‘สุรีย์เคลื่อนเลือนหายหมู่ดารา
ดวงจันทราเด่นประดับนภาพราย
ธาราพร่างเงาระยับพราวประกาย
ปทุมขาวชูไสวเหนือใบบัว’
ในค่ำคืนที่จันทราออกมาเฉิดฉาย ท้องฟ้าราตรีปราศจากดวงดารา ภาพเงาสะท้อนของดวงจันทร์บนผืนน้ำท่ามกลางวงล้อมดอกบัวสีขาวในสระงดงามเกินคำบรรยาย
ขณะที่สาวน้อยตากลมกำลังนั่งตากลมดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสงบงามอย่างชื่นมื่นสำราญใจ พลันมีเสียงสวบสาบดังขึ้น ขัดจังหวะอารมณ์สุนทรีย์
ในคืนข้างขึ้นที่ท้องฟ้าไร้หมู่เมฆบดบัง แม้ว่าตรงระเบียงจะไม่มีโคมไฟสักอัน แต่หญิงสาวก็สามารถมองเห็นเจ้าสัตว์ขนฟูตัวอ้วนกลมสีขาวที่กำลังเขย่าพุ่มไม้ในสวนเล่นอย่างบ้าคลั่ง อาจจะเป็นเพราะผลข้างเคียงจากการข้ามมิติเวลา ทำให้นางหูตาไวและเคลื่อนไหวคล่องแคล่วกว่าคนทั่วไป
“นั่น... ตัวอะไร ? ”
ลีน่าดีดตัวลุกขึ้นจากม้านั่งราวกับติดสปริง
“พระสนม ทรงอย่าเดินเข้าไปใกล้ตรงนั้นเพคะ”
ซูปี้กับซูลี่รีบกระวีกระวาดลุกขึ้นวิ่งตามร่างบางซึ่งพุ่งตัวนำหน้าพวกนางไปด้วยความเร็วราวกับเหาะได้ ขณะที่อีกด้าน แม่นมหวงเพิ่งจะงัวเงียตื่นจากแอบงีบหลับ
“กระต่ายนี่... อ้วนกลมน่ารักเชียว” หญิงสาวมองสัตว์ขนฟูตาโต
เสียงเอะอะโวยวายของพวกนางทำให้เจ้ากระต่ายสีขาวตัวอ้วนหยุดนิ่งอยู่กับที่อย่างระแวดระวัง เพื่อพรางตัวจากอันตราย
ลีน่าเดินย่องเข้าไปหามันอย่างช้าๆ ทว่าก็ยังทำให้เจ้ากระต่ายตื่นตระหนกและพยายามวิ่งหนี แต่โชคไม่ดีที่ขาของมันถูกเชือกที่ใช้ดัดกิ่งไม้พันเอาไว้ จึงหนีไปไหนไม่รอด
“เจ้ากระต่ายอ้วนทำฉลองพระองค์เลอะเทอะหมดแล้ว พระสนมส่งมันมาให้หม่อมฉันจัดการเถิดเพคะ” ซูลี่กระวีกระวาดเข้าไปช่วย
หญิงสาวยอมส่งกระต่ายให้อีกฝ่ายอย่างไม่เกี่ยงงอน เพราะนางไม่อยากวุ่นวายกับการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่อีกรอบที่สอง
“ไม่มีปลอกคอ แสดงว่าไม่มีเจ้าของสินะ” ลีน่าพลางเอียงคอมองสัตว์ขนปุยด้วยความเอ็นดู “แปลกจริง มันหลงเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกันนะ”
“น่าจะแอบมุดเข้ามาทางโพรงสุนัขเพคะ” ซูปี้เป็นคนตอบ
โพรงสุนัขรึ? ลีน่าลอบพิจารณาขนาดตัวของเจ้ากระต่ายอ้วน แล้วก้มมองรูปร่างผอมบางของตัวเอง พลันบังเกิดความคิดซุกซนแวบขึ้นมาในหัว
ทรัพย์สมบัติขององค์หญิงหลี่น่าที่เป็นมรดกตกทอดจากฮองเฮาแห่งแคว้นฉงเยว่มีมากมาย ชนิดที่ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยอย่างไรก็ไม่หมดในชาตินี้ เมื่อหญิงสาวเข้ามาอยู่ในพระราชวังไป๋อวี้ในฐานะพระชายาสี่ ทุกเดือนนางจะได้รับเบี้ยหวัดหนึ่งพันชั่งเป็นค่าเลี้ยงดูจากองค์รัชทายาทซ่งหยวนซี ทำให้หลี่น่ามีสินทรัพย์สะสมจำนวนมหาศาล
ตลอดระยะเวลาสองปีกว่าๆ ที่อาศัยอยู่ในแคว้นซ่งเยว่ หลี่น่ากับสามนางกำนัลแทบจะไม่ได้โผล่หน้าออกไปนอกรั้ววัง ทหารยามจึงไม่เข้มงวดตรวจตราเรื่องความเคลื่อนไหวของคนในตำหนักโม่ลี่ฮวา โดยเฉพาะช่วงวันหยุดราชการอันสงบสุข...
“อากาศนอกวังนี่มันสดชื่นจริงๆ”
ลีน่ากางแขนออกทั้งสองข้าง พลางทำท่าสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดด้วยความเบิกบาน เมื่อสามารถคลานลอดออกมาจากโพรงสุนัขที่ซ่อนอยู่ด้านหลังพุ่มไม้ข้างกำแพงอันสูงตระหง่ายได้อย่างปลอดภัย
“พระสนม ถ้าเกิดถูกจับได้ว่าแอบหนีเที่ยว เอ่อ... ทรงกลับตำหนักเถิดเพคะ” ซูปี้มองซ้ายมองขวาด้วยความหวาดระแวง
“ถ้าเจ้าไม่ทำตัวมีพิรุธ ก็ไม่มีใครจับได้หรอก” ลีน่าตำหนิซูปี้เบาๆ
เธอค่อนข้างมั่นใจเรื่องความปลอดภัย เพราะลีน่าสั่งให้ซูลี่กับแม่นมหวงคอยเฝ้าตำหนักโม่ลี่ฮวาเอาไว้ ถ้ามีใครถามหาพระสนมหลี่น่า ให้บอกว่านางนอนพักผ่อนอยู่ในห้อง
“ขันทีน้อยบอกว่าวันเสาร์ในเมืองมีตลาดเช้า พวกเรารีบไปกันเถอะ”
ลีน่าเดินนำหน้าหญิงรับใช้ไปตามร่องรอยที่สุนัขบุกเบิกเอาไว้ ซึ่งแนวหญ้าแถบนั้นแหวกออกจากกัน ยาวไปจนถึงเส้นทางเล็กๆ ที่เชื่อมต่อไปยังเมืองหลวง
ด้วยสกิลนักช็อปตัวยง ทำให้ลีน่าสามารถเดินปะปนไปกับชาวบ้านสัญจรขวักไขว่บนถนนอย่างกลมกลืน
“โอ้โห ตลาดโบราณของจริงนี่มันเริศสุดยอดไปเลย!”
หญิงสาวอุทานออกมาอยากเหลืออด ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยพบเจอความแปลกใหม่เลยในชีวิต แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามันวิลิศมาหราตระการตามากกว่าฉากในภาพยนตร์ย้อนยุคหลายร้อยเท่า
“ของจริง? พระสนมหมายความว่าอย่างไรเพคะ?”
ซูปี้ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“หมายถึงข้าไม่ได้ฝันไปน่ะสิ อ้อ... แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง เวลาอยู่ข้างนอกเจ้าต้องเรียกข้าว่า ‘ลีน่า’ ห้ามลืมเด็ดขาด!” สาวน้อยฉีกยิ้มหน้าบาน
เสื้อผ้าชุดที่พระสนมหลี่น่าสวมใส่เป็นของซูปี้ซึ่งมีขนาดตัวไล่เลี่ยกัน ในตลาดมีคนร้อยพ่อพันแม่เดินพลุกพล่านหนาตาขนาดนี้ ทุกหนทุกแห่งมีแต่สิ่งล่อตา ไม่มีใครมาสนใจคนแต่งตัวธรรมดาที่ไม่มีเครื่องประดับล้ำค่าติดตัวสักชิ้นแบบพวกนางหรอก
หากลีน่าลองเปรียบเปรยสภาพแสนธรรมดาของตัวเองตอนนี้ หญิงสาวก็นึกถึงคำว่าผ้าขี้ริ้วห่อทอง เวลาที่เดินเข้าออกร้านค้าแห่งไหน คนขายแทบจะไม่ชายตาแลมาทางพวกนาง แต่พอลีน่าล้วงควักถุงใส่เงินออกมาจ่ายค่าเสียหาย คนพวกนั้นต่างพากนทำปากอ้าตาค้างราวกับกลืนไข่ห่านเข้าไปทั้งลูก
ฮุ ฮุ ฮุ...
ความรู้สึกสะใจแบบนี้ มันดีจริงๆ
“พระ... เอ่อ ลีน่า พวกเรารีบกลับกันเถิด”
ซูปี้รบเร้านายหญิงตัวน้อยเป็นรอบที่นับไม่ถ้วน ห่อผ้าในมือนางกำนัลผู้ซื่อสัตย์อัดแน่นไปด้วยข้าวของสารพัดอย่าง
ลีน่าถอนหายใจด้วยความเสียดาย เธอกำลังสนุกสนานกับการช็อปปิ้งในบทบาทคนรวยปลอมตัวเป็นคนจนอยู่เลย แต่พอได้เห็นสีหน้าว้าวุ่นกังวลใจของซูปี้แล้ว เธอก็รู้สึกเวทนา
“ข้ากลับก็ได้...”
ร่างบางหมุนตัวเดินออกจากร้านค้าแบบไม่เต็มใจ แต่ด้วยความห่วงหน้าพะวงหลัง จังหวะที่ก้าวข้ามธรณีประตูไม่ทันระวังตัว ทำให้เธอเดินชนกับใครบางคนที่กำลังเดินผ่านมาบริเวณนั้นเข้าพอดี
“เหวออ...”
เสี้ยวอึดใจแห่งความตื่นตระหนก ราวกับโลกทั้งใบของเด็กสาวหยุดหมุน
ลีน่าหลับหูหลับตายื่นมืออกไปคว้าสิ่งยึดเหนี่ยวร่างกายซึ่งกำลังจะล้มหงายเสียหลัก ทำให้มือเล็กๆ ของเธอดึงคอเสื้อของคนผู้นั้นเอาไว้แน่น ส่งผลให้สาบเสื้อของอีกฝ่ายแหวกออกจากกัน จนเผยให้เห็นแผ่นอกกว้างอันแข็งแกร่งน่าเอาแก้มไปอิงแอบแนบชิด ทว่ามีบางสิ่งที่เตะตากว่านั้น ก็คือหัวนมสีชมพูที่หดแข็งเพราะคลื่นอารมณ์ไม่ปกติของเจ้าตัว
นัยน์ตาสีดำขลับของหญิงสาวไหวระริกขณะชื่นชมรูปลักษณ์ของคู่กรณีอย่างเคลิบเคลิ้ม
เริ่มจาก... แผ่นอกกำยำที่กว้างมากกว่าสามศอก ไปสู่ลำคอแข็งแรง ปลายคางเกลี้ยงเกลา ริมฝีปากหยักสวย จมูกโด่งเป็นสันมีเสน่ห์ ดวงตาคมกริบราวกับใบมีดโกนและคิ้วดกหนาแบบผู้ชายทั้งแท่ง
หล่อจัง...
ลีน่าเผลอกัดริมฝีปากล่าง ทำหน้าทะเล้น
“มองจนพอใจรึยัง” คนถูกลวนลามทำเสียงดุ
หากชายหนุ่มยังมีน้ำใจช่วยฉุดร่างเด็กสาวให้ยืนทรงตัวจนมั่นคง ก่อนจะจัดเสื้อผ้าที่ถูกนางกระชากจนหลุดลุ่ยให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย
“ยัง เอ้ย! ข้าปล่าวนะ! ขออภัยที่...”
ลีน่ารีบหุบปากและกลืนคำพูดลงท้องทันที เมื่อภาพความทรงจำผุดขึ้นมาในสมอง และเธอนำมันมาเปรียบเทียบกับผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ทะ- ไท่จื่อ!?” ดวงตากลมโตของเด็กสาวเบิกกว้างขึ้นและเต็มไปด้วยคำถาม ร่างบางหันรีหันขวางมองหานางกำนัลคนสนิท
เธอต้องการถามซูปี้ให้แน่ใจ ทว่าอีกฝ่ายกำลังคุกเข่าอยู่กับพื้นในสภาพตัวสั่นงันงกราวกับคนโดนผีเข้า นอกจากนั้นรอบกายของพวกนาง ยังมีสายตาหลายคู่จ้องมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ความรู้สึกราวกับโดนอัศนีย์ฝ่าร่างนั้นคืออะไรกัน? ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสัมผัสแนบชิดกับเพศตรงข้าม ตั้งแต่เติบโตเป็นหนุ่ม ชีวิตของเขาไม่เคยขาดแคลนอิสตรี เนื่องด้วยภาระหน้าที่ซึ่งต้องผลิตทายาทเพื่อสืบเชื้อสายราชวงค์
อีกทั้งบุรุษในตระกูลซ่งสามารถให้กำเนิดทายาทเพศชายได้เพียงสองคนเท่านั้น