5

1532 Words
๕ ปางธาดากินพื้นที่กว้างเกือบพันไร่ มีเขตติดต่อกับปางไม้บุญ พื้นที่ส่วนหนึ่งเขาปันให้ชาวบ้านละแวกนั้นใช้เป็นที่อยู่อาศัยและทำกิน พื้นที่ส่วนหนึ่งยกตัวสูงขึ้นเป็นเนิน สามารถมองลงมาแล้วเห็นหมู่บ้านของชาวบ้านเรียงรายเกาะกลุ่มติดกัน เกิดเป็นภาพน่ารักราวกับกำลังยืนอยู่ในชนบทของต่างประเทศอย่างไรอย่างนั้น  ปลายดาวที่กำลังยืนมองอยู่บนจุดชมวิวสูดอากาศบริสุทธิ์เสียเต็มปอด และไม่สามารถอดใจที่จะไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพเหล่านี้เอาไว้ได้ โดยตั้งใจส่งไปให้เพื่อนๆ ได้เห็นความงดงามแสนบริสุทธิ์  “คุณปลายอยากดื่มอะไรไหมคะ” กำไลที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้น หญิงสาวหันไปมองร้านอาหารและเครื่องดื่มซึ่งเป็นร้านของปางธาดาพลางพยักหน้าแล้วเดินตามอีกฝ่ายไป ระหว่างทางหญิงสาวเห็นร้านของฝากรวมทั้งพืชผักที่ยังคงความสดใหม่ด้วยความสนใจ “ผักผลไม้พวกนั้นเป็นของชาวบ้านใช่ไหมคะ”  “ใช่แล้วค่ะคุณปลาย เดี๋ยวพี่กำไลจะพาไปชมนะคะ ว่าแต่จะดื่มอะไรดีคะ” หญิงสาวบอกชื่อเครื่องดื่ม แล้วตัดสินใจรอข้างนอก เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้าไปในร้าน ปลายดาวจึงก้าวไปยังปลายเนิน ซึ่งเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์หน้าร้านที่สวยงามอีกจุดหนึ่งของปางธาดา ก่อนจะหันไปมองด้านหลังซึ่งสูงขึ้นไปอีก ที่บนนั้นคือบ้านพักตากอากาศหลังกะทัดรัด แต่ละหลังมีระเบียงยื่นออกมาเพื่อให้ผู้มาพักสามารถนั่งชมวิวหรือนอนเล่นได้ตลอดทั้งวัน หากน้อยและกำไลไม่บอก หล่อนก็คงจะยังไม่รู้ ว่ายังมีสถานที่อันแสนงดงามทอดตัวเรียงรายซุกซ่อนอยู่ในใจกลางหุบเขาที่เย็นฉ่ำตลอดปีแห่งนี้ ขณะที่ปลายดาวกำลังดื่มด่ำอยู่กับธรรมชาติแสนงดงามตรงหน้า เสียงหวานออดอ้อนของใครบางคนก็ดังเข้ามาพร้อมกับเสียงตอบรับที่แสนคุ้นหู “คืนนี้คุณจะนอนที่นี่หรือเปล่าคะ” “ผมไม่ว่าง มีเรื่องให้ต้องกลับไปเคลียร์” ปลายดาวหันกลับไปมองทันทีที่เจ้าของเสียงนั้นพูดจบ แล้วต่างคนก็ต่างนิ่งงันเมื่อสบตากันในระยะไม่ไกลกันนัก ธาดาที่ยืนอยู่หน้าร้านเครื่องดื่มสบตาหล่อนนิ่ง โดยที่แขนข้างหนึ่งของเขาถูกผู้หญิงสาวสวยท่าทางปราดเปรียวเปรี้ยวไม่น้อยกอดแน่น ซ้ำกำลังพูดจาหว่านล้อมให้อีกฝ่ายยอมค้างด้วยกัน ขณะที่คนน่าหมั่นไส้กลับยืนนิ่งไม่ตอบรับเพราะเอาแต่มองมายังหล่อนพร้อมกับยกยิ้มราวกับเยาะ  หึ! คิดว่าหล่อนจะสนนักหรือไง  “แบบนี้สร้อยก็เหงาแย่สิคะ” ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนจะดึงแขนออกแล้วบอกเสียงดังฟังชัด “อย่าเรื่องมากน่าสร้อย คุณก็รู้ว่าผมพูดคำไหนคำนั้น”  เมื่อชายหนุ่มเริ่มทำเสียงรำคาญ สร้อยลดาก็ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองอย่างขุ่นเคือง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นหมายจะขออะไรบางอย่างกับเขา กำไลและน้อยก็พากันออกมาจากร้านเครื่องดื่ม “อ้าวนายน้อย” กำไลอุทานด้วยความแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะอยู่ที่นี่ในเวลานี้ ก่อนจะหันขวับมองไปยังปลายดาว แล้วก็ต้องแทบกลั้นหายใจเมื่อสบตาเข้มดุของนายจ้าง จากนั้นจึงค่อยๆ เดินเลี่ยงเจ้าของร่างสูงใหญ่กลับไปยังหญิงสาวที่ยืนรอ “พี่กำไล คราวนี้เราจะรอดไหมพี่ คราวก่อนนายยังไม่ชำระความ คราวนี้พวกเราก็ก่อเรื่องซ้ำอีก” น้อยกระซิบพลางทำหน้าแหยงยามเหลือบมองไปทางนายน้อยผู้เงียบขรึม “เฉยเอาไว้เถอะน่า” กำไลกระซิบเอ็ดหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนจะยิ้มให้กับปลายดาวพร้อมยื่นเครื่องดื่มให้ “ดื่มก่อนนะคะ จะได้ใจเย็นๆ”  ปลายดาวหลุบตามองคนที่ยิ้มแหยข้างๆ แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างรู้ทัน “ปลายก็ใจเย็นอยู่แล้วนี่ ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เอ๊ ปลายว่าปลายเข้าไปทำความรู้จักดีกว่า” พูดจบร่างงดงามของปลายดาวก็สาวเท้าเข้าไปหาร่างสูงของว่าที่สามีอย่างคล่องแคล่ว ดวงหน้าหวานล้ำที่ส่งยิ้มหวานมาก่อนตัวนั้นสร้างความขุ่นเคืองแก่สาวสวยอีกคนหนึ่ง สร้อยลดามองปลายดาวด้วยสายตาไม่พอใจ โดยเฉพาะความสวยที่ดูจะเกินหน้าเกินตาตนด้วยแล้วยิ่งไม่ชอบ จึงตวัดมองคนข้างกายพร้อมกับกอดแขนเขาแน่นด้วยความหวงแหนและตั้งใจจะประกาศให้ผู้ที่กำลังก้าวเข้ามาหานั้นรับรู้ว่าตนอยู่ในสถานะใดกับผู้ชายคนนี้ “บังเอิญจังเลยนะคะ” ปลายดาวยิ้มหวานให้กับธาดา นึกในใจว่าที่แท้เขามีธุระกับผู้หญิงคนนี้นี่เอง ถึงได้โกนหนวดแต่งตัวเสียเนี้ยบ  ชายหนุ่มมองท่าทางรู้ทันนั้นแล้วได้แต่ยกยิ้มอย่างเสียไม่ได้  “ก็ว่างั้น แล้วนี่มายังไง ไอ้น้อยมันเสือกอีกล่ะสิ”  เอ่ยพลางตวัดตามองไปยังน้อยที่หลบตาวูบเช่นเดียวกัน  “อย่าโทษพี่น้อยเลยค่ะ ตอนแรกปลายตั้งใจจะไปที่ไร่ชาของคุณลุง แต่พอพี่กำไลกับพี่น้อยเล่าเรื่องปางธาดาให้ฟัง ปลายก็เลยเปลี่ยนใจขอมาที่นี่แทน” หญิงสาวจบประโยคด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา ทำให้สาวงามที่กอดแขนชายหนุ่มราวกับปลิงนั้นเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ขึ้นไปอีก ธาดามองคนตรงหน้านิ่งๆ สีหน้าแววตาคล้ายรำคาญแกมระอา ก่อนจะแนะนำคนข้างกายให้อีกฝ่ายได้รู้จัก “สร้อย นี่ปลายดาวนะ รู้จักกันเอาไว้สิ” เขาบอกด้วยสีหน้ายิ้มๆ สร้างความรู้สึกหมั่นไส้แกมหงุดหงิดแก่ปลายดาวไม่น้อย เพราะดูเขาจะไม่มีความละอายหรือความเกรงใจใดๆ อยู่ในความคิดเลยสักนิด  “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณสร้อย” “สร้อยลดาค่ะ” เอ่ยชื่อตัวเองพร้อมกระชับท่อนแขนของชายหนุ่มแน่นขึ้น ทำให้ปลายดาวที่หลุบตามองถอนหายใจด้วยความรู้สึกเอือมระอาแกมสมเพช สีหน้าและแววตาของหญิงสาวชัดเจนเสียจนไม่สามารถเล็ดลอดไปจากสายตาของธาดาเลยสักวินาที “เดินดูทั่วหรือยังล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาว ระหว่างนั้นสร้อยลดามองคนทั้งคู่ด้วยความหวาดระแวง สำหรับปลายดาวนั้นไม่รู้จักสร้อยลดามาก่อน แต่ท่าทางที่อีกฝ่ายพยายามแสดงออกทำให้รู้ว่าเป็นหนึ่งในคนที่เขาคบหา ทว่าก็ยังไม่ใช่คนรักตัวจริงเสียงจริง น่าเห็นใจผู้หญิงคนนั้นเหลือเกิน ไม่รู้ว่ารู้หรือเปล่าว่าแฟนตัวเองควงผู้หญิงอื่นแบบนี้  “เพิ่งมาถึงได้สักพักเองค่ะ ตอนแรกว่าจะเดินไปดูข้างบนด้วย แต่นี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว ก็เลยว่าจะกลับก่อน เอาไว้คราวหน้าค่อยมาใหม่”  ตอบเขาพลางหันไปยิ้มให้สาวสวย  “ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะคะคุณสร้อยลดา เสียดายที่มีเวลาไม่นาน เอาเป็นว่าคราวหน้าหากได้พบกันอีกเราคงได้พูดคุยกันมากกว่านี้ ฉันกลับก่อนนะคะ”  หญิงสาวหันมาบอกกับเจ้าของปางธาดา ก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังกำไลและน้อยที่ยืนรอด้วยอาการอกสั่นขวัญแขวน “นายว่าอะไรหรือเปล่าคะคุณปลาย”  หญิงสาวยิ้มอย่างขบขัน เพราะดูแล้วทั้งกำไลและน้อยที่แม้จะเทิดทูนบูชาธาดามากแค่ไหน แต่ก็กลัวจนหัวหดเช่นกัน “ไม่มีนี่ เรากลับกันดีกว่า ปลายอยากกลับถึงบ้านก่อนจะมืดค่ำไปกว่านี้ค่ะ” กำไลรีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วยขณะปรายตามองไปยังนายน้อยของตนกับผู้หญิงอีกคนที่กอดแขนนายแจ “เอาไว้คราวหน้าเราค่อยมาใหม่ก็แล้วกันนะคะ วันนี้ฤกษ์ไม่ดีเสียแล้ว” พูดจบทั้งสามก็ก้าวตามกันไปยังรถกระบะ โดยมีสายตาของธาดามองตามไปด้วย  ปลายดาวหันไปมองสองหนุ่มสาวแวบหนึ่งก่อนจะเบือนสายตามองไปยังด้านหน้าด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูกว่าพอใจหรือไม่พอใจกับการต้องมาพบเขายืนอยู่กับผู้หญิงอื่น ตำตาแบบนี้ แล้วใจหนึ่งร้องเตือนขึ้นว่าหล่อนไม่ได้จะมาเพื่อสนใจว่าเขาจะทำอะไร ที่ไหน หรือกับใคร แต่มาเพื่อเจรจาต่างหากปลายดาว มาเจรจาเพื่อให้ตนเองเป็นอิสระจากการถูกคลุมถุงชนในครั้งนี้ หญิงสาวเอียงใบหน้ามองลงไปยังข้างทาง พยายามปัดภาพของเขากับสร้อยลดา แต่ทำไม่ง่ายเลยสักนิด ทั้งยังแปลกใจว่าเหตุใดจึงรู้สึกอ้างว้างเสียเหลือเกิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD