ตอนที่1 เจ้านาย

885 Words
รินรดา “รินเดี๋ยวช่วยเลื่อนนัดวันนี้ให้ฉันด้วยนะ” เสียงรองประธานบริษัทหรือเจ้านายของฉันเดินออกมาบอก “เอ่อ บอสมีธุระอะไรด่วนมากเหรอคะ พอดีมีนัดของลูกค้าท่านหนึ่งที่เลื่อนไม่ได้น่ะค่ะ” ฉันบอกเจ้านายออกไปเพราะว่าลูกค้าท่านนี้ต้องเดินทางไปต่างประเทศพรุ่งนี้แล้ว “ช่างเขาไป วันนี้ฉันรีบจริงๆ” เจ้านายฉันพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “แต่...” ฉันกำลังจะแย้ง แต่ผู้เป็นนายก็แทรกขึ้น “งั้นฉันไปก่อนนะ วันนี้ไม่เข้าบริษัทแล้ว” ว่าจบเขาก็รีบเดินออกไปอย่างรีบร้อนทันที ทำให้ฉันได้แต่มองตามหลังอย่างจนปัญญา เขาไม่รู้หรือไงว่าถ้าพลาดงานกับลูกค้าท่านนี้จะเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้ร้ายแรงถึงกับเสียลูกค้าท่านนี้ไป แต่มันก็ส่งผลไม่ดีต่องาน แล้วไหนจะเรื่องที่อาจจะตามมาทีหลังอีก “เฮ้อ! ทำไมชอบหาเรื่องให้ถูกตำหนิตลอดแบบนี้คะ” ฉันได้แต่บ่นถึงคนที่พึ่งเดินออกไปกับตัวเองด้วยความเป็นห่วง ฉัน ริน หรือ รินรดา อายุ 27 ปี นิสัยของฉันก็ทั่วๆ ไป ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นหรือน่าสนใจเท่าไหร่ ไม่ค่อยสู้คน และยังมองโลกในแง่ดีอีกต่างหาก แต่ก็ไม่ได้ซื่อบื้อจนยอมใครไปทุกเรื่องด้วยเช่นกัน ฉันทำงานเป็นเลขาที่นี่ตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ซึ่งถือว่าเจ้านายของฉันที่นี่เป็นผู้มีพระคุณของฉันเลยก็ว่าได้ เพราะตอนนั้นบ้านฉันกำลังลำบาก และเป็นช่วงที่ฉันเรียนจบใหม่ๆ กำลังหางานพอดี แล้วก็ได้ที่นี่รับไว้ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์ ฉันอาศัยอยู่กับยายสองคน เพราะพ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตอนที่ฉันสอบปลายภาคเทอมสุดท้ายพอดี คือจุดที่ทำให้ฉันตั้งตัวไม่ทันและลำบากมาก และที่เจ้าของบริษัทนี้กล้ารับฉันก็เพราะว่าพ่อฉันเคยขับรถให้ท่านประธานใหญ่ และท่านยังช่วยเรื่องทุนการศึกษาของฉันอีก ด้วยความซื่อสัตย์ของพ่อฉันมั้ง เลยทำให้ท่านประธานเอ็นดูและรับฉันเข้าทำงานที่นี่ ฉันจัดการโทรยกเลิกพร้อมกับขอโทษขอโพยลูกค้าที่ทำการนัดไว้แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร นอกจากลูกค้าคนสำคัญที่เขาผิดหวังกับการทำงานครั้งนี้ และแน่นอนว่าเรื่องนี้คงต้องถึงหูท่านประธานแน่นอน ครืดด! หลังจากจัดการเรื่องยกเลิกนัดเสร็จฉันก็นั่งทำงานต่อทันที แต่นั่งได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น “สวัสดีค่ะ” ฉันกรอกเสียงไป และแทบไม่ต้องรอปลายสายพูดฉันก็เดาได้ว่าต้องเป็นใคร (ริน มาหาฉันที่ห้องเดี๋ยวนี้) น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจสั่งออกมา และมันก็ไม่ผิดไปจากที่ฉันคิดไว้เลย “ค่ะท่านประธาน” ฉันรับคำก่อนจะวางสายลงแล้วถอนหายใจออกมาเพื่อเตรียมพร้อมตอบคำถามของท่านประธาน “ท่านประธานรออยู่แล้ว เข้าไปเลยจ้ะ” เสียงของพี่เพียงแขเลขาท่านประธานพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเหมือนปกติ “ค่ะ” ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้มแห้งๆ ที่แสนจะฝืนออก ก่อนจะตรงไปเคาะประตูห้องเป็นการขออนุญาต และก็ตามมาด้วยเสียงจากเจ้าของห้องที่ดังออกมาฉันจึงเปิดประตูเข้าไปก่อนจะเดินก้มหน้าตรงไปหยุดหน้าโต๊ะ มือประสานกันไว้ด้านหน้า “รู้ใช่ไหมว่าฉันเรียกมาทำไม” ท่านประธานถามขึ้น “ทราบค่ะ” ก็เรื่องที่บอสของฉันไม่ได้ไปพบลูกค้าคนสำคัญยังไงล่ะ “แล้วมันไปไหน” ท่านประธานถามขึ้น แล้วที่ใช้สรรพนามแบบนี้ไม่ต้องตกใจหรอก ก็บอสของฉันมีสถานะเป็นลูกชายคนโตของท่านประธานยังไงล่ะ หรือพูดง่ายๆ บอสของฉันทำงานในตำแหน่งรองประธานอยู่ตอนนี้ “ไม่ทราบค่ะ บอสบอกแค่ว่ามีธุระสำคัญมากแล้วก็รีบออกไป” ฉันบอกท่านออกไปตามตรง “ทีหลังเรื่องสำคัญขนาดนี้ต้องบอกฉัน เข้าใจไหม” ท่านพูดขึ้น “ค่ะ หนูต้องขอโทษท่านด้วยนะคะ” ฉันยกมือไหว้ท่านออกไป จริงๆ ฉันก็ต้องรายงานการทำงานให้ท่านประธานทราบทุกครั้งที่ท่านต้องการรู้นั่นแหละ แต่บอสสั่งไว้ว่าห้ามบอกอะไรท่านประธานถ้าไม่อยากเดือดร้อน อีกอย่างเรื่องลูกค้าของบอสก็เป็นความรับผิดชอบของบอสด้วย จริงๆ ท่านประธานไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่รายนี้บังเอิญเป็นคนสนิทกับท่านประธานด้วย เรื่องก็เลยมาถึงหูแบบนี้ “เอาเถอะ มันไม่ใช่ความผิดเธอหรอก ฉันรู้จักลูกชายฉันดี” ท่านประธานพูดขึ้นอย่างตัดบท “.....” ฉันก้มหน้ารับฟังท่านแต่โดยดี “กลับไปทำงานได้แล้ว” “ค่ะ” ฉันก้มหัวให้ท่านก่อนจะเดินออกจากห้อง อย่างน้อยก็ดีที่ท่านประธานเป็นคนมีเหตุผลท่านเลยไม่ได้ดุฉันพร่ำเพรื่อ เพียงเพราะไม่พอใจหรือทำงานพลาด แต่ท่านเลือกจะโทษต้นเหตุอย่างลูกชายท่านแทน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD