามสาวด้วย
“ได้ค่ะ” แตงกวากับน้ำหวานตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม เธอเองก็นึกสนุกกับเกมที่เขาคิดโดยไม่ได้เอะใจถึงผลที่จะตามมาเลย แต่คนฟังอย่างอิฐที่ยินแบบนี้ก็ถึงกับกระตุกยิ้มทันที ก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทางขำๆ
“แต่สำหรับสาวๆ พี่อนุญาติให้แค่จิบๆ ก็พอ เพราะเดี๋ยวเมาแล้วจะไม่น่ารัก ฮ่าๆ “
“งั้นกูขอเริ่มก่อนเลย” พอทุกคนเห็นด้วยกับเกมที่อิฐเสนอมา อาร์มก็ยกมือขึ้นเพื่อเปิดเกม
ขวดเหล้าเปล่าบนโต๊ะเริ่มหมุนเป็นวงกลมทำเอาคนที่เริ่มเมาเกิดอาการตาลายเลยทีเดียวที่มองตามมัน
พรึ่บ!!! แต่แล้วขวดนั้นก็หยุดหมุนแล้วหันไปทางคิมหันต์
“กูขอถาม......ไอ้คิม!! มึงเผด็จศึกน้องแนนนิเทศรึยังวะ!?” อิฐยกมือขึ้นพร้อมกับยิงคำถามไปที่คิมหันต์ แต่คำถามของเขาทำเอาสาวๆ ที่ตั้งใจฟังอยู่ถึงกับอึ้งเพราะคำถามนั้นช่างล่อแหลมและตรงเกินไป
“เหี้ยอิฐ!!!” เสียงเพื่อนของเขาอย่างธามธาวิน อาร์ม และคนถูกถามอย่างคิมหันต์พร้อมใจกันด่าอิฐอย่างพร้อมเพรียง แต่เจ้าตัวกลับดูไม่ได้เดือดร้อนกับคำกรนด่าของเพื่อนเลยสักนิดแถมยังยิ้มกว้างรับคำด่านั้นอีก
“กูขอไม่ตอบเพราะน้องเขาเป็นผู้หญิง คำถามมึงเหี้ยมาก” คิมหันต์พูดพร้อมกับยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นมากระดกรวดเดียวหมดแก้ว คนที่เหลือก็พากันหัวเราะเพราะดูเหมือนวันนี้อิฐจะโดนด่าอยู่คนเดียว
จากนั้นเกมรอบต่อไปก็เริ่มขึ้น เกมดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนรอบนี้ปากขวดหันมาหยุดที่แตงกวา และคนที่ตั้งคำถามก็คืออิฐเหมือนเดิมแต่เจ้าตัวกลับมีรอยยิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง
“แตงกวาพี่ขอถามเรา... ว่าเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน?” คำถามที่เขาถามออกไปนั้นเพราะเขาต้องการรู้ข้อมูลของเธอ จะให้ไปถามเธอตรงๆ ก็คงจะไม่ได้ ดังนั้นเกมนี้เลยถูกคิดขึ้นมาเล่นในค่ำคืนนี้ มุมปากเหยียดยิ้มบางๆ มองคนที่นั่งตรงข้ามกับเขาอย่างรอฟังคำตอบ
“อืม.... ขอนับก่อนนะพี่” แตงกวาเองที่พอฟังคำถามจบก็ทำท่าคิดพลางทำท่ายกมือขึ้นมานับนิ้วทำเอาคนอื่นๆ พากันหัวเราะเธอ
“นิ้วพอไหมเอาของพี่ไหม พี่ให้ยืม” อิฐว่าพลางยื่นมือไปข้างหน้าพร้อมกับหัวเราะกับท่าทางของเธอ ความเนียนของแตงกวาอิฐนับถือมันจริงๆ เธอทำเหมือนไม่เคยรู้จักเขามาก่อนได้แนบเนียนมาก
“บ้าเหรอพี่ใครจะมีเยอะขนาดนั้น... ถ้าแฟนจริงๆ ไม่นับคนคุยก็ 2 คนได้”
“โว๊ะ!! ทำท่านับซะนานคิดว่าจะเยอะ” อิฐพูดขึ้นเสียงดัง เพราะเขาเองก็แอบคิดว่าเธออาจจะมีแฟนมาก่อนหน้าแล้วหลายคน ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองเป็นคนแรกของเธอแต่ก็แอบรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยโดยไม่รู้สาเหตุ
“โหหหพี่! หนูเป็นผู้หญิงนะคะ จะคบใครเป็นแฟนก็ต้องคิดเยอะๆ ป่าว หนูเป็นกุลสตรีค่ะ” ท่าทางกวนๆ ของแตงกวาเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี อิฐเองก็แอบอมยิ้มพลางส่ายหน้าไปมา
จากนั้นเกมก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนมาถึงรอบคลายแม็กที่ทำเอาทุกคนในโต๊ะมองหน้ากัน ก่อนที่คิมหันต์จะเป็นตัวแทนหมู่บ้านยกมือขึ้นถามคำถามกับอายตาซึ่งเป็นผู้โชคดีในรอบนี้
“น้องอายตาครับ... พี่ขอถามครับ ว่าน้องอายตากับไอ้ธามตอนเด็กๆ เป็นไงกันบ้าง” สิ้นคำถามของคิมหันต์อายตาก็หันไปมองธามธาวิน ก่อนจะหันกลับมาตอบคำถาม
“น่ารักค่ะไม่ปากหมาเหมือนตอนนี้” เจ้าตัวตอบพร้อมกับยกยิ้มกวนให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตัวเองอย่างธามธาวินด้วย ธามธาวินที่ได้ยินคำตอบนั้นออกมาจากปากของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเมียก็ถึงกับถลึงตาใส่เธอเลยทีเดียว
“แล้วสนิทกันมากไหมครับ” คิมหันต์ยังคงถามต่อ
“สัสคิมคำถามเดียว!” เป็นธามธาวินที่พูดขัดขึ้นมาด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวอายเล่าให้ฟังค่ะ... ตอนเด็กๆ พวกเราสนิทกันค่ะ เพราะเรียนที่เดียวกันแล้วพ่อแม่ของเราก็สนิทกันมากด้วย พวกเราก็เลยเจอกันบ่อย แต่พอขึ้นมัธยมพี่ธามก็ย้ายมากรุงเทพฯ ก็เลยไม่ค่อยได้เจอกัน... ตอนเด็กพี่ธามน่ารักมากค่ะ ตัวขาวๆ ผอมๆ ไม่น่าโตมาตัวเท่านี้ได้” อายตาตอบคำถามพร้อมกับแอบจิกกัดธามธาวินไปเบาๆ คนโดนพาดพิงเองก็จ้องหน้าเธอเขม็ง
“ใครจะเหมือนเธอโตมาแต่สูงได้แค่นี้”
“พี่ธามอย่ามาข่มเรื่องความสูงกับอายนะ อย่างอายเขาเรียกสูงมาตรฐานหญิงไทยค่ะ”
“แถวบ้านเรียกเตี้ย!”
“พี่ธาม!!!”
“เอ้าพอๆๆๆ หยุดตีกันก่อนสองผัวเมีย กูให้เล่นเกมสนุกๆ ไม่ได้ให้มาสร้างความร้าวฉานในครอบครัว” อิฐที่เห็นท่าไม่ดีเลยรีบห้ามศึกระหว่างเพื่อนรักของตัวเองกับอายตาทันที
“สัสอิฐ!!” ธามธาวินเองก็หันไปด่าอิฐแทน แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะ