ลีน่าผวาตื่นขึ้นมาก่อนรุ่งสาง หลังจากฝันว่าวิญญาณขององค์หญิงหลีน่ามานั่งร้องไห้อยู่ที่ปลายเตียงและขอร้องให้เธอช่วยดูแลสามหญิงรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ที่ติดตามนางมาจากแคว้นฉงเยว่ เพราะยมทูตขาว ‘เซ่ปี้อัน’ มารอรับวิญญาณของนางแล้ว
ดาราสาวนั่งกุมศีรษะที่หนักอึ้งด้วยความปวดร้าวเหมือนใกล้จะระเบิด เนื้อตัวของเธอชื้นคราบเหงื่อ ชุดนอนซึ่งถักทอมาจากผ้าไหมเนื้อบางเบาเปียกแนบกับผิวกายขาวละออ
ในเวลาเดียวกันความทรงจำต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์หญิงหลี่น่าได้ไหลหลั่งพรั่งพรูเข้ามาในสำนึก ราวกับสมองของหญิงสาวได้รับการโอนถ่ายข้อมูลขนาดใหญ่จากระบบหน่วยความจำของร่างเดิม
ความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจขององค์หญิงหลีน่าช่างหนักหนาสาหัส กระทั่งผู้หญิงกร้าวแกร่งกร้านโลกอย่างลีน่ายังสำเหนียกว่ามันทำให้เธอเจ็บปวดจนเกินจะแบกรับเอาไว้ได้
ดาราสาวถูกความรู้สึกหดหูครอบงำจนมีอาการจิตตก กระทั่งตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาจากห้วงฝัน น้ำตาของเธอก็ยังไหลไม่ยอมหยุด
องค์หญิงหลี่น่าเพิ่งมีอายุได้เพียงแค่สิบห้าปีเศษ ถ้าหากเป็นโลกยุคปัจจุบัน เด็กสาวในวัยนี้กำลังร่ำเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
และนางควรจะได้ใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นอันสดใสสวยงามเพื่อตักตวงความสุขอย่างเต็มที่ ดุจดั่งดอกไม้แรกแย้มในฤดูใบไม้ผลิที่เริงร่าและเปี่ยมล้นความฝัน
ทว่าเด็กสาวผู้คนนี้ช่างอาภัพเหลือเกิน แม้ว่านางจะมีพ่อเป็นถึงฮ่องเต้ของแคว้นฉงเยว่ ซึ่งมีอำนาจบารมียิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน และมีแม่เป็นถึงอดีตฮองเฮา
แต่นางกลับถูกตราหน้าว่าเป็นตัวกาลกิณี เพียงเพราะคำทำนายของโหรหลวงใจทราม ซึ่งปรักปรำใส่ร้ายว่าเด็กหญิงที่กำเนิดในยามตะวันดับจะนำภัยพิบัติมาสู่ครอบครัว หลังจากองค์หญิงหลี่น่าอายุครบหนึ่งขวบ อดีตฮองเฮาแห่งฉงเยว่ก็ทรงประชวรและเสียชีวิตในอีกหนึ่งปีถัดมา
องค์หญิงหลี่น่าถูกคนชั่วตีตราบาปให้นางตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาออกมาดูโลก นางจึงมีบริวารคอยรับใช้เพียงแค่สามคนเท่านั้น
ทว่าแม่นมหวงและนางกำนัลซูปี้กับซูลี่ ทั้งสามคนเป็นประเภทสาวหัวโบราณของยุคโบราณอีกชั้น องค์หญิงหลี่น่าจึงไม่ประสีประสาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ครั้งบังเอิญได้พบเห็นชายหญิงกำลังเล่นรัก นางก็เกิดอาการช็อคจนหัวใจวายตายไปเสียอย่างนั้น
“พระชายาตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ” เสียงพูดของแม่นมหวงดังแทรกขึ้นมาในความคิดของหญิงสาว
“อืม... ข้านอนจนปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด”
ลีน่ากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ด้วยความเป็นนักแสดงระดับมืออาชีพ ทำให้เธอสวมบทบาทเป็นองค์หญิงหลี่น่าได้อย่างแนบเนียน แม้กระทั่งแม่นมหวงซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดูองค์หญิงหลี่น่ามาตั้งแต่ยังเป็นทารก นางยังไม่รู้สึกระแคะระคายแต่อย่างใด
กิจวัตรประจำวันของพระชายาตัวน้อยแห่งตำหนักโม่ลี่ฮวา มีเพียงแค่นั่งกินกับนอนสองอย่างเท่านั้น
วันนี้ก็เป็นเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา หลังจากถูกจับอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซูปี้กับซูลี่ก็ประคองร่างผอมบางของนายหญิงมานั่งกินข้าวที่โต๊ะเสวยตรงระเบียงด้านนอก
โดยปกติ ทางโรงครัวจะจัดสรรกับข้าวแปดอย่าง นำมาส่งให้แก่พระสนมชายาทุกตำหนักเหมือนกันทั้งสิ้น ทว่าหลังจากเกิดเรื่องกับพระชายาสี่ ทางตำหนักโม่ลี่ฮวาก็ได้รับกับข้าวเพียงห้าอย่างเท่านั้น
แม่นมหวงแอบซับน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาเพราะรู้สึกสงสารนายหญิงจับใจ เมื่อเห็นว่าพระชายาน้อยไม่ได้รับความยุติธรรม มิหนำซ้ำพวกนางก็ไม่สามารถช่วยเหลือนายหญิงของตนได้เลย
“แม่นมหวง เป็นอะไรรึ” ลีน่าขมวดคิ้วสงสัย
“ไม่มีอะไรเพคะ แค่ฝุ่นเข้าตา”
แม่นมหวงฝืนยิ้มกลบเกลื่อน แต่การสื่อสารทางสายตาของสามหญิงรับใช้ช่างดูขัดแย้งกับคำอธิบายลิบลับ ดาราสาวผู้มากประสบการณ์อย่างลีน่า เป็นไปได้ยากที่เธอจะตามไม่ทัน พวกนาง
ปวดกะบาลจริงๆ... นี่มันคล้ายกับฉากดราม่าในละครย้อนยุคของซีรี่ส์ไต้หวันเรื่องล่าสุด ซึ่งลีน่าเคยรับเล่นเป็นนางร้ายอันดับสอง แถมบรรยากาศยังดูเหมือนกันอย่างกับว่าใช้พล็อตเรื่องเดียวกัน!
“เฮ้อ... ค่อยยังชั่วหน่อย วันนี้มีกับข้าวแค่ห้าอย่าง ปกติข้าก็กินไม่เคยหมด อะไรที่มีมากเกินไปก็ดูสิ้นเปลืองและเปล่าประโยชน์” นายหญิงตัวน้อยแสร้งทำเป็นบ่นพึมพำ
แม่นมหวง ซูปี้กับซูลี่ ต่างมองสบตากันเลิกลั่กไปมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ เนื่องจากพระชายาหลีน่าเป็นคนจิตใจอ่อนไหว หากมีเรื่องใดกระทบกระทั่งเพียงแค่เล็กน้อย นางก็จะมีอาการเหม่อลอยและจมอยู่กับความโศกเศร้าไปตลอดทั้งวัน
“วันนี้ ข้าอยากไปเดินเล่นในตัวเมือง”
จู่ๆ ลีน่าหลุดปากพูดขึ้นมา ตลอดเวลาสามวันสามคืนที่เธออาศัยอยู่ในร่างนี้ หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองมีสภาพไม่ต่างจากเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกจัดวางไว้ในห้องเพื่อให้ฝุ่นเกาะเท่านั้น
“พระชายาจะทำเช่นนั้นไม่ได้นะเพคะ ทรงลืมไปแล้วหรือเพคะว่า ไท่จื่อทรงมีรับสั่งให้พระชายาพักผ่อนรักษาตัวอยู่แต่ภายในตำหนักโม่ลี่ฮวา จนกว่าจะครบเวลาหนึ่งเดือนเต็ม” แม่นมหวงกล่าวท้วงขึ้นมาทันที
บ้าจริง... นี่มันคำสั่งกักบริเวณชัดๆ
ลีน่าลอบระบายลมหายใจออกมายาวเหยียด สภาพของเธอตอนนี้ สามารถทำได้แค่ก่นด่าคนที่ออกคำสั่งในใจเท่านั้น
“ข้าหายดีและแข็งแรงขึ้นมากแล้ว”
“พระชายาเพิ่งจะทรงหายประชวร ร่างกายยังไม่แข็งแรงดีนัก โปรดอย่าทำให้ไท่จื่อทรงกริ้วอีกเลยนะเพคะ” สามนางกำนัลประสานเสียงพูดพร้อมเพรียงกัน ราวกับมีการนัดแนะ
‘โอย... อยากจะบ้าตาย!’ ทำไมคนไฮเปอร์แอคทีฟแบบเธอต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ แค่อยากออกไปเดินเล่นนอกบ้านก็ช่างแสนลำบาก ยังจะต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าชีวิตเสียก่อน
มิน่าล่ะ... เจ้าของร่างเดิมถึงได้มีสภาพแห้งเหี่ยวหัวโตเหมือนทารกแรกเกิดไม่เคยสูดอากาศนอกมดลูก
ลีน่าถอนหายใจยาวอีกเป็นครั้งที่นับจำนวนไม่ถ้วน เธอพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับสถานการณ์อย่างสุดความสามารถแล้ว
ใช่ว่าเธอจะไม่ชอบความสุขสบาย แต่แบบนี้มันสบายจนเกินไป... เธอควรจะสมรอยเป็นพระชายาหลี่น่า และใช้ชีวิตนั่งกินนอนกินอยู่ในกรงทองต่อไป หรือว่า... จะลุกขึ้นมาปฏิวัติทุกอย่างเสียใหม่?
องค์รัชทายาทซ่งหยวนซีมีพระสนมชายาทั้งหมดสิบหกนาง อันได้แก่สี่พระชายาซึ่งล้วนเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์และสิบสองพระสนมซึ่งเป็นสาวงามบรรณาการจากแคว้นต่างๆ ทว่าสตรีที่ได้รับความโปรดปรานจากไท่จื่อมากที่สุดกลับเป็นพระสนมองค์สุดท้าย...
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของขบวนขันทีเดินเข้ามาใกล้ศาลาชมสวนในตำหนักเหม่ยฮวา หลี่รี่จึงแย้มยิ้มออกมาอย่างปลาบปลื้ม ดวงตาเรียวยาวราวกับนางหงส์เป็นประกายพราวระยับ ทำให้ใบหน้างามล่มเมืองยิ่งดูเปี่ยมเสน่ห์
ถึงเวลาที่นางจะได้เลื่อนขั้นเป็นพระชายาแล้วสินะ
เป็นดั่งคาด... หัวหน้าขันทีเส้าฉีเดินนำหน้าเหล่าขันทีและนางกำนัลจำนวนเกือบสิบชีวิต แห่ขบวนมายังตำหนักเหม่ยฮวา เพื่อถวายของขวัญพระราชทานและแต่งตั้งให้พระสนมหลี่รี่เลื่อนขั้นเป็นพระชายาอันดับที่สี่ ตามคำสั่งขององค์รัชทายาท
“เส้าฉี! เดี๋ยวก่อน...”
หลี่รี่เอ่ยเรียกหัวหน้าขันที เส้าฉีจึงโบกมือไล่ขบวนผู้ติดตามและเหล่านางกำนัลออกไปจากศาลาชมสวน
“ทรงมีสิ่งใดให้กระหม่อมรับใช้”
“ไท่จื่อทรงมีรับสั่งให้ปลดหลี่น่า อย่างนั้นรึ?”
“พ่ะย่ะค่ะ” เส้าฉีค้อมตัว
“ช่างน่าสงสาร นางเพิ่งหายป่วยแท้ๆ” หลี่รี่ถอนหายใจ พยายามสงวนกริยาให้ดูสงบ แต่มิอาจเก็บงำแววตายินดีปรีดาของตนเอาไว้ได้อย่างมิดชิด
“พระสนมหลี่น่าไม่สามารถถวายการรับใช้องค์รัชทายาท กระหม่อมคิดว่าเป็นเรื่องสมควรแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เส้าฉีแบ่งรับแบ่งสู้
หลี่รี่ข่มกลั้นความรู้สึกไม่สบอารมณ์เอาไว้อย่างสุดความสามารถ “น่าจะรอให้นางโตอีกสักหน่อย”
“พระชายาสี่ช่างมีน้ำพระทัยงดงามยิ่ง”
“อืม” หญิงสาวทำเสียงอืมเป็นการตอบรับ ก่อนจะโบกมือไล่หัวหน้าขันที
เส้าฉีค้อมตัวถวายคำนับ จากนั้นจึงเดินออกไปจากศาลาชมสวน
บัดซบ! แค่ลดตำแหน่งให้เป็นพระสนมนี่เรียกว่า สมควรแล้วรึ? หลี่รี่กำหมัดแน่น แววตาเกรี้ยวกราดเพราะรู้สึกขัดใจ ที่น้องสาวต่างมารดาไม่ได้ถูกปลดศักดินาและโดนขับไล่ออกไปจากวัง อย่างเช่นที่นางปรารถนา