เสียงกรีดร้องของแตงกวายังคงดังก้องอยู่ในหูของอิฐ และกว่าเธอจะหยุดกรี๊ดได้ก็ผ่านไปนานหลายนาทีเลยทีเดียว
“พี่อิฐ... พี่... ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่หละ?! แล้วทำไมหนูถึงอยู่ในสภาพนี้?! พี่ทำอะไรหนู?!” ทันทีที่ตั้งสติได้เสียงเล็กก็รัวคำถามใส่คนที่ยังคงยืนมองเธออยู่เป็นชุด
“ที่นี่ห้องพี่.... จำไม่ได้จริงๆ เหรอว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“ก็....”
เสียงหวานเอ่ยออกมาแค่นั้นก่อนจะค่อยๆ เรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอจำได้คร่าวๆ ว่าเธอเสียใจที่แม่ไม่สนใจ แล้วก็เจอเข้ากับอิฐจากนั้นก็ดื่มหนักมากจนเมา และจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย รู้แค่ว่าเธอต้องการอ้อมกอดปลอบประโลมจากพ่อของเธอที่จากเธอไปแล้วไกลแสนไกล
“เมื่อคืนเธอเป็นคนบอกว่าให้พี่กอด แถมยังอ้อนไม่เลิก... พี่ก็เลยทำตามที่เธอขอ” ร่างสูงเอ่ยออกมาเสียงเรียบในแบบที่เขาเข้าใจ
“อะ...อะไรนะ!?”
“อือ... ก็ตามนั้นแหละ”
“ไอ้พี่อิฐ!!”
“อ้าว... ด่าทำไม!?”
“.................”
คนตัวเล็กที่เริ่มประมวลเรื่องราวได้บ้างคร่าวๆ ถึงกับนิ่งงันไป เพราะเธอเหมือนจะจำได้ว่าเธอขอให้พ่อที่จากไปแล้วของเธอกอดเพราะเธอต้องการการปลอบโยน แต่ไม่คิดเลยว่าคนที่ตัวเองอ้อนออกไปนั้นจะเป็นอิฐ และเขายังเข้าใจความหมายของคำว่ากอดของเธอผิดพลาดไปไกลมาก และเขายังเป็นผู้ชายที่เธอเพิ่งจะรู้จักเมื่อไม่นานมานี้แถมยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีกต่างหาก... แตงกวาเงียบไปก่อนเอ่ยถามออกมาเสียบเรียบ
“พี่ได้ป้องกันหรือเปล่า”
คำถามของเธอทำเอาคิ้วหนาของอิฐขมวดเข้าหากันยุ่ง เพราะเขาคิดว่าเธอจะโวยวายมากกว่านี้ซะอีก แต่กลับผิดคาด เขาเอาแต่เงียบและจ้องหน้าเธอไม่เลิก ก่อนที่เสียงเล็กจะเรียกสติเขาด้วยการถามคำถามเดิมอีกครั้ง
“ป้องกันหรือเปล่า...”
อิฐไม่ได้ตอบคำถามของเธอ ก่อนจะปรายตาไปยังซองถุงยางอนามัยที่ถูกใช้งานแล้วที่ตกเกลือนอยู่บนพื้นห้องนอนแทน และนั่นก็เป็นคำตอบให้กับเธอได้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเขาป้องกันแน่นอน ก่อนที่คนตัวเล็กจะกลืนน้ำลายคงคอพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ
“อืม... งั้นก็ช่างมันเถอะ... เมื่อคืนหนูเมา....” เธอพูดแค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับรั้งผ้าห่มขึ้นมาพันรอบตัวเองไว้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
อิฐยืนมองร่างบางที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับความคิดที่เริ่มจะตีกันจนยุ่งในหัวของเขา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วกดโทรหาใครบางคน เขารอจนสายเกือบตัดกว่าเบอร์ปลายสายจะยอมกดรับ
“(ฮัลโหล!...)” เสียงตอบกลับนั่นฟังดูก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจจะรับสายของเขาสักเท่าไร
“ไอ้อาร์ม กูมีคำถาม”
“(กูไม่ว่าง!)”
“แป๊บเดียว”
“(ก็กูบอกว่ากูไม่ว่างไง!)”
“เรื่องของมึง แต่กูจะถาม”
อิฐไม่ได้สนใจกับอาการหงุดหงิดของคนปลายสายเลยสักนิด เพราะสิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดในตอนนี้คือคำตอบของคำถามที่เขากำลังจะเอ่ยออกไปมากกว่า
“ถ้ามีผู้หญิงพูดกับมึงว่ากอดหน่อย..... เป็นมึงมึงจะเข้าใจว่ายังไงวะ?”
“(กอดหน่อย? ก็กอดไง... เดินเข้าไปกอดเขาก็แค่นั้น)”
“แค่นั้นเหรอ”
“(ก็เออสิ! แล้วมึงคิดว่าอะไร!?)”
เสียงจากปลายสายตอบกลับมาก่อนจะเงียบไปแป๊บหนึ่ง เพราะด้วยรู้ดีว่าผู้ชายอย่างอิฐคำว่ากอดมันคงไม่ได้เป็นแบบเดียวกับที่เขาเข้าใจอย่างแน่นอน
(เดี๋ยวนะ! กอดของมึงไม่ได้เหมือนกับกอดของกูใช่ไหม)”
“เออ”
“(ไอ้สัส!! แล้วมึงไปกอดใครเขาเข้า อย่าบอกนะว่าเขาไม่ได้สมยอม!?)”
“ไม่รู้ว่ายอมไหม... แต่ก็ขอให้กูกอดเองนี่หวา... ฉะนั้นกูก็ถือว่ายอม”
“(ไอ้เหี้ยอิฐ! ตรรกะมึงป่วยมาก... ใจจริงคือมึงก็อยากเต็มแก่แหละถูกไหม)”
“ก็ยั่วกูก่อนนี่หวา แล้วกูผิดตรงไหน”
“(เออๆ ไอ้เวร... ดีๆ ละกัน)”
“(พี่อาร์มคุยกับเพื่อนเสร็จหรือยังคะ)” เสียงหวานของใครบางคนดังแทรกผ่านมาจากปลายสาย พอได้ยินแบบนั้นอิฐถึงกับขมวดคิ้วเพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมเพื่อนรักถึงรับสายของเขาช้านัก
“(รอแป๊บนะครับ)”
“ไอเหี้ยอาร์มคราวหลังถ้ายังไม่เสร็จกิจก็อย่าเสือกรับโทรศัพท์กู!”
“(มึงโทรมาเองนะ ฮ่าๆ)”
เสียงหัวเราะร่วนจากปลายสายทำเอาอิฐถึงกับส่ายหัวพร้อมกับกดวางสาย ก่อนจะหันไปมองประตูห้องน้ำที่ยังคงปิดสนิทอยู่
“ก็บอกให้กอดนี่หวา... กูเข้าใจผิดตรงไหนวะ” พึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะจัดการเก็บกวาดเศษซากที่ยังคงหลงเหลืออยู่จากสงครามเมื่อคืน.....
อีกด้านของคนที่ยังคงอยู่ในห้องน้ำ......
แผ่นหลังบางของแตงกวาพิงไปกับพนังเย็นเฉียบของห้องน้ำกว้าง แววตาสั่นระริกของคนอวดเก่งเมื่อครู่หายวับไปในพริบตา เหลือก็แต่คนตรงหน้าที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงาพร้อมกับน้ำใสที่ไหลออกมาอาบทั้งสองข้างแก้มขาว
สายตามองตัวเองผ่านกระจกเงาบานใหญ่ ร่องรอยที่เขาทิ้งไว้บนตัวเธอมันย้ำชัดว่าเมื่อคืนเขาและเธอผ่านอะไรกันมาบ้าง ใจจริงเธอไม่ได้อยากจะถามเขาออกไปแบบนั้นหรอก แต่จะให้ทำยังไงได้...ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว และก็เกิดจากความเมาของเธอเองด้วย มันไม่สามารถเรียกร้องอะไรหรือกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว นอกจากทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น.....
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าคนที่อยู่ในห้องน้ำจะเดินออกมาพร้อมกับแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่สายตาของเธอจะสบเข้ากับเขาที่นั่งรออยู่บนเตียง เท้าเล็กก้าวเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วหมุนตัวตั้งท่าจะเดินออกจากห้องนอนไป ก่อนที่เธอจะหยุดแล้วหันกลับมาหาเขาอีกครั้ง
“ช่วยลืมเรื่องเมื่อคืนได้ไหมคะ แล้วก็.... อย่าบอกใครด้วยเรื่องนี้... โดยเฉพาะเพื่อนของพี่”
พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องเขาเลย อิฐทำได้แค่อ้าปากค้างมองตามแผ่นหลังนั้นไปจนสุดสายตา
“อะไรของเธอวะ?”
คิ้วหนามุ่นเข้าหากันทันที ปกติมีแต่ผู้หญิงอยากจะเปิดตัวหลังจากมีอะไรกับเขา แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไปและนั่นก็ทำให้เขารู้สึกเสียศูนย์เล็กน้อย รู้สึกเหมือนโดนตบหน้ายังไงไม่รู้เพราะผู้หญิงทุกคนที่นอนกับเขาล้วนแล้วแต่ต้องการจะประกาศให้โลกรู้ว่ามีอะไรกับเขา แต่แตงกวาคือคนแรกเลยที่พูดแบบนี้กับเขา แต่ก็ช่างเถอะเพราะในเมื่อผู้หญิงไม่ได้ใส่ใจที่จะเรียกร้องอะไรเขาเองก็ไม่ควรเก็บมาคิดให้รกสมองด้วยเหมือนกัน เพราะเขาเองก็ไม่ได้แคร์เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองเตียงกว้างที่ยังหลงเหลือร่องรอยคราบความบริสุทธิ์ของเธออยู่บนผ้าปูที่นอนพลางคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืน พร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ว่าจะคิดถึงมันอีกทำไม ปกติเขาแทบไม่สนใจด้วยซ้ำว่าผู้หญิงที่เขามีอะไรด้วยจะชื่ออะไรหรือหน้าตาเป็นยังไง
“จะสนใจทำไมว่ะไอ้อิฐ”
พึมพำเพื่อเรียกสติของตัวเอง และเขาก็ยังคอยย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าจะไม่ให้ใครเข้ามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตสนุกไปวันๆ ของเขาเด็ดขาด.....
หลายวันต่อมา......
ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นทั้งเขาและเธอก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย และแตงกวาเองก็ไม่กล้าที่จะออกไปเที่ยวผับหรือร้านเหล้าเพราะกลัวว่าจะบังเอิญไปเจอกับเขาเข้า กลัวว่าจะทำตัวไม่ถูก และหลายวันมานี่เธอเองก็พยายามที่จะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นด้วย เพราะอะไรที่มันเสียไปแล้วเธอเองก็ไม่สามารถเรียกกลับมาได้หรือไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว แล้วจะเก็บมาซ้ำเติมตัวเองไปเพื่ออะไร เพราะมันมีแต่จะสร้างบาดแผลทางจิตใจให้ตัวเองซะมากกว่า และเวลาที่ผ่านไปนั้นมันก็ทำให้เธอพอที่จะลืมมันไปได้บ้างแล้ว....
หลังเลิกเรียนสามสาวเพื่อนซี้พากันมานั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ในลานกิจกรรมตรงทางเดินเชื่อมระหว่างตึกคณะบริหารฯ กับคณะวิศวะฯ ซึ่งในเวลานี้ก็มีนักศึกษามากมายเดินผ่านไปมา บ้างก็พากันมานั่งเล่น บ้างพากันมานั่งทำงาน นั่งพูดคุยกัน รวมถึงพวกเธอด้วยที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำรายงานกลุ่มของวิชาเอกของพวกเธออยู่....
“กรูว่าตรงนี้เนื้อหามันยังไม่ได้ว่ะ หรือมึงว่าไงแตงกวา?” เสียงใสของน้ำหวานเอ่ยถามเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ
“อืม ก็จริงของเมิง... งั้นลองเอาข้อมูลมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศเข้าไปเพิ่มไหม มันจะได้ครอบคลุมมากกว่านี้” แตงกวาเอ่ยเสริมขึ้นมาในขณะที่มืออีกข้างก็ถือเยลลี่อันเล็กพร้อมกับป้อนมันเข้าปากของตัวเองไปด้วย และสายตาของเธอก็เหลือบไปมองเพื่อนรักอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ และดูเหมือนเจ้าตัวจะกำลังเหม่อเหมือนคิดอะไรอยู่
“อายตา .... อาย.... ยัยอายตา!!” เสียงใสของแตงกวาตะโกนออกไปและมันก็ดังมากพอที่จะทำให้คนที่กำลังเหม่ออยู่หลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง
“หูกรูจะแตกแล้วแตงกวา!!” อายตาหันไปด่าเพื่อนรักพร้อมกับมุ่นคิ้วเข้าหากันจนยุ่ง
“ก็เรียกตั้งนาน เหม่ออะไรว่ะ?... ช่วงนี้ดูเมิงเหม่อลอยแปลกๆ นะ” เธอยังคงเอียงคอมองหน้าอายตาเหมือนรอคำตอบ
“ก็ปกตินี่หว่า คิดมากเมิงอ่ะ” แต่อายตากลับตอบแบบปัดๆ พร้อมกับก้มหน้าลงไปสนใจกับหนังสือเรียนตรงหน้าต่อ
“พักนี้ไม่เห็นพี่ธามมารับเมิงเลย... พี่เขาไปไหนว่ะ?” น้ำหวานเองที่ก้มหน้าก้มตาหาข้อมูลในแล็ปท็อปของตัวเองอยู่เงยหน้าขึ้นมาถามเพื่อนรักด้วยอีกคน
“กรูไม่ใช่เด็กที่ต้องรอให้พ่อมารับกลับบ้านนะ!” และนั่นก็คือคำตอบของคำถามที่เพื่อนรักต่างยิงไปที่เธอ คำตอบและน้ำเสียงฟังดูหงุดหงิดเพราะเธอไม่ค่อยอยากได้ยินชื่อของคนที่เพื่อนของเธอถามถึงมากนัก
ตึก!!
แต่จู่ๆ ในขณะที่สามสาวกำลังนั่งทำงานกันอยู่นั่น กลับมีน้ำแดงแก้วใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะที่ตรงหน้าของสาวสวยหน้าหวานอย่างอายตา ก่อนที่ทั้งสามคนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองคนที่เอามันมาวาง
และทันทีที่สบตาเข้ากับเจ้าของน้ำแดงแก้วนั้นอายตาก็มุ่นคิ้วเข้าหากัน แต่ต่างจากแตงกวาที่พอเธอเห็นคนที่ยืนอยู่กลับกลุ่มเพื่อนของเขาเธอก็รีบหลบสายตาคมที่มองมาทางเธอทันที
อิฐยืนมองหน้าของแตงกวานิ่งๆ พร้อมกับยกยิ้มมุมปากเพราะปฏิกิริยาของคนตัวเล็กเมื่อเห็นเขามันชวนให้ขำอย่างบอกไม่ถูก เพราะความเลิ่กลั่กของเธอมันบอกได้ดีว่าเธอกำลังทำตัวไม่ถูกที่เห็นหน้าเขา
ก่อนที่เพื่อนหนุ่มอย่างธามธาวินจะเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าของภรรยาป้ายแดงของเขาอย่างอายตา ชายหนุ่มส่งยิ้มกวนให้พลางดูดน้ำแดงอีกแก้วที่ตัวเองถืออยู่ในมือไปด้วย
“อะไรคะ?” อายตามองแก้วน้ำแดงสลับกับมองหน้าของธามธาวินไปด้วย
“ซื้อผิด! ตอนแรกกะว่าจะให้หมากินแต่แถวนี้ไม่มีซักตัวก็เลยเอามาให้เธอ....เสียดายของ”
“งั้นก็เอาไปให้หมาหน้ามหาลัยเถอะคะ!” อายตาค้อนเข้าให้วงใหญ่เพราะคำพูดของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าสามีของเธอมันช่างร้ายกาจ แต่เพื่อนๆ ที่มองดูคู่สามีภรรยาป้ายแดงก็ต่างพากันอมยิ้มให้กับการต่อล้อต่อเถียงของคนทั้งคู่
“มึงนี่ปากหมาได้ตลอดเลยนะซื้อมาให้น้องก็บอกเขาไปดีๆ “ คิมหันต์ที่เดินตามเพื่อนๆ ของเขามาพูดขึ้นพลางยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยื่นแก้วน้ำอีกสองแก้วไปให้น้ำหวานกับแตงกวา พร้อมกับรอยยิ้มละมุนของเขา
“นี่ครับสมูทตี้ผลไม้สำหรับสองสาว”
“ขอบคุณค่ะ / ขอบคุณค่ะ” แตงกวากับน้ำหวานประสานเสียงกันขอบคุณคิมหันต์ ก่อนที่แตงกวาจะหุบยิ้มเพราะสายตาคมของใครบางคนที่กำลังมองเธออยู่อย่างไม่ละสายตานั่นมันทำให้เธอรู้สึกประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จริงๆ แล้วหลายวันที่ผ่านมานี่อิฐเองก็ไม่สามารถลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้เลย แม้เขาจะพยายามบอกตัวเองว่าให้ลืมและไม่ต้องสนใจมันก็เถอะ แต่ทุกครั้งที่เขามีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นของเขา กลับมีใบหน้าหวานของแตงกวาลอยทับมาเสมอจนมันทำให้เขาหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย....
สี่หนุ่มเดินไปทิ้งตัวลงนั่งโต๊ะเดียวกับสามสาว โดยธามธาวินเบียดตัวนั่งลงที่ข้างอายตา และตามมาด้วยอิฐที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ อีกฝั่งของอายตาและมันก็เป็นฝั่งที่ตรงกันข้ามกับแตงกวา สายตาของเขามองเธออย่างจงใจ ก่อนที่คนถูกมองจะเฉไฉเบี่ยงหน้าไปทางอื่น....
“ช่วงนี้ไม่เห็นพวกเราที่ร้านเหล้าเลย เรียนหนักเหรอ?” และก็เป็นอาร์มที่เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่พูดคุยกันมาได้สักพัก
“โหพี่! ถามแบบนี้เหมือนพวกหนูเป็นพวกขี้เหล้าเลยอ่ะ” แตงกวาตอบกลับอาร์มไปด้วยสายตาตัดพ้อปนขำขัน เธอเลือกที่จะไม่สนใจใครอีกคนที่เอาแต่มองหน้าเธอ
“หรือไม่จริง เจอกันทีไรอยู่ร้านเหล้าทุกที” อิฐตอบกลับแตงกวาออกไปอย่างจงใจ เพราะเขาและเธอมักบังเอิญเจอกันที่ร้านเหล้าอยู่บ่อยๆ และเพราะร้านเหล้ากับความเมานี่แหละถึงทำให้เขาและเธอต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์อึดอัดแบบนี้ แต่จะว่าไปสำหรับเขาแล้วมันไม่ได้อึดอัดอะไรเพราะเขาไม่ได้ใส่ใจมันอยู่แล้ว ซึ่งต่างจากอีกคนที่ดูเหมือนจะอึดอัดอยู่เต็มทน ก่อนที่เจ้าตัวจะเค้นยิ้มออกมาแล้วหันไปตอบกลับอิฐด้วยท่าทางขำๆ พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
“ไม่ใช่ขี้เหล้าคร้า... แค่อยากเมาบ้างเป็นบางเวลา” เสียงใสตอบกลับออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ และมันก็พาให้ทุกคนในโต๊ะต่างพากันหัวเราะไปตามๆ กัน อิฐเองก็ยกยิ้มให้กับความเนียนของเธอและนึกสนุกอยู่ไม่น้อยที่เห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ.......