หลังจากที่ทุกคนพูดคุยกันอยู่พักใหญ่ก็มีเสียงหวานของใครบางคนดังขึ้นขัดบทสนทนาของทุกคน พร้อมกับการปรากฏตัวของสาวสวยดาวคณะอย่างลูกหว้าและยังเป็นรุ่นพี่ของสามสาวอีกด้วย และเธอก็เดินตรงปรี่เข้าไปหยุดยืนตรงหน้าของธามธาวินก่อนที่จะปรายตามองเขาและคนร่วมโต๊ะ
“ธามคะ!“ เสียงหวานเจืออารมณ์ไม่พอใจของเธอเอ่ยเรียกเพื่อนหนุ่มของเขา แต่ธามธาวินกลับมองหน้าคนตรงหน้าด้วยท่าทางนิ่งเฉย
“ลูกหว้าโทรหาธามตั้งหลายสายแต่ธามไม่รับเลย”
“มีไร!!” เสียงนิ่งเรียบเย็นเหยียบของธามธาวินเอ่ยออกไปจนทำให้คนฟังอย่างลูกหว้ารู้สึกประหม่าไปชั่วครู
“ลูกหว้าจะมาถามธาม ว่าธามจะไปค่ายอาสาของมหาลัยไหม แต่ไปหาที่คณะแล้วไม่เจอ เพื่อนในคลาสธามเขาบอกว่าธามเดินมาทางนี้ลูกหว้าก็เลยตามมา แต่….ไม่คิดว่าจะมาเจอธามกับ รุ่นน้อง คณะเดียวกับลูกหว้า”
เธอเว้นวรรคก่อนจะพูดประโยคหลังออกมาพร้อมกับสายตาคมกริบของเธอที่มองไปยังสามสาวที่นั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขาอยู่ โดยเฉพาะอายตาที่นั่งติดชิดกับธามธาวินและเจ้าตัวเองยังโอบเอวบางของเธอไว้อีกต่างหาก
“ไม่ไป!” เขาตอบไปแค่นั้นด้วยน้ำเสียงสุดแสนจะเย็นชา จนอิฐถึงกับคิดในใจว่าเพื่อนของเขามันจะประหยัดคำพูดไปถึงไหน
“ทำไมหละคะธาม ลูกหว้าอยากไปค่ายนี้กับธามนะ เพื่อนๆ ก็ไปกันหลายคนนะ” ลูกหว้าว่าพลางยื่นมือเรียวเล็กมาเกาะแขนของธามธาวินแล้วเขย่าเบาๆ เป็นเชิงออดอ้อน แต่คนถูกอ้อนกลับส่งเพียงสายตาเย็นชากลับไปให้เธอ
“ช่วงนี้พวกเรายุ่งๆ น่ะครับลูกหว้า เลยไม่ค่อยมีเวลา” และก็เป็นคิมหันต์ที่พูดขึ้นมาขัดบรรยากาศมาคุเพราะกลัวว่าจะมีเรื่องยุ่งเกิดขึ้น ชายหนุ่มรู้ดีว่าธามธาวินเพื่อนรักจอมเย็นชาของตัวเองรู้สึกยังไงกับผู้หญิงตรงหน้าเพียงแต่เขามีความเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่พูดจาหักหน้าหล่อนต่อหน้าคนอื่น
ลูกหว้าที่เห็นธามธาวินหันมองอายตาคิ้วสวยคมก็ขมวดเข้าหากันทันที สายตาคมของเธอถูกส่งมาให้อายตา อายตาเองก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่ถูกส่งมา
“ใช่ พวกเรายุ่งมากๆ เลย คงไม่มีเวลาไปหรอก” อาร์มเองก็พูดเสริมขึ้นมาอีกคน
“คะ.. ลูกหว้าเข้าใจ” ปากบอกเข้าใจแต่น้ำเสียงของเธอกลับไม่เป็นแบบนั้นเลย
“แล้วคืนนี้ธามจะไปที่ร้านไหมคะ ลูกหว้ากับเพื่อนจะไปที่ร้านพอดี” ลูกหว้าปรับสีหน้าแล้วส่งยิ้มหวานไปให้ชายหนุ่มอีกครั้ง
“ไม่!... เหนื่อย!... ขอตัวนะ” ธามธาวินตอบเสียงราบเรียบไร้อารมณ์
“กลับ!” ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วฉุดข้อมือเล็กของอายตาให้ลุกเดินตามเขาออกไป....
หลังจากที่อายตาและธามธาวินออกไปแล้ว แต่ทุกคนยังอยู่ที่เดิมและบรรยากาศตอนนี้ก็เริ่มจะคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ เพราะสายตาของลูกหว้าที่มองตามคนทั้งคู่ที่เดินออกไปนั้นมันบ่งบอกได้ดีว่าเธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่นานอายตากลับเดินกลับเข้ามาอีกครั้งและเหตุการณ์ๆ ก็เริ่มจะบานปรายขึ้นจนเกือบจะมีเรื่องกัน
และในขณะที่ทุกอย่างกำลังวุ่นวายอยู่นั่นเสียงโทรศัพท์ของแตงกวาก็ดังขึ้น มันเป็นเบอร์ที่เธอไม่อยากจะรับเลยจริงๆ แต่เพราะคำพูดของแม่ของเธอในวันนั้นที่มันยังดังก้องอยู่ในหัวของเธอนั่นทำให้เธอต้องจำใจเดินเลี่ยงออกมาจากกลุ่มเพื่อนเพื่อออกไปรับโทรศัพท์.....
................................................
มุมหนึ่งของข้างตึกเรียนที่ลับตาคน.....
แตงกวาออกมายืนพิงพนังของตึกพร้อมกับรับสายของคนที่โทรเข้ามาและไม่มีทีท่าว่าจะท้อในการรอสายของเธอเลย
“สวัสดีค่ะพี่กันต์” เสียงใส่ถูกกรอกลงไปตามสาย พร้อมกับใบหน้าของคนพูดที่ไม่ได้บ่งบอกว่าอยากคุยกับปลายสายเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับแสดงออกถึงความเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
“(สวัสดีครับน้องแตงกวา พี่คิดว่าน้องแตงกวาจะไม่รับสายพี่แล้วซะอีก)”
“อ้อ... ขอโทษทีค่ะ พอดีแตงกวาเพิ่งเลิกเรียนน่ะค่ะ... ว่าแต่พี่กันต์มีอะไรหรือเปล่าคะ?” โกหกออกไปคำโต แต่มันก็ดีกว่าที่จะบอกออกไปตรงๆ ว่าจริงๆ แล้วเธอไม่อยากคุยกับเขา
“(เปล่าหรอกครับ พอดีพี่จะโทรมาถามน่ะครับว่าน้องแตงกวายังไม่ได้เปลี่ยนใจที่จะไปหัวหินวันเสาร์นี้ใช่ไหมครับ?)”
“ค่ะ... แตงกวาไม่เปลี่ยนใจหรอกค่ะ... อีกอย่างแม่ก็อยากให้แตงกวาไปด้วย”
“(เหรอครับ ดีเลย... เอาไว้ให้พี่ไปรับดีไหมครับ เห็นแม่น้องแตงกวาบอกว่าน้องแตงกวาอยู่คอนโดคนเดียว ถ้าให้พี่ไปรับคงจะสะดวกกว่าที่ต้องขับรถไปเองนะครับ)” พอได้ฟังในสิ่งที่เขาพูดออกมาเธอก็นึกเคืองแม่ของตัวเองขึ้นมา ไม่รู้ว่าท่านบอกอะไรกับเขาไปแล้วบ้าง
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะเกรงใจพี่กันต์น่ะค่ะ แล้วอีกอย่างแตงกวาเองก็ว่าจะไปนอนที่บ้านแม่ด้วยน่ะค่ะ ตอนเช้าจะได้ออกไปพร้อมแม่เลย”
“(อ้อเหรอครับ... ถ้างั้นเอาไว้เจอกันวันเสาร์นะครับ)”
“ค่ะ”
แตงกวาถอนหายใจหนักๆ ออกมาหลังจากวางสายจากกันต์ไปแล้ว ใจจริงเธอไม่ได้อยากไปด้วยเลย แต่ถ้าเธอดื้อดึงที่จะไม่ไปแม่ของเธอก็จะโกรธเธอเอาได้ และวันนั้นที่เธอโดนท่านตบมันก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าเรื่องธุรกิจที่ท่านจะลงทุนทำกับพ่อของกันต์นั้นคือเรื่องสำคัญมากสำหรับแม่ของเธอ
มือเล็กกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่นก่อนจะก้าวเท้าเดินออกมาจากมุมตึก แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไปใครบางคนก็เดินเข้ามาขวางเธอไว้ซะก่อน......
อิฐหลังจากที่เคลียร์ปัญหาของธามธาวินกับลูกหว้าเสร็จเขาก็เดินตามแตงกวาออกมาและเขาก็มาทันได้ยินในสิ่งที่เธอพูดคุยโทรศัพท์กับปลายสายทั้งหมด อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องมาสนใจเธอเลยก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมพอเห็นสีหน้าของเธอที่เหมือนกับกำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้น มันกลับทำให้เขาต้องเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทุกที คิดแล้วก็หงุดหงิดตัวเองอยู่ไม่น้อย....
“พี่อิฐ!” เสียงหวานใสของแตงกวาเอ่ยเรียกชื่อเขา ก่อนจะหันซ้ายขวาเพื่อมองว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือมีใครตามเขามาด้วยหรือเปล่า พร้อมกับมือบางที่ยื่นไปดึงข้อมือของเขาให้เดินตามเธอเข้าไปคุยตรงมุมของตึก
“อะไร?” แต่คนตัวโตที่เดินตามเธอมากลับตีหน้ามึนถามออกไปเหมือนกับว่าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
“พี่ตามหนูมาทำไม?”
“ใครตามเธอกัน พี่จะเดินไปเข้าห้องน้ำ” ว่าพลางปรายตามองไปยังทางเดินที่มีป้ายห้องน้ำติดอยู่ แตงกวาเองก็มองตามสายตาของเขาไป ก่อนจะหันมาสบตากับคนตรงหน้าอีกครั้ง ดวงตากลมโตหรี่เล็กลงพลางจ้องมองคนตรงหน้าอย่างต้องการที่จะจับพิรุธ
“มองแบบนี้หมายความว่าไง?” อิฐเอ่ยถามออกไปเพราะดวงตากลมโตของเธอเอาแต่จ้องมองเขาไม่เลิก
“กำลังคิดอยู่ว่าพี่ยังรักษาสัญญาอยู่หรือเปล่า”
“สัญญาอะไร?” ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าที่เธอพูดมันหมายถึงอะไร
“ก็เรื่องนั้นไง... พี่ไม่ได้บอกใครใช่ไหม?” คนตัวเล็กเอ่ยถามออกไปด้วยท่าทางร้อนรนเพราะเธอกลัวเหลือเกิน กลัวใจเขาว่าจะหลุดปากพูดเรื่องคืนนั้นหรือเปล่า เพราะคนอย่างเขาเธอเองก็เดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ สายตาคมของเขาจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตาก่อนจะกระตุกรอยยิ้มร้ายแสนเจ้าเล่ห์พร้อมกับคำพูดที่สุดแสนจะกวนอารมณ์ของคนที่ยืนฟังอยู่
“แล้วถ้าพี่ยอมทำตามที่เธอขอ... แล้วพี่จะได้อะไร?” คิ้วหนาเลิกสูงขึ้นด้วยท่าทางกวนๆ
“พี่หมายความว่าไง?” คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากันจนยุ่ง เพราะอะไรบางอย่างกำลังบอกเธอว่าเขาคนนี้กำลังคิดอะไรเจ้าเล่ห์อยู่อย่างแน่นอน
“ก็... สิ่งตอบแทนถ้าพี่ยอมเก็บเรื่องในคืนนั้นไว้เป็นความลับไง... พี่ไม่ใช่คนดีที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวหรอกนะ แล้วถ้าเกิดพี่เมาขึ้นมาก็อาจจะหลุดปากบอกพวกเพื่อนพี่ก็ได้.... แต่ถ้าเธอมีข้อแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ อันนั้นก็คงพอคุยกันได้” รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เธอ แต่คนที่ฟังคำพูดนั้นของเขาถึงกับนิ่งอึ้งไป เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะมาไม้นี้
“พูดตามตรงนะ หนูแม่งมองพี่ผิดไปจริงๆ ไม่คิดเลยว่าพี่จะเป็นคนแบบนี้” สายตาหวานมองคนตรงหน้าอย่างผิดหวัง แต่เขากลับยิ้มให้กลับคำพูดของเธอและนึกสนุกกับท่าทางของเธอขึ้นมา
“ก็ไม่เคยบอกว่าเป็นคนดีซะหน่อย... แล้วก็นะ...พูดจาแบบนี้กับผู้ชายคนแรกของเธอมันไม่ดีเลยนะแตงกวา หึ” มุมปากหยักกระตุกรอยยิ้มแสนร้ายกาจ ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับเบิกตากว้างมองหน้าเขา
“พี่อิฐ!!”
“หรือพี่พูดไม่จริง... ตอนแรกเห็นว่าเคยมีแฟนแล้ว ไม่คิดเลยว่าเธอจะยัง.....” อิฐเอ่ยออกมากด้วยท่าทางกรุ้มกริ่ม แขนแกร่งทั้งสองข้างยื่นมายันกับผนังตึกโดยมีคนตัวเล็กยืนอยู่ระหว่างกลางจนเธอตกอยู่ในวงแขนของเขาอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนที่เขาจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เธอพร้อมกับรอยยิ้มแสนร้ายกาจนั่น และเธอก็รู้ดีว่าเขาต้องการจะพูดอะไร
“หุบปากของพี่ไปเลยนะ!! จะเอาไงก็ว่ามา!!” ดวงตากลมโตจ้องถลึงมองหน้าอิฐอย่างเอาเรื่อง
“หึหึ.... ตอนนี้ยังคิดไม่ออก เอาไว้คิดออกแล้วจะบอกนะครับน้องแตงกวา... ไปหละ” อิฐหัวเราะในลำคออย่างชอบใจก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกไป ปล่อยให้แตงกวายืนมองเขาด้วยท่าทางไม่พอใจอยู่คนเดียว เธอไม่น่าไว้ใจเขาขนาดที่ยอมดื่มจนเมากับเขาเลยจริงๆ คิดแล้วก็หงุดหงิดตัวเอง....
..................................
แตงกวากลับมานอนที่บ้านของตัวเองเพราะว่าตอนเช้าเธอต้องไปหัวหินกับแม่ของเธอ แต่พอกลับมาถึงบ้านเธอก็ต้องแปลกใจเพราะในบ้านไม่ได้มีแค่แม่ของเธอกับพี่สาวของเธอเท่านั้น แต่กลับมีผู้ชายอีกคนอยู่ด้วยและก็ดูท่าทางจะสนิทสนมกับพี่สาวของเธอเอามากๆ ถ้าจะให้เดาเขาคงเป็นคนควงคนใหม่ของพี่สาวของเธอเป็นแน่ แล้วความสงสัยบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ... แล้วทอยด์หละ? แฟนเก่าของเธอที่คบกับพี่สาวของเธออยู่เขาหายไปไหนแล้ว ก่อนที่ศีรษะเล็กจะสะบัดแรงๆ เพื่อไล่ความคิดของตัวเองเพราะนึกขึ้นได้ว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอ
“สวัสดีค่ะแม่... พี่มะปราง”
“อื้ม.... นั่งสิ กินข้าเย็นด้วยกัน” เสียงแม่ของเธอตอบกลับมาแต่ไม่ได้หันมามองหน้าของเธอเลย ส่วนพี่สาวเธอทำเพียงปรายตามองแตงกวาเท่านั้นแต่ก็ไม่ได้คิดจะแนะนำผู้ชายข้างกายของเธอให้แตงกวาได้รู้จัก
แตงกวาเดินเข้าไปนั่งลงข้างแม่ของเธอก่อนจะเหลือบไปเห็นผู้ชายคนนั้นที่จ้องมองเธออยู่พร้อมรอยยิ้ม เธอเองก็ยิ้มตอบกลับเป็นมารยาท แต่ก็ต้องละสายตาจากเขาเพราะเสียงของแม่ที่เรียกสติเธอ
“เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
“ค่ะ... ว่าแต่เราจะไปกันกี่วันคะ หนูค้างหลายวันไม่ได้นะคะเพราะอาทิตย์หน้าหนูมีเรียนทั้งอาทิตย์เลย”
“ไปค้างแค่คืนเดียว เออ...กันต์เขาได้โทรหาแกบ้างหรือเปล่า?” แม่เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางตักอาหารเข้าปากไปด้วย
“โทรค่ะ... เมื่อวันก่อน ตอนแรกเขาจะไปรับหนูที่คอนโดเพื่อไปหัวหินด้วยกัน แต่หนูบอกเขาว่าหนูจะไปพร้อมแม่”
“ผู้ชายจะไปรับทำเป็นเล่นตัว” เสียงแหลมของพี่สาวพูดขัดบทสนทนาของเธอกับแม่ขึ้นมา ก่อนที่แตงกวาจะปรายตาไปมองพี่สาวที่มองเธออยู่แล้ว สายตาของพี่สาวที่มองเธออยู่ยิ่งนานวันมันก็ยิ่งทวีความเกลียดชังในตัวเธอเพิ่มมากขึ้นโดยไม่หลงเหลือสายตาของพี่สาวที่แสนดีในอดีตอีกเลย แตงกวาผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะตอบผู้เป็นพี่
“หนูไม่ได้เล่นตัวค่ะ แค่ไม่ชอบให้ใครเข้าไปยุ่งวุ่นวาย”
“หึ! พูดจาดูดีแต่สุดท้ายก็ลากผู้ชายกลับคอนโดไม่ใช่หรือไง... แฟนใหม่ของแกน่ะ”
สิ้นเสียงของพี่สาวแตงกวาก็เงียบไปพลางนึกไปถึงวันที่เธอออกไปเคลียร์กับทอยด์แล้วเจอกับพี่สาวเข้าจนเกือบจะมีเรื่องกัน และสุดท้ายก็ได้อิฐเข้ามาช่วยไว้ และนั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่สาวของเธอคิดว่าเธอกับอิฐกลับคอนโดพร้อมกันสินะ ถึงว่าจะจริงก็เถอะ แต่เธอก็ไม่คิดที่จะอธิบายอะไรให้กับพี่สาวเธอฟังหรอก
“แกมีแฟนใหม่แล้วเหรอ?” แม่ที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างๆ หันไปมองแตงกวาพร้อมกับเลิกคิ้วสูงถามออกมา
“ค่ะ...” แตงกวาเองก็จำใจที่ต้องตอบกลับไปแบบนั้น เพราะถ้าขืนเธอบอกความจริงไปมีหวังพี่สาวของเธออาจจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับทอยด์ก็ได้
“ไปเลิกกับมันซะ แล้วก็คุยกับกันต์เขาแค่คนเดียว... เพราะท่าทางเขาชอบแกอยู่”
“แต่หนูไม่ได้อยากคุยกับพี่กันต์นี่คะ”
“เรื่องนั้นมันไม่ใช่ปัญหาของฉัน... และแกก็มีหน้าที่แค่ทำตามที่ฉันบอก เข้าใจใช่ไหมแตงกวา” สายตาของแม่ที่มองมาและคำพูดแสนเย็นชานั่นทำเอาแตงกวาจุกจนพูดไม่ออก เธอรวบช้อนที่ยังไม่ได้ตักอะไรเข้าปากแล้วลุกเดินออกจากโต๊ะอาหารไปขึ้นห้องนอนของตัวเองไป....
เท้าเล็กก้าวเข้ามาในห้องนอนของตัวเองที่เธอไม่ได้กลับมานอนนานมากแล้ว มือเล็กยื่นไปหยิบกรอบรูปที่หัวเตียงพร้อมกับค่อยๆ เกลี่ยนิ้วลงไปบนรูปแผ่วเบา รูปที่เธอเคยถ่ายไว้พร้อมกับครอบครัว สายตาหวานจ้องมองใบหน้าของคนที่เธอแสนคิดถึงพลางน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หัวใจที่แหลกสลายในวันที่ไม่มีพ่ออันเป็นรักอยู่ด้วยมันยังไม่เจ็บช้ำเท่ากับความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้เลย แม่ที่เคยเป็นเหมือนที่พึ่งและเซฟโซนของเธอแต่ตอนนี้มันกลับไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว.....
“ถ้าพ่อยังอยู่ ทุกอย่างมันคงไม่เป็นแบบนี้ใช่ไหมคะ.... หนูคิดถึงพ่อจัง...”
ร่างบางเอนตัวลงนอนพร้อมกับกอดกรอบรูปนั้นไว้แน่นพร้อมกับน้ำตาแห่งความอ่อนแอของเธอที่ไหลอาบไปทั้งสองข้างแก้ม ก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงและหลับใหลไปในที่สุด....