06 ความปรารถนาทะเยอทะยาน

2050 Words
“ว๊าย! พระสนม! พระสนมแย่แล้ว... ซูปี้! ซูลี่! รีบมาดูพระสนมเร็ว!” แม่นมหวงส่งเสียงกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก เมื่อเห็นร่างผอมบางนอนแน่นิ่งอยู่บนแผ่นหนังสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่าตัวคน พลอยทำให้นางกำนัลสองคนที่กำลังจัดแจงเตรียมสำรับอาหารเช้าวิ่งชนกันจนล้มหงายไม่เป็นท่า ลีน่าระบายลมหายใจออกมาทางปากด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย แม่นมหวงคงเพิ่งจะเคยเห็นนายหญิงทำโยคะท่าศพเป็นครั้งแรกแน่ๆ นางถึงได้ทำท่าตกอกตกใจเหมือนเห็นคนตายแบบนี้ “แม่นมหวง ข้ายังสบายดีและไม่เป็นอะไรทั้งนั้น หยุดกรีดร้องโวยวายได้แล้ว” ดาราสาวพยายามอดกลั้นกับมนุษย์ป้าหัวโบราณ ทุกวันในตอนเช้าแม่นมหวงจะต้องมาขัดจังหวะการออกกำลังกายปั้นหุ่นเธอตลอด ราวกับนี่คืองานประจำของนาง “เอ่ออ คือว่า...!? พระสนมไม่ได้ทรงเป็นลมหมดสติหรอกหรือเพคะ?” แม่นมหวงก้มหน้ามองมือตัวเอง ไม่กล้าสบตากับนายหญิง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางหลงผิด เอิ่ม... หากเธอจะกล่าวโทษแม่นมหวงฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูกต้องนักหรอก เป็นเพราะหน้าอกที่แบนราบเป็นไม้กระดานนี่ต่างหาก! และอีกอย่าง... ตอนนั้นลีน่ากำลังทำโยคะท่าศพอยู่ด้วย ขนาดเธอสูดลมหายใจเข้า-ออกเต็มท้อง เสื้อผ้าที่สวมใสออกกำลังกายบริหารยังแทบไม่มีการขยับเขยื้อนเลยสักนิด “นี่คือกระบวนท่าที่ใช้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หลังจากการออกกำลังบริหารร่างกาย” “เอ่อ... ถ้าเช่นนั้น หม่อมฉันขอตัวไปจัดเตรียมเสื้อผ้าให้พระสนมก่อนนะเพคะ” พอพูดจบ แม่นมหวงก็รีบเผ่นหนีเข้าไปในเรือนหลังใหญ่แทบทันที ระยะหลังมานี้ ไม่ว่านางจะทำอะไรก็ดูขัดหูขวางตาพระสนมหลี่น่าไปหมด ลีน่าถอนใจยาวเหยียดออกมา ก่อนจะพยุงร่างลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินตามหลังแม่นมหวงเข้าไปในเรือนหลังใหญ่ เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่และกินอาหารเช้าที่ซูปี้กับซูลี่จัดเตรียมเอาไว้ให้ตามที่สั่ง บิวตี้แสตนดาร์ดของชาวซ่งเยว่ไม่ค่อยต่างกับที่โลกคู่ขนานในยุคปัจจุบัน คุณสมบัติของผู้หญิงสวยคือ จะต้องมีดวงตากระจ่างใส จมูกโด่ง คิ้วโค้งวงเดือน ริมฝีปากแดงเล็กเป็นรูปกระจับเหมือนผลอิงเถา(เชอร์รี่) ผมดำยาวเงางาม และมีรูปหน้าเล็กกว่าฝ่ามือ ผิวพรรณกับเบ้าหน้าเดิมของพระสนมหลี่น่าก็ดีอยู่แล้ว ลีน่าไม่รู้สึกกังวลเท่าไหร่นัก เพราะภารกิจสำคัญตอนนี้คือการเปลี่ยนรูปร่างผอมบางขี้โรคให้ดูเป็นสาวหุ่นเซ็กซี่ ยุคนี้ไม่มีหมอศัลยกรรมและไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัยสำหรับเสริมความงาม นอกจากการกินอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งลีน่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือนถึงจะสามารถสร้างกล้ามเนื้อเพื่อปั้นหุ่นนาฬิกาทรายได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม พระสนมหลี่น่าไม่อยู่ในสถานภาพที่สามารถทำอะไรได้ตามใจชอบทุกอย่าง ต่อให้นางมีเงินทองทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลเท่าไหร่ แต่ถ้ายังเป็นนกน้อยในกรงทองที่ปราศจากทั้งอำนาจและอิสระภาพ ความคิดที่จะออกไปใช้ชีวิตนอกวังแทบจะไม่มีความเป็นไปได้ ลีน่าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนการอนาคตใหม่ทั้งหมด ด้วยวิธีการ ‘ยั่วให้ผู้ชายตกหลุมรัก’ ซึ่งเธอมีความชำนาญเป็นพิเศษ ‘ถ้าหากไม่มีหนทางให้หนีออกไป เธอก็จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนวิ่งไล่ต้อน!’ ที่โลกยุคปัจจุบัน ลีน่าคือหนึ่งในดาราแสดงไทยเชื้อสายจีนจำนวนห้าชีวิต ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักแสดงในสังกัดค่ายเอคลาสไรซิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทสร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับนานาชาติ กว่าเธอจะสามารถมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้อย่างเข้มแข็ง ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยสักนิด ลีน่าใช้เคยชีวิตบนเส้นทางมายามาเป็นเวลากว่าครึ่งของอายุของหญิงสาววัยยี่สิบแปดปี เธอผ่านมรสุมร้อนหนาวมาอย่างโชกโชน กะอิแค่เรื่องแก่งแย่งชิงดีชิงดีกับเด็กสาวรุ่นน้องจำนวนสิบห้าคนในฮาเร็มยุคเต่าล้านปี มันจะยากเย็นสักแค่ไหนกัน! ... แคว้นซ่งเยว่ร่มเย็นเป็นปึกแผ่น ใต้หล้าสงบสุขไร้สงคราม เพราะมีฮ่องเต้ผู้ครองแผ่นดินที่ทรงเปี่ยมไปด้วยทศพิธราชธรรม สมาชิกในราชวงศ์ทรงล้วนรักใคร่ปรองดองสามัคคี ประชาชนพลเมืองอยู่ดีมีสุข ย่อมไม่มีเหตุผลใดก่อให้เกิดความบาดหมาง การเสพสำราญจึงกลายเป็นวังวนของชีวิต... ต้นฤดูวสันต์สายลมเย็นพัดเอื่อย หากมองลงไปยังพื้นที่ราบลุ่มจะเห็นดอกไม้นานาพรรณเบ่งบานงดงามเป็นทิวแทวแนวยาวไกลสุดลูกหูลูกตา ซ่งหยวนซีและซ่งเหยียนหมิง สองยอดบุรุษซึ่งถูกกล่าวขวัญว่าเป็นกงจื่ออันดับหนึ่งและอันดับสองในใต้หล้า กำลังเสพสุขด้วยการนั่งดื่มสุราฟังพระชายาเหม่ยซินดีดฉินบรรเลงดนตรี ไปพร้อมกับชื่นชมธรรมชาติด้วยความครึ้มอกครึ้มใจ “ฝ่าบาท” ระหว่างที่เพลิดเพลินกับความสำราญอยู่นั้น พลันได้ยินเสียงขัดจังหวะของหัวหน้าขันทีวัยกลางคน ซ่งหยวนซีเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “มีอะไร” “พระชายาหลี่รี่เสด็จมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” เขาเหลือบมองดูสีหน้าของอี๋ชินอ๋อง เมื่อเห็นมุมปากของอีกฝ่ายยกขึ้น จึงเอ่ยปากออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อย “ไปเรียกนางเข้ามา” หลังจากมีการโยกย้ายตำแหน่งพระสนมชายา บรรยากาศภายในพระราชวังไป๋อวี้ที่ไม่เคยหม่นหมองยิ่งทวีความคึกคัก “ช่วงนี้พระพักตร์ของไท่จื่อดูเหนื่อยล้า เพราะทรงงานหนักนี่เอง” คำพูดจาเย้าแหย่ของอี๋ชินอ๋อง ฟังแล้วไม่เกินไปจากความจริงสักเท่าไหร่ “หากไม่มีท่านคอยยื่นมือมาช่วยเหลือ ตอนนี้ข้าคงจะนอนซดน้ำข้าวต้มอยู่บนเตียงเป็นแน่” ซ่งหยวนซีตอบโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน ทั้งคู่ปะทะสายตากัน ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เนื่องจากองค์รัชทายาทจะเชื้อเชิญอี๋ชินอ๋องเหยียนหมิงมาร่วมดื่มสุราที่ตำหนักไป๋อวี้เป็นประจำทุกค่ำคืนวันศุกร์ ผ่านไปไม่ถึงอึดใจ ร่างสะคราญของพระชายาสี่ก็เดินนวยนาดมายังศาลาชมสวนในตำหนักหนิงเฉิง นางค้อมกายถวายความเคารพด้วยกริยาแช่มช้อย พลางช้อนตามองชายหนุ่มทั้งสองอย่างมีจริต “ไท่จื่อ อี๋ชินอ๋อง” “เจ้ามีเรื่องสำคัญหรือ ? ” คิ้วดกหนาข้างหนึ่งยกขึ้น ซ่งหยวนซีรู้ดีว่าหลี่รี่เป็นสตรีเฉลียวฉลาดมีเล่ห์เหลี่ยมรอบด้าน นางรู้จักกาลเทศะรู้ว่าอะไรควรทำอะไรมิควรก้าวล่วง โดยเฉพาะเรื่องการขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท ในเวลาที่ตนไม่ใช่ผู้ถูกเลือกให้ถวายการปรนนิบัติรับใช้ การเลื่อนตำแหน่งหลี่รี่ขึ้นเป็นพระชายาลำดับที่สี่ ให้นางมีอำนาจศักดินาเหนือกว่าน้องสาวต่างมารดา เหตุผลไม่ใช่เพียงแค่เขารู้สึกพึงพอใจในจริตลีลาการปรนนิบัติบนเตียงนอน แต่ซ่งหยวนซีต้องการใช้ผลประโยชน์ลาภยศและคำสรรเสริญ เป็นเครื่องทดสอบดูว่าแท้จริงแล้วนางเป็นคนเช่นไร สตรีที่ยืนเคียงข้างเขาในอนาคตภายภาคหน้า จะต้องงดงามเพียบพร้อมด้วยสติปัญญาความสามารถ ไว้วางใจได้ และไม่มีอุปนิสัยใจคออำมหิตริษยา “หม่อมฉันอยากทูลขออนุญาตจัดงานเลี้ยงต้อนรับฤดูวสันต์ประจำปีนี้เพคะ” หลี่รี่คลี่ยิ้มน้อยๆ นางคิดคำนวณและตระเตรียมทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว นับตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในพระราชวังไป๋อวี้ ด้วยความงามอันเพียบพร้อมทุกด้านและกลเม็ดเด็ดพรายวิธีมัดใจชายที่นางได้รับการถ่ายทอดมาจากมารดาผู้ให้กำเนิด นางมั่นใจว่าตนสามารถไต่เต้ามายืนอยู่เหนือสตรีนับหมื่นได้ไม่ยาก “หม่อมฉันคิดว่า พระชายาสี่ควรจะปรึกษากับพระสนมชายาทุกคนเสียก่อน” เหม่ยซินที่ทนนั่งเป็นใบ้อยู่นาน อดสอดแทรกขึ้นมาไม่ได้ “ดอกโบตั๋นที่สวนในตำหนักของหม่อมฉันกำลังจะเบ่งบาน หากปล่อยให้ราชินีแห่งดอกไม้ร่วงโรยโดยเปล่าประโยชน์คงเป็นเรื่องน่าเสียดาย” หลี่รี่ทำหน้าเศร้าสลด นางไม่ได้ชำเลืองมองไปทางพระชายาเหม่ยซิน ผู้หญิงเหมือนกันมีหรือจะดูไม่ออกว่า นางไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในหางตาด้วยซ้ำ อี๋ชินอ๋องเหยียนหมิงที่แอบสังเกตการณ์เงียบๆ รู้สึกว่าตนจะรักษาอาการสำรวมไม่ได้แล้ว ชายหนุ่มจึงแสร้งยกจอกสุราขึ้นมาดื่ม ใช้ชายแขนเสื้อบดบังอำพรางรอยยิ้มขบขัน ท่าทางเช่นนั้นทำให้ซ่งหยวนซีพลอยมองเห็นตามกันว่าเป็นเรื่องสนุก “ความคิดเข้าท่า” “ไท่จื่อ ทรงอนุญาตใช่ไหมเพคะ” หลี่รี่ถามย้ำน้ำเสียงตื่นเต้น ซ่งหยวนซีผงกศรีษะ “ข้าอนุญาต” “ขอบพระทัยฝ่าบาท หม่อมฉันจะจัดการเตรียมงานอย่างสุดความสามารถ มิให้มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องเพคะ” หลี่รี่ถวายคำนับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มยินดี ขณะที่เหม่ยซินต้องหุบปากเงียบ หากนางมิได้ถูกเลือกให้เป็นผู้ถวายการปรนนิบัติในค่ำคืนวันศุกร์สุดหฤหรรษ์นี้ เหม่ยซินอาจจะแผดเสียงกรีดร้องออกมาแบบคนเสียจริตก็เป็นได้ สตรีคือสิ่งมีชีวิตที่อาศัยความริษยาเป็นแรงปลุกเร้าความปรารถนาทะเยอทะยานให้แก่ตนเอง ใครกันหนอช่างบังอาจกล่าวหาว่าบุรุษเป็นนักล่าตัณหาจอมป่าเถื่อน หากตนกลับสร้างภาพลวงตาบิดเบือนความจริง แสร้งว่าการวางกำดักล่อเหยื่อกามคือการโปรยทานหว่านเสน่ห์ ซ่งเหยียนหมิงเป็นชายหนุ่มที่มีอุปนิสัยใจคอตรงไปตรงมา ทว่าประสบการณ์ชีวิตคือบททดสอบชั้นยอดที่ช่วยขัดเกลาให้เขารู้จักปรับตัวกลมกลืนไปตามกาลเทศะ เขากับไท่จื่อมักประจบเอาใจสุภาพสตรีด้วยการสวมบทเป็นเนื้ออันโอชะของพวกนาง จริตมารยาร้อยเล่มเกวียนหญิงสาวแต่ละคนมีไม่ซ้ำ กลเม็ดเด็ดพรายที่งัดออกมาใช้แต่ละครั้ง สามารถมัดใจชายเอาไว้ได้อย่างแน่นหนา เหม่ยซินซึ่งครอบครองความงามอันเย้ายวนเหนือหญิงสาวหลายหมื่นพัน ย่อมรู้ว่านางมีของดีทีเด็ดอยู่ตรงไหน นางเคลื่อนขยับร่างสะคราญอย่างนุ่มนวล แอ่นหลังให้รอยบุ๋มสองจุดเหนือบั้นท้ายอวบอิ่มเด่นชัดขึ้น กลีบสวาทตูมตึงนุ่มนวลฉ่ำเยิ้มน้ำกาม แยกแย้มต้อนรับการสอดใส่เผยให้เห็นซอกหลืบเร้นลับสีแดงสด ไม่ว่าจะมองด้านหลังหรือด้านหน้าล้วนกระตุ้นความแข็งแกร่งให้แก่บุรุษ “ซี๊ดด... ทะ ไท่จื่อ หม่อมฉัน... เสียว จะทนไม่ไหวแล้วเพคะ” ปากพร่ำเพ้อว่าตนจวนเจียนจะไปถึงจุดสุดยอด หากสายตาพร่าพรายกลับเพ่งเล็งไปยังชายหนุ่มอีกคน ที่กำลังนั่งจิบสุราจ้องมองนางควบขย่มบนความกำยำล่ำสันแห่งบุรุษเหมือนควบขี่อาชา ซ่งหยวนซีขยับพลิกตัว สลับให้ร่างอวบอัดนอนหงายบนเตียง เขาจับพับเข่าของนางแยกออกจากกันแล้ว เสือกดุ้นเอ็นแข็งเขื่องแทงเข้าไปตรงกลางกลีบสวาทพรวดเดียวสุดความยาว “โอ้ววว... ไท่จื่อๆ... อ๊ะๆๆๆ...” ริมฝีปากสีชาดส่งเสียงร้องครางดังระงม น้ำกามกระฉอกล้นเลอะเต็มระหว่างขา นางแดะเนินสวาทรองรับการสอดแทง ให้เขาขย่มความเป็นชายแยงลึกเข้ามาในความสาวอย่างถนัดถนี่ “อ๊ะๆๆ... มะ ไม่ไหวแล้วเพคะ สะ เสียววว... อ๊าาา ๆๆๆ...” เหม่ยซินกระเด้งรับความแข็งชัน ที่สอดเสียบใส่นางด้วยความหิวกระหาย ซ่งหยวนซีหยัดลำตัวขึ้นแล้ว กระแทกกระทั้นกายแกร่งเข้าออกแรงๆ เน้นๆ เสียงเนื้อกระแทกเนื้อดัง ตับ! ตับ !ตับ! จนหญิงสาวใต้ร่างดิ้นพล่าน เขากดนางเอาไว้ แล้วห่มสะโพกสอบลงไปรัวๆ ถี่กระชั้นรุนแรง ราวกับบ้าคลั่ง ตะบี้ตะบันตอกตำสากเนื้อบดขยี้ความสาวอย่างเมามัน กระทั่งสองร่างกระตุกเยือกพร้อมกัน ด้วยความเสียวกระสันสุดขีด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD